จนถึงตอนนี้คงจะพอพิสูจน์แล้วว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง โดยมีทั้งความต้องการที่สูงขึ้นเพราะผู้คนอยากจะใช้เรื่องของพลังงานทดแทนมากกว่าพลังงาน้ำมันที่เริ่มขาดแคลนไปทุกที กอปรกับ ในช่วงนี้ประเทศไทยทั้งรัฐและเอกชนต่างก็ตื่นตัวกับกระแสการใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น มีการเตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มากมายเพื่อมารองรับการเติบโตของรถยนต์ EV ซึ่งนั่นก็ผลักดันใหนตลาดรถ EV เติบโตสูงขึ้นและเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น โดยที่ผู้คนก็คาดหวังว่าราคารถยนต์ EV น่าจะถูกลง หรือมีค่ายรถยนต์มาทำรถ City Car ปล่อยมาที่ตลาดไทยเพื่อทำให้ราคาจับต้องได้มากกว่านี้
แต่ทำไม่บทความนี้กลับกำลังบอกว่า รถยนต์ EV อาจจะปรับราคาสูงขึ้นล่ะ??
Priceza Money เว็บเปรียบเทียบประกันรถยนต์ และ Insurance Content Creator ได้เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการ นโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ EV ในประเทศไทย
รถยนต์ไฟฟ้าจะแพงขึ้น?
ราคาขายรถยนต์ไฟฟ้า ในปัจจุบันที่เราเห็นกันอยู่ เป็นราคาที่ ‘รวมส่วนลดแล้ว’ ซึ่งมีที่มาจากนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ที่มีเนื้อหาหลักๆอยู่ 2 ข้อ ได้แก่
- รัฐบาลให้เงินอุดหนุนรถยนต์ EV 70,000 – 150,000 บาทต่อคัน
- รัฐบาลลดภาษีนำเข้า และ ภาษีสรรพสามิตรต่างๆ ให้กับค่ายรถEV ที่นำเข้ารถมาขายในประเทศไทย
นโยบายส่งเสริมทั้งหมดนี้ กำลังจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เดือนกันยายน 2566 ที่จะถึงนี้ นั่นหมายความว่า ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ขายกันอยู่ในปัจจุบัน อาจจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการที่ต้องเสียภาษีมากขึ้น และ อาจจะต้องปรับราคาขายรถให้สูงขึ้น ชดเชยสัดส่วนเงินสนับสนุนที่จะหายไป 70,000 – 150,000 บาท
รถยนต์ไฟฟ้าจะแพงขึ้นเท่าไหร่?
ถ้านโยบายส่งเสริมต่างๆหมดอายุ นั่นหมายถึงจะไม่มีเงินอุดหนุนต่างๆ รวมถึงภาษีที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าต้องจ่ายก็จะแพงขึ้นด้วย รถ EV รุ่นต่างๆ ก็อาจจะกลับไปที่ราคาตั้งต้นก่อนได้รับส่วนลดก็ได้
ทั้งนี้ทาง Priceza Money ขอหยิบยกมาเพียงบางส่วนในค่ายรถหลักๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมว่าอาจจะมีการปรับเพิ่มราคาขึ้นเท่าไหร่บ้าง ซึ่งเป็นเพียงการคาดการณ์จากการตั้งสมมุติฐานข้างต้นนั่นเอง
NETA V
ราคารวมส่วนลด 549,000 บาท
ราคาก่อนส่วนลด 760,000 บาท
ORA GOOD CAT
ราคารวมส่วนลด 828,500 บาท
ราคาก่อนส่วนลด 989,000 บาท
MG ZS EV
ราคารวมส่วนลด 949,000 บาท
ราคาก่อนส่วนลด 1,189,000 บาท
BYD ATTO 3
ราคารวมส่วนลด 1,199,900 บาท
ราคาก่อนส่วนลด 1,459,000 บาท
จากภาพรวมทำให้เห็นว่า ราคารถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ รุ่นก็อาจจจะแพงขึ้นมาหลัก 200,000 กว่าบาทเลย
ปัจจัยที่จะส่งผลให้การปรับเพิ่มราคาอาจจะไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทาง Priceza Money ใช้คำว่า ‘อาจจะแพงขึ้น’ เพราะยังมีความเป็นไปได้ที่ราคารถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาเท่าเดิมต่อไปด้วย โดยมีปัจจัยดังต่อไปนี้ ที่จะทำให้ราคารถยต์ EV ไม่ปรับขึ้น
- ถ้าหาก ครม. และ รัฐบาลใหม่ ที่กำลังจะจัดตั้งกันในช่วง กรกฏาคม-สิงหาคม 2566 นี้ พิจารณาว่าจะต่ออายุนโยบาย และ จัดสรรงบประมาณเข้ามาเพิ่มในปี 2566-2567 ที่จะถึงนี้ ซึ่งเราจะรู้กันไม่เกินเดือนกันยายน 2566 นี้แน่นอน
- ถ้าหากค่ายรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ไม่พึ่งพาส่วนลดและเงินอุดหนุนจากรัฐบาล แต่เลือกจะให้ส่วนลดพิเศษกับลูกค้าเองโดยตรง
- ถ้าหากโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ที่กำลังสร้างอยู่ในปัจจุบัน เสร็จสิ้นและเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย
ถ้าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็อาจจะทำให้ส่วนลดต่างๆ ของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันจะดำเนินต่อไป และ ราคาขายในปัจจุบันก็น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เราคงต้องลุ้นกันต่อไปจนถึงช่วงเดือนกันยายน 2566 นี้นั่นเอง
ส่งผลต่อราคา “ประกันรถยนต์ไฟฟ้า” หรือไม่?
เมื่อราคาของรถยนต์ EV ปรับขึ้น คำถามต่อไปคือ แล้วราคาของประกันรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกปรับขึ้นด้วยหรือไม่? น่าคิดนะ!
ทั้งนี้ ที่มาของราคาประกันรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน มีการคำนวณมาจากหลากหลายปัจจัย เช่น
- ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุของรถรุ่นนั้นๆ
- ความพร้อมในการซ่อมรถยนต์รุ่นนั้นๆ
โดยที่ราคาหรือมูลค่ารถยนต์รุ่นนั้นๆ ก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการคำนวณราคาประกันรถยนต์ เพราะฉะนั้นคำตอบคือ “ถ้าราคาขายหรือมูลค่ารถยนต์ EV แพงขึ้น ราคาประกันก็มีโอกาสที่จะต้องปรับเพิ่มขึ้นตาม”
(*ในกรณีที่ปัจจัยอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง)
บทสรุป
สุดท้ายในเดือนกันยายน 2566 นี้ เราน่าจะได้รู้กันว่า รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะมีแนวโน้มราคาเป็นยังไงต่อไป หากมีรายงานความคืบหน้าเราจะนำมาบอกเล่าให้ทราบอย่างแน่นอน
ที่มา :
https://money.priceza.com/ และ https://www.pricezamoney.com/