1. ยอดขายสมาร์ทโฟนเริ่มตก: ปี 2016 โต 10% ปีนี้แค่ 3%
2. มีคนใช้อินเตอร์เน็ตเพิ่มขึ้นก็จริง แต่ปีนี้มีคนเพิ่มแค่ 10% เหมือนปี 2016
3. ตลาดสมาร์ทโฟนอิ่มตัว: ตั้งแต่ปี 2014 ยอดขนส่งสมาร์ทโฟนก็โตอยู่แค่ 3% จนถึงปีนี้
4. คนใช้มือถือเล่นอินเตอร์เน็ตมากขึ้น แต่ใช้เดสก์ท็อปเล่นน้อยลง
5. เม็ดเงินลงทุนในโฆษณาบนมือถือมากกว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปแล้ว
6. คนใช้เวลา 28% เสพย์สื่อบนมือถือ แต่สื่อพวกนี้ได้เงินแค่ 21% จากเงินที่ลงทุนในโฆษณา
นั่นหมายความว่ายังมีโอกาสในตลาดโฆษณามือถือที่มีมูลค่า 16 พันล้านเหรียญ
7. เงินโฆษณาบนอินเตอร์เน็ตเริ่มแซงเงินโฆษณาบนทีวีไปตั้งแต่ปี 2016 แล้ว
นั่นหมายความว่าโฆษณาบนมือถือก็มีความสำคัญมากขึ้นด้วย
8. แค่ Google และ Facebook ก็กินส่วนแบ่งการตลาดโฆษณาออนไลน์ไป 85% แล้ว
และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมี Impression และ Data ที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆทำให้การยิงโฆษณาแม่นขึ้น
9. คนใช้งาน Ad Block ก็เยอะขึ้นด้วยโดยเฉพาะในตลาดกำลังพัฒนา
ไม่ให้เห็นโฆษณา เกือบ 400 ล้านคนบล็อกโฆษณาบนมือถือ
10. Facebook และ Google พัฒนาระบบตอบรับความต้องการยิงโฆษณาและวัดผลให้แม่นขึ้น
11. แพลตฟอร์มออนไลน์เร่งกระตุ้นผู้บริโภคซื้อของบนโฆษณา เพื่อทำรายได้จากโฆษณา
12. และถ้าเข้าไปใกล้ๆร้านค้า ก็จะมีโฆษณาเด้งบนหน้าจอสมาร์ทดีไวซ์กระตุ้นให้สนใจสินค้าและบริการด้วย
13. ถ้า Google ประสบความสำเร็จในการใช้ Keyword ในการทำโฆษณา Snap ก็ประสบความสำเร็จในการใช้ Key Picture ในการทำโฆษณา
14. โฆษณาที่ดีที่สุดคือโฆษณาที่ผู้บริโภคและผู้มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์ช่วยกันทำ
โฆษณาแบบนี้ได้ผลดีกว่าโฆษณาที่แบรนด์พูดเองเสียอีก
15. โฆษณาที่จะไปโผล่บนหน้าจอสมาร์ทโฟนขึ้นอยู่กับรูปที่เก้บไว้ในเครื่องด้วย
16. ใช้ “เสียง” ค้นหาข้อมูลได้แล้ว หลังจากที่เทคโนโลยีตรวจจับเสียงพัฒนาขีดความสามารถได้มากอีก 20%
ทำให้สินค้าอย่าง Amazon Echo ได้รับความนิยมมากในอเมริกาถึง 11 ล้านเครื่อง
17. บทสนทนาบริการลูกค้าปรากฎชัดขึ้นเรื่อยๆในแชทแอปฯมากกว่าโทรศัพท์ เพราะความรวดเร็วในการถามตอบและเข้าถึงได้กว้างกว่า
18. ของดีๆมีคุณภาพเป็นนวัตกรรมตีตลาดนิชดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาด “Disrupt” สินค้าเก่งในตลาดได้เลย
19. อีคอมเมิร์ซและร้านค้าปลีกต้องส่งแพ็กเกจมากขึ้นเรื่อยๆถึง 9% ในปีนี้
20. บริการส่งอาหารได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะผู้บริโภคอยากประหยัดเวลามากขึ้น ทำให้บริการนี้ทำรายได้ให้กับร้านอาหารบางร้านได้เป็นกอบเป็นกำ
21. Amazon ได้ “Disrupt” วงการค้าปลีกไปเรียบร้อยโดยเฉพาะร้านค้าที่ยังมีหน้าร้านอยู่
22. WalMart ซื้อ Jet.com เริ่มรุกออนไลน์พยายามแข่งกับ Amazon และพยุงธุรกิจหน้าร้านของตัวเอง
23. ตลาดอีคอมเมิร์ซในอเมริกาโตขึ้นปีนี้ 15% ส่งนหนึ่งก็เพราะ Amazon ด้วย
24. สินค้าเกมกลายเป็นสินค้ากระแสหลักไปแล้ว เพราะกระแสออนไลน์ ทำให้มีเกมเมอร์เพิ่มขึ้นถึง 2.6 พันล้านคน
เทียบกับปี 1995 ที่มีแค่ 100 ล้านคนเอง เกมในตอนนี้เน้น E-Sport ทำให้เกมเมอร์มีผู้หญิงและวัยสูงอายุมากขึ้น และอุตสาหกรรมเกมมีรายได้เป็นแสนล้านเหรียญในปีนี้
25. ด้วยธรรมชาติของเกมที่มีแรงจูงใจและความท้าทาย ทำให้เราได้รู้จักเรียนรู้ทดลอง รู้จักวิเคราะห์ วางแผนแก้ปัญหา
26. เล่นวีดีโอเกมสูบเวลามากกว่าเล่น Facebook เสียอีก ซึ่งตัวเกมที่ว่าก็ถูกออกแบบมาให้คนเล่นแล้วติดอยู่แล้ว
27. การเล่นเกมช่วยพัฒนาความสามารถในการทำงานในโลกจริงได้
ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Virtual Reality ฝึกฝนทักษะ, พัฒนา Machine Learning, จำลองเกม ช่วยฝึกฝนนักกีฬา
28. การใช้งานแอปฯน่าสนใจขึ้นโดยยึดหลัก Gamification บริการลูกค้่า
29. ขนาดข้อมูลทั้งโลกในปีนี้สูงขึ้น 10% จาก 14 Zettabytes ในปี 2016
30. E-Sport ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งจำนวนคนดู E-Sport เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ทุกปี
มี 43 ล้านคนคอยดู League of Legend รอบไฟนอล มีสื่อและสปอนเซอร์ให้ความสนใจ คนรุ่นมิลเลนเนี่ยมก็หันมาเล่น E-Sport มากกว่ากีฬาปรกติ
31. บริการเพลงสตรีมมิ่งอย่าง Spotify และ Apple Music ได้รับความนิยมและทำรายได้จากการเปิดช่วงให้ทดลองใช้งาน
32. สมาชิกทีวีเคเบิลเริ่มรู้สึกว่าราคาค่าสมาชิกแพงเกินไป ทำให้เลิกดูทีวีมากขึ้น
33. ศิลปินเพลงก็ทำรายได้เพิ่มขึ้นจากบริการสตรีมมิ่งเพลงด้วย
อย่างบริการเพลงสตรีมม่งของ Spotify ที่มีสมาชิกกว่า 50 ล้านคนก็ทำรายได้มากกว่าการขายเพลงในรูปแบบเดิมๆ ทำให้อุตสาหกรรมเพลงมีรายได้เพิ่มด้วย
34. ตั้งแต่ปี 2010 ระยะเวลาดูวีดีโอบน Netflix เพิ่มขึ้นเป็น 175 พันล้านนาทีทุกเดือน เพิ่ม 6.7 เท่า
ในขณะที่ระยะเวลาในการดูทีวีโดยรวมตกลงไปโดยเฉลี่ย 10% Netflix ก็ทำรายได้เพิ่มอีก 30% ในฐานะเป็นโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์
35. Youtube เสียยอดแชร์วีดีโอให้กับ Facebook และ Snap
เนื่องจากแอปฯของสื่อสังคมออนไลน์แชร์คอนเทนต์วีดีโอสั้นๆบนมือถือได้ง่ายอยู่แล้ว
36. เม็ดเงินการใช้จ่ายในบริการคลาวด์อย่าง Amazon’s AWS, Azure และ Google Cloud เติบโตขึ้น
37. หลายธุรกิจใส่ใจกับงานดีไซน์มากขึ้น
เพราะผู้บริโภคคาดหวังว่าประสบการณ์ใช้งานสินค้าและบริการในด้านเทคโนโลยีมีสูงขึ้น นักออกแบบจึงทำงานองค์กรร่วมกับนักพัฒฯาสินค้ามากขึ้นตามไปด้วย
38. สแปมเพิ่มขึ้นตามความนิยมของระบบคราวด์ ทำให้มีบุคคลที่ข้อมูลถูกเปิดเผยไปกว่า 100 ล้านคน
39. บริษัทเทคโนโลยีของจีนช่วยเพิ่มรายได้ให้กับจีนโดยเฉพาะภาคผู้บริโภคและสาธารณะสุข
40. จีนมีคนใช้สมาร์ทโฟนถึง 700 ล้านคนไปแล้ว
และยอดจำนวนคนใช้มือถือเิ่มถึง 12%มากกว่าโดยเฉลี่ยทั่วโลกที่มีแค่ 3% เท่านั้น
41. มือถือทำให้คนจีนเสพย์สื่อมากขึ้นแซงหน้าทีวีเช่นเดียวกัน
อย่าง WeChat ก็ลงทุนเวลาให้กับสื่อบนอินเตอร์เน็ตเช่นกัน
42. บริการไลฟ์สตรีมมิ่งของจีนแซงหน้าอเมริกาไปแล้วโดยเฉพาะในตลาดอินเตอรืแอกทีฟเกมในปี 2016
43. บริการคมนาคมออนดีมานด์ของจีนมีเพิ่มขึ้น
สาเหตุเพราะเป็นบริการที่ถูก สะดวกที่จะเช่นรถและจักรยาน ทำให้มลพิษในจีนลดลงด้วย
44. Alipay และ WeChat ทำให้ตลาดโมบายเพยเมนท์ของจีนโตขึ้น 2 เท่า
ซึ่งบริการนี้จะมาแทนที่เงินสดและบัตรชำระเงินต่างๆ โดยเฉพาะการใช้จ่ายเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นซื้อของข้างทาง เช่าจักรยาน และเติมเงินมือถือ
45. อีคอมเมิร์ซในจีนโต 24% ในปี 2017 เร็วกว่าอเมริกาซึ่งโดตแค่ 15% ในปีนี้
ซึ่งก็ฟังแล้วมีเหตุผลเพราะแค่ Alibaba ก็มีคนใช้บริการบนมือถืออยู่ 570 ล้านคนในแต่ละเดือนไปแล้ว
46. News Feed บน Toutiao, Baidu, Weibo และ Tencent ทำให้รายได้โฆษณาของจีนโตขึ้น 30%
เพราะแค่รายได้โฆษณาบนแพลตฟอร์มพวกนี้ก็คิดเป็น 70% ของรายได้โฆษณาทั้งหมดในปีนี้ไปแล้ว
47. ต้นทุนของข้อมูลถูกลงทำให้การใช้อินเตอร์เน็ตในอินเดียมากขึ้น
ซึ่งปีนี้อินเดียมียอดผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตถึง 355 ล้านคนซึ่งโตขึ้นอีก 28% ในปีนี้
48. ส่วนตลาดฮาร์ดแวร์โมบายของอินเดียก็มีการบริโภคเพิ่มขึ้น เนื่องจากการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้ราคาฮาร์ดแวร์ถูกลง
49. เทคโนโลยีพัฒนาวงการบริการสุขภาพด้วย
ไม่ว่จะเป็นสแกน 3 มิติ, อุปกรณ์สวมใส่, การควบคุมข้อมูล, ความยินยอมให้ข้อมูลทางสุขภาพ, แอปฯและงานวิจัยก็ก้าวหน้าขึ้น
50. เทคโนโลยีทำให้ต้นทุนในการวิเคราห์พันธุกรรมลดลง เพิ่มโอกาสในการพัฒนายาที่รักษาโรคเฉพาะคนได้
51. บริษัทอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ๋แทบจะยึดตลาดที่เป็นบริการสาธารณะไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น Facebook Google Amazon Apple Ailbaba และ Tencent
52. แต่ต่อให้บริษัทที่ว่าอยู่ในอุตสาหกรรมที่ต่างกัน แต่ก็เข้ามาแย่งตลา่ดอีคอมเมิร์ซ ฮาร์ดแวร์และโฆษณา
53. เงินส่วนใหญ่ที่ลงทุนในเทคโนโลยีมาจากบริษัทเอกชน
54. การควบรวมและการเข้าซื้อกิจการของบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นประวิติการณ์
55. 60% ของบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงเกิดจากผู้ก่อตั้งอเมริกันแค่คนสองคนเท่านั้นแต่มีพนักงานกว่า 1.5 ล้านล้านคนในปี 2016
แหล่งที่มา
The best Meeker 2017 Internet Trends slides and what they mean