เคลียร์ให้ชัด!!! ระหว่าง EV vs ENGINE ใครรักษ์โลกรักสิ่งแวดล้อมมากกว่ากัน

  • 48
  •  
  •  
  •  
  •  

ช่วงที่ผ่านมาเราสามารถสัมผัสอากาศหนาวได้แบบเต็มเปี่ยม แต่ก็คาดการณ์ว่าปีนี้อากาศจะร้อนแบบสุดขั้ว นั่นคือความผันผวนของสภาพภูมิอากาศที่เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน เป็นเรื่องใหญ่ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ส่งผลให้มีการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ออกมามากมายเพื่อลดการทำลายสิ่งแวดล้อม EV คือหนึ่งในนวัตกรรมนั้นที่ทั่วโลกให้การยอมรับและมีการใช้กันมากมายทั่วโลก

แต่ EV ก็ยังคงเป็นที่พูดถึงกันได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการถกเถียงกันด้วยเรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่งในมุมมองของหลายคนก็มองว่ารถใช้น้ำมันคือตัวการสำคัญที่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่มุมมองของอีกหลายคนก็มองว่า EV ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษจริงๆ แล้วสร้างมลพิษทางอ้อมมหาศาล ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถูกตอกย้ำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า EV เป็นสิ่งหลอกลวง (Scam)

วันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์และเทียบกันดูว่า EV หรือ Engine ใครกันที่ดูแลสิ่งแวดล้อมมากกว่ากัน?

 

กำเนิดเครื่องยนต์ส่งผ่านถึง EV

โลกรู้จักเครื่องยนต์มามากกว่า 100 ปี โดยยุคแรกของเครื่องยนต์จะรู้จักในชื่อเครื่องจักรไอน้ำ (Stream Engine) ด้วยการใช้แรงดันของไอน้ำไปหมุนล้อสร้างกำลัง แต่ด้วยประสิทธิภาพที่มีข้อจำกัด ทำให้เกิดการคิดค้นเครื่องยนต์ที่ให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่า นำไปสู่การคิดค้นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันในการจุดระเบิดเพื่อผลักดันลูกสูบให้ไปหมุนล้อสร้างกำลังแทนการใช้แรงดันไอน้ำ

จากนั้นมาโลกก็เข้าสู่ยุคการแข่งขันพัฒนาเครื่องยนต์ควบคู่กับเศรษฐกิจโลกที่โตขึ้น จนกระทั่งน้ำมันกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนโลกใบนี้ ราคาน้ำมันจึงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์เริ่มมีแนวคิดในการนำพลังงานทางเลือกอื่นเข้ามาใช้ หนึ่งในนั้นคือการใช้พลังงานไฟฟ้า

สิ่งประดิษฐ์ของ Nikola Tesla อย่างมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง จึงถูกพัฒนาให้สมรรถนะใกล้เคียงกับรถใช้น้ำมันและนำมาใช้แทนเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันจนกลายเป็น EV ช่วยลดการใช้น้ำมันได้ 100% และเพราะไม่มีการเผาไหม้เกิดขึ้น รถ EV จึงไม่มีมลพิษใดๆ ออกมาไม่เว้นแม้แต่เสียง

 

ใครปล่อยมลพิษคนนั้นคือผู้ร้าย

นอกจากเรื่องของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิด EV คือเรื่องของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเกิดภาวะโลกร้อน ยิ่งเศรษฐกิจดีการใช้รถยนต์ก็สูงขึ้นตาม และเป็นสิ่งที่ก่อมลพิษที่สามารถเห็นได้ชัดเจนที่สุด เครื่องยนต์ใช้น้ำมันจึงตกเป็นจำเลยที่เป็นตัวการหลักปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม แม้จะมีการพัฒนาเครื่องยนต์ให้ได้มาตรฐานลดการปล่อยมลพิษก็ตาม

ถ้าจะเทียบตัวอย่างการปล่อยมลพิษแบบให้เห็นชัดก็ต้องเทียบระหว่างบุหรี่ทั่วไปกับบุหรี่ไฟฟ้า ทุกคนรังเกียจและไม่อยากอยู่ใกล้คนที่สูบบุหรี่เพราะควันบุหรี่ที่เหม็นและเป็นอันตราย แถมยังเป็นหนึ่งในมลพิษที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ในทางกลับกันบุหรี่ไฟฟ้าใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ควันบุหรี่ที่มีกลิ่นเหม็นกลายสภาพเป็นไอน้ำระเหยไปในอากาศ แน่นอนว่าอันตรายยังมีอยู่ แต่หลายคนยังรับได้ถ้าต้องอยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ไฟฟ้า (ทางที่ดีไม่ควรสูบบุหรี่ใดๆ เลย)

ซึ่งบุหรี่ทั่วไปก็เหมือนรถยนต์ใช้น้ำมัน ปล่อยควันเหม็นเป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อม ใครๆ ก็ตราหน้าว่าเป็นตัวการทำลายสิ่งแวดล้อม ขณะที่บุหรี่ไฟฟ้าก็เหมือนรถ EV มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเฉพาะไฟฟ้า ไร้มลพิษที่ทำลายสิ่งแวดล้อม เมื่อเทียบภาพลักษณ์แล้วคนใช้รถทั่วไปเหมือนคนที่สนใจสิ่งแวดล้อม ขณะที่คนใช้รถ EV ดูดีเท่หล่อสวยแถมยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมเป็นห่วงคนรอบข้าง

 

เปิดพรมรื้อบ้านเรื่องลับที่ต้องรู้

การเปรียบเทียบก่อนหน้านี้เป็นการเทียบกันแบบให้เห็นกันโดยทั่วไปบนท้องถนน แต่ถ้าเราลองมาแกะรายละเอียดกันดูจะพบความไม่แตกต่างใดๆ ในหลังบ้านเลย แน่นอนว่าถ้าเรามองในแง่กระบวนการผลิตรถใช้น้ำมันและรถ EV มีการจ้างแรงงานเหมือนกันมีการใช้หุ่นยนต์ในการผลิตไม่แตกต่างกัน แต่สิ่งแตกต่างกันคือต้นกำเนิดการผลิตหรือต้นน้ำของการผลิตเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะแบตเตอรี่

เมื่อลองมาแกะดูการผลิตแบบคร่าวๆ จะพบว่า แบตเตอรี่ในปัจจุบันมีการใช้แร่ธาตุหลายชนิดเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีในการแปลงสภาพกลายเป็นไฟฟ้า และกระบวนการได้มาซึ่งแร่ธาตุเหล่านั้นล้วนแต่ปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากแร่ส่วนใหญ่อยู่ในชั้นดิน และแร่ส่วนใหญ่ต้องผ่านกระบวนการแปรรูปก่อนนำมาใช้งาน ดังนั้นแบตเตอรี่ที่อยู่ในรถยนตใช้น้ำมันหรือแบตเตอรี่ใน EV ล้วนก่อนพิษทั้งสิ้นในการกระบวนการผลิต

เมื่อเทียบกันแล้วรถใช้น้ำมันมีการใช้แบตเตอรี่น้อยกว่า EV อย่างเห็นได้ชัด นั่นหมายความว่า ถ้าสมมติทั่วโลกใช้ EV กันแบบ 100% กระบวนการผลิตจะมากมายขนาดไหน ยังไม่นับไปรวมถึงการบริหารจัดการเมื่อแบตเตอรี่กลายเป็นขยะ ซึ่งการจัดการกับแบตเตอรี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะในแบตเตอรี่ของรถใช้น้ำมันจะมีส่วนประกอบที่เป็นกรดที่ทำลายสิ่งแวดล้อมทางตรง ขณะที่แบตเตอรี่ EV จะเป็นขยะเคมีที่ก็ทำลายสิ่งแวดล้อมทางตรงเช่นกัน

ถ้ากลับมาลองเทียบกับบุหรี่ทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้าก็จะเห็นความคล้ายกัน แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ได้ปล่อยควันที่เป็นมลพิษ แต่กระบวนการผลิตใช้สารเคมีทั้งสิ้น แถมยังมีพลาสติกและแบตเตอรี่เสริมเข้าไปอีก ทำให้เมื่อกลายเป็นขยะต้องมีการจัดการมีมากมาย ส่วนบุหรี่ทั่วไปแม้หลายคนมองว่ามาจากใบยาสูบที่เป็นของธรรมชาติ แต่การปลูกพืชเหล่านั้นก็ต้องไปแย่งพื้นที่ปลูกพืชอื่นๆ มา รวมไปถึงขยะที่เกิดจากก้นบุหรี่อีกมากมาย

 

สรุปข้อดีข้อเสีย EV vs ENGINE

ดังนั้นการที่ EV จะถูกเคลมว่า เป็นนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมก็อาจจะไม่ถูกซะทีเดียว เพราะอย่างไรก็ตามพลังงานไฟฟ้าที่นำมาชาร์จแบตเตอรี่ EV ต้นกำเนิดก็มาจากการใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า โดยประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าถึง 80% หมายความว่ายิ่งใช้ไฟฟ้ามากขึ้น ก็ต้องยิ่งใช้ก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้ามากขึ้น ยิ่งเร่งให้เกิดมลพิษจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า

นี่ยังไม่นับรวมส่วนประกอบอื่นๆ ของ EV ที่แตกต่างจากรถใช้น้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นยางที่ต้องเลือกใช้เฉพาะของ EV ระบบปรับอากาศที่ต้องใช้ของ EV โดยเฉพาะ หรือแม้แต่ของเหลวที่คนใช้รถ EV เข้าใจผิดว่า “ไม่มี” อย่างสารหล่อลื่นที่ใช้ในมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีอายุในการเปลี่ยน โดยมีหน้าที่หลักในการหล่อลื่นให้มอเตอร์หมุนได้อย่างราบรื่นและยังช่วยระบายความร้อนของมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่เสมือนน้ำมันเครื่องในรถยนต์ใช้น้ำมัน

ทั้งหมดนี้เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า การดูแลสิ่งแวดล้อมควรดำเนินการบนหลัก ESG ที่ต้องดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมที่หมายถึงชีวิตของทุกคนและการดำเนินการต่างๆ อย่างถูกต้องโดยไม่สร้างผลกระทบ ดังนั้นไม่ว่าจะ EV หรือรถยนต์ทั่วไปก็ยังคงมีส่วนทำลายสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญถ้าเรากางกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้ง EV และรถใช้น้ำมันอยู่ในฐานะจำเลยของสังคม เพราะยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ล้วนปล่อยมลพิษมากกว่าการใช้รถใช้น้ำมันและ EV ร่วมกันปล่อยมลพิษอีก

ดังนั้นเคลียร์กันแบบชัดๆ  EV หรือรถใช้น้ำมันก็ไม่แตกต่างกันในแง่ของการปล่อยมลพิษทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ แต่ถ้ามองในแง่การตลาด EV คือ New Product ที่ออกมาแก้ Pain Point ของผู้บริโภคในแง่ของค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันและค่าบำรุงดูแลรักษา แถมยังเป็นสินค้าที่ยังสามารถสร้างผลกำไรและก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจและการจ้างแรงงาน ในมุมมองของการตลาด EV จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ตลาดยานยนต์เกิดการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น อยู่ที่ว่าค่ายรถใช้น้ำมันจะปรับตัวไปทิศทางไหน ?

 

พัฒนาเทคโนโลยีใหม่มางัดกับ EV หรือจะรับ EV ให้เป็นส่วนหนึ่งของค่ายรถแล้วไหลไปตามกระแสของตลาด…


  • 48
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา