นอกจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสายการบินจะได้รับผลกระทบไปแบบเต็มๆ สำหรับวิกฤติ COVID-19 แล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบไม่ต่างกันอย่าง Travel Blogger หรือ บล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยว ด้วยมาตรการ Lockdown ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ เมื่อเดินทางไปไหนไม่ได้แล้วบล็อกเกอร์กลุ่มนี้จะทำอย่างไรเพื่อให้ยังคงสามารถผลิตคอนเท้นต์ได้อย่างต่อเนื่อง
ในงาน “iCreator Conference 2020” ช่วงที่มีการพูดคุยในหัวข้อ “The New Normal for Traveling Content” โดย ว่านไฉ – อคิร วงษ์เซ็ง จากเพจ “อาสาพาไปหลง” และ บอส – จักรพันธ์ วงศ์คณิต จากเพจ “Sneak Out หนีเที่ยว” ซึ่งเป็นผู้สร้างคอนเท้นต์ด้านการท่องเที่ยวที่มีจำนวนผู้ติดตามสูงมาก โดยทั้งคู่ต่างยอมรับว่า COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตคอนเท้นต์ด้านการท่องเที่ยว
เมื่อต้องอยู่แต่ในบ้านจะทำคอนเท้นต์ท่องเที่ยวอย่างไร
“จากตอนแรกห้ามออกนอกประเทศ ก็ยังพอหาคอนเท้นต์ท่องเที่ยวในประเทศได้ พอเริ่มห้ามออกนอกจังหวัด ก็ยังพอหาคอนเท้นต์คอนเท้นต์ในจังหวัดได้ แต่พอห้ามออกนอกบ้านนี่คือไม่รู้จะนำเสนอคอนเท้นต์ด้านการท่องเที่ยวยังไงดี ยอมรับว่าตอนแรกคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำยังไง” ว่านไฉ อาสาพาไปหลง
ก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด ว่านไฉเคยเดินทางทำคอนเท้นต์ท่องเที่ยวมากที่สุด 12 ประเทศต่อเดือน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มแย่ลงงานทุกอย่างที่เคยวางแผนไว้ก็ต้องยุติลงทุกอย่าง รวมถึงรายได้ด้วย สิ่งแรกที่ว่านไฉคิดคือการนำเสนอคอนเท้นต์ด้านการทำอาหารในช่วงที่ไม่สามารถเดินทางได้ แต่ก็ไม่ใช่คอนเท้นต์ที่ถนัด จากนั้นก็เริ่มนำฟุตเทจเก่าๆ มาเล่าใหม่ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี
แต่พอฟุตเทจเริ่มหมดก็ต้องพยายามหาคอนเท้นต์ใหม่ๆ เลยมีการเล่าประสบการณ์ส่วนตัวในการไปเที่ยวโดยเฉพาะ เรื่อง…ผี!!! แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องผีกันบ่อยๆ พอหมดเรื่องก็ต้องหาวิธีการนำเสนอใหม่ เลยมีการจัดออฟฟิศให้กลายเป็น “Studio Green Screen” แล้วเล่าเรื่องการเที่ยวแบบที่ตัวเองไม่ได้ออกจากบ้านในคอนเซ็ป “Travel from Home” เป็นมุมหนึ่งที่ให้ทุกคนเอา “ตา” ตัวเองออกไปนอกบ้าน
“การได้อยู่กับตัวเองก็ทำให้รู้ว่า คอนเท้นต์ที่ทำมาทั้งหมดมันไม่จีรังยั่งยืน เราต้องทำให้คนดูมีความสุขไปกับเราถือเป็นทางรอดที่สำคัญ ทันทีที่ปลอดล็อคพอได้เดินทางออกไปเห็นร้านค้า พบว่าประสบปัญหากันถ้วนหน้า โดยเฉพาะของสดที่ต้องทำวันต่อวัน พอขายไม่หมดก็ต้องทิ้ง ปีนี้ ‘อาสาพาไปหลง’ จึงไม่ได้หวังกำไร จึงเกิดแคมเปญ ‘เที่ยวต้องฟื้น’ เพราะถ้าธุรกิจท่องเที่ยวอยู๋ไม่ได้ เราที่เป็นเพจท่องเที่ยวก็ตายเช่นกัน” ว่านไฉ อาสาพาไปหลง
ท่องเที่ยวต้องฟื้นเพื่อให้คอนเท้นต์เติบโตพร้อมธุรกิจ
โดยแคมเปญดังกล่าวจะใช้พื้นที่เพจทั้งใน Facebook ที่มีผู้ติดตามอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคน และช่องทาง YouTube อีกกว่า 4 แสนราย ในการฝากร้านหรือช่วยโปรโมทธุรกิจ โดยเพจจะเดินทางไปช่วยโปรโมทแบบทีละจังหวัด เพื่อช่วยให้ธุรกิจฟื้นเดินต่อไปได้ ปัจจุบันเดินทางไปแล้วกว่า 10 จังหวัด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากร้านค้ามากมาย
อาทิ ตลาดหัวปลีที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นตลาดสินค้าโอท้อป (OTOP) ขนาดเล็ก ตลอดช่วงระยะเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดตลาดแห่งนี้ต้องปิดตัวลง ชาวบ้านทำการค้าขายไม่ได้ หลังจากที่เพจ “อาสาพาไปหลง” ไปทำคอนเท้นต์ ผู้ดูแลตลาดก็มีการโทรกลับมาขอบคุณ โดยหลังจากที่เพจนำเสนอคอนเท้นต์ไปแล้วทำให้มีลูกค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ปิดตัวไปหลังเกิดวิกฤติการโรคระบาด
“เหตุการณ์นี้ทำให้ผมโคตรมีความสุข ขณะที่ในเชียงใหม่เราก็ไปทำคอนเท้นต์รีวิวร้านคาเฟ่ ซึ่งเป็นร้านที่เพิ่งปรับปรุงร้านใหม่ ยังไม่ทันได้เปิดร้านก็เกิดการแพร่ระบาดก่อน หลังจากปล่อยคอนเท้นต์นั้นไปแล้ว คุณแม่เห็นก็อยากไปลองทานบ้าง ตอนที่ไปถ่ายรีวิวไม่มีลูกค้าเลย แต่ตอนที่ไปกับคุณแม่ เราต้องยืนต่อแถวนาน 1 ชั่วโมงเพราะลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น” ว่านไฉ อาสาพาไปหลง
สร้างคอนเท้นต์ Online Publisher ในช่วงวิกฤติ
ด้าน บอส จักรพันธ์ จากเพจ “Sneak Out หนีเที่ยว” ชี้ว่า ความรู้สึกไม่แตกต่างกับเพจอาสาพาไปหลง แต่ด้วยรูปแบบงานที่แตกต่างกัน โดย “Sneak Out หนีเที่ยว” จะเน้นไปที่รูปแบบ Publisher ซึ่งคอนเท้นต์จะไม่อิงกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ช่วงแรกทางบอสยอมรับว่า เครียดมาก เพราะไม่สามารถออกไปถ่ายหรือเดินทางไปเพื่อสร้างคอนเท้นต์ด้านการท่องเที่ยวได้เลย
มีการนำรูปภาพเก่าๆ มาดูว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เช่น การสร้างคอนเท้นต์รวมที่พักหลักร้อย เป็นต้น เพื่อให้คิดถึงการท่องเที่ยว หรือการรวมบทเพลงที่ทำให้นึกถึงการเดินทางโดยใช้ภาพเก่าๆ ที่มี ซึ่งเพลงในการท่องเที่ยวช่วยสร้าง Engagement ภายใต้รูปแบบ “Song with a View” คอนเท้นต์ลักษณะนี้สามารถสร้าง Engagement ได้มากมายในช่วงที่ทุกคนอยู่บ้านเพราะมีเวลาในการดูมากขึ้น
“เรามองว่า วิกฤติการระบาดที่ผ่านมาถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้าง Engagement กับคนอ่าน แถมยังช่วยให้เราค้นพบรูปแบบคอนเท้นต์ใหม่ๆ ที่ช่วงที่ทุกคนอยู่บ้าน ถือเป็นมุมที่ดี” บอส จักรพันธ์ “Sneak Out หนีเที่ยว”
แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศจะดีขึ้น แต่ในต่างประเทศยังคงน่าเป็นห่วง แน่นอนว่าคอนเท้นต์ด้านท่องเที่ยวส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดจะเน้นไปที่การท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ซึ่งอย่างที่ทราบดีว่าแหล่งท่องเที่ยวในไทยส่วนใหญ่ได้รับการรีวีวหรือนำไปผลิตคอนเท้นต์จำนวนมากจากหลายช่องหลายเพจ เรียกว่าแหล่งท่องเที่ยวช้ำแล้วช้ำอีก
“เราลองมาลีสต์รายชื่อแหล่งท่องเที่ยวในประเทศดูแล้วพบว่า มันมีวันหมด แม้จะไม่ได้ไปทุกที่ แต่หลายที่จะมีลักษณะการท่องเที่ยวที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งทำให้คอนเท้นต์น่าเบื่อ คาดเดาได้ แต่ยังมีวิธีการผลิตคอนเท้นต์ด้านการท่องเที่ยวอีกแบบ คือเราต้องไม่มองว่าการท่องเที่ยวคือสถานที่ แต่เราต้องมองว่าในสถานที่นั้นๆ มีเรื่องราวซ่อนอยู่ เช่น คุณลุงหนึ่งคนที่อยู่ในพื้นที่นั้นและมีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจ ก็สามารถนำมาผลิตได้หนึ่งคอนเท้นต์” ว่านไฉ อาสาพาไปหลง
การท่องเที่ยวคือ Story ไม่ใช่สถานที่
ล่าสุด เพจอาสาพาไปหลงเดินทางไปทำคอนเท้นต์ที่จังหวัดระยองที่ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส และอย่างที่ทราบดีกว่าก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาด้านการทูตที่อาจจะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดรอบสอง ซึ่งธุรกิจเตรียมการกลับมาฟื้นตัวช่วงหยุดยาวแต่ก็ต้องโดนซ้ำเติมไปอีก สำหรับทุ่งโปรงทองเป็นสถานที่ที่มีแพทเทิร์นในการเล่าเรื่องไม่แตกต่างไปจากเพจท่องเที่ยวอื่นๆ
“เราไปพบน้องแมวตัวหนึ่งที่ทุ่งโปรงทองซึ่งมีชื่อว่า ‘ไอ้หลง’ แมวอ้วนที่ชอบกินปลาสด ซึ่งเราประทับใจเจ้าแมวตัวนี้มาก พอเราอุ้มตัวนี้เข้าไปในทุ่งฯ ทุกคนต่างเข้ามาขอถ่ายรูปกับไอ้หลงจนกลายเป็น ‘มาสคอต’ สำหรับที่นี่ เราก็สอบถามประวัติของไอ้หลงจากคนพื้นที่ และสามารถนำมาสร้างเป็นคอนเท้นต์ด้านการท่องเที่ยว ‘มาสคอตแมวแห่งทุ่งโปรงทอง’ ด้วยรูปแบบคอนเท้นต์แบบนี้ เราสามารถสร้างได้อีกหลากหลายคอนเท้นต์” ว่านไฉ อาสาพาไปหลง
หรือแม้แต่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งที่มีต้นไม้ในร้านลักษณะเหมือนต้นไม้ล้มแต่ไม่ตาย ว่านไฉก็สามารถนำข้อคิดในแง่ของการให้กำลังใจเพื่อสู้ฝ่าฟันวิกฤติได้วยกัน แม้จะล้มลงก็ตาม โดยไม่จำเป็นต้องนำเสนอรูปแบบสถานที่ร้านคาเฟ่หรือรสชาติและความสวยงามของอาหารและขนมหวาน ซึ่งถือเป็นความโชคดีของว่านไฉที่เคยเป็นคนแต่งเพลงทำให้มุมมองและคอนเซ็ปในการสร้างสรรค์คอนเท้นต์ที่แตกต่าง
ในด้านของ Online Publisher อย่าง “Sneak Out หนีเที่ยว” ที่จะเน้นข้อมูลในเรื่องของฤดูกาลที่น่าเที่ยว ราคา มุมไหนที่ถ่ายรูปออกมาได้สวย ซึ่งการมองประเด็นที่แตกต่างไปจากการท่องเที่ยวปกติเป็นทักษะที่ผู้ผลิตคอนเท้นต์ด้าน Online Publisher ควรจะต้องมีเพื่อสร้างความแตกต่างในด้านคอนเท้นต์ และยังเป็นพัฒนาการสน้างคอนเท้นต์ออกไปได้เรื่อยๆ
โดยทาง Sneak Out หนีเที่ยว จะใช้วิธีสร้างคอนเท้นต์ในรูปแบบ เส้นทางการเดินทาง (Route Trip) เพื่อนำไปสู่การเดินทางตามเส้นทางที่เคยไป หรือเป็นไกด์ในการเดินทางท่องเที่ยวของแต่ละคนเพื่อประกอบการตัดสินใจท่องเที่ยว หรืออาจจะเป็นคอนเท้นต์ทริปประหยัด (Trip Budget) หรือรวมสถานที่ที่ต้องห้ามพลาด เป็นต้น
“ณ ปัจจุบันการสร้างเพจท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่ ในช่วงที่มีเพจท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากมายในปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับวินัยและความสม่ำเสมอในการผลิตคอนเท้นต์ อย่างของ ‘Sneak Out หนีเที่ยว’ จะมีการปล่อยวันละ 3 คอนเท้นต์ในช่วงเวลาที่กำหนด โดยจะต้องผ่านกระบวนการคิดแล้วว่าผู้อ่านจะได้อะไร ซึ่งเป็นความตั้งใจและใส่ใจในการสื่อสาร แต่การสร้างความแตกต่างจะช่วยเร่งให้เพจได้รับความสนใจมากขึ้น” บอส จักรพันธ์ “Sneak Out หนีเที่ยว”
การใช้ข้อมูล (DATA) เพื่อพัฒนาคอนเท้นต์
ด้าน อาสาพาไปหลง มองว่ายังมีโอกาสสำหรับคนที่ต้องการเข้ามาทำเพจท่องเที่ยว ซึ่งจากประสบการณ์ของว่านไฉ สิ่งที่แรกที่คิดก่อนเข้าสู่วงการเพจท่องเที่ยว คือ การร่าง Mapping ของการทำเพจท่องเที่ยว เริ่มจากคำถามฉันคือใคร คนดูเป็นใคร ลูกค้าเป็นใครและจะพูดหรือนำเสนออะไร ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าได้อานิสงส์จากการเป็นคนแต่งเพลง ที่ต้องดูคาแรคเตอร์ศิลปินก่อนจะแต่งเพลงให้เหมาะกับศิลปิน
“เริ่มฉันเป็นใคร ต้องทำให้เหมาะกับตัวเอง ทัศนคติและมุมมองเป็นอย่างไร เพราะเรามีประสบการณ์ด้านเพลงทำไมจะไม่เอาเพลงมาใส่ในคอนเท้นต์ คนดูเป็นใคร คนเราโตมาจะรู้ว่าคนประเภทไหนชอบเรา เวลาที่เราคุยกับใครเราจะรู้ได้ว่าเขาชอบเราเพราะอะไร ในปัจจุบันเพจสามารถดูได้จากหลังบ้านว่า ใครชอบเราบ้างและชอบเราเพราะอะไร” ว่านไฉ อาสาพาไปหลง
ด้าน บอส จักรพันธ์ “Sneak Out หนีเที่ยว” ชี้ว่า ปัจจุบันสามารถรู้ได้ว่าคนอ่านคือใคร ชอบอะไรในคอนเท้นต์ที่นำเสนอ และทำให้รู้ด้วยว่าคนอ่านชอบที่พักแบบโฮมสเตย์ ราคาดีแต่วิวหลักล้าน ชอบร้านอาหารสวยๆ ริมแม่น้ำ ทำให้เพจสามารถรับรู้ความต้องการของผู้อ่านได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อรู้แล้วว่าคนอ่านชอบคอนเท้นต์แบบไหน ก็สามารถผลิตคอนเม้นต์ที่ตรงกับความต้องการของผู้อ่าน
“เพจไม่รู้หรอกว่าคนอ่านเป็นใคร รูปร่างหน้าตาอย่างไร แต่เราจะรู้ได้ว่าผู้อ่านชอบคอนเท้นต์แบบไหน ซึ่งเกิดจากการทำซ้ำ ถ้าทำออกมา 10 คอนเท้นต์แล้วมี Engagement สูงซัก 7 คอนเท้นต์ก็เรียกได้ว่าผ่าน แต่ถ้าไม่ผ่านแสดงว่าคอนเท้นต์ไม่เหมาะกับกลุ่มผู้อ่านของเราก็ต้องเปลี่ยน เป็นการเรียนรู้จากการลงมือทำและทดลอง” บอส จักรพันธ์ “Sneak Out หนีเที่ยว”
ทั้งหมดคือสิ่งที่คนทำเพจด้านการท่องเที่ยวต้องเรียนรู้ โดยเฉพาะในยุคที่การเดินทางเป็นไปได้ยากลำบาก และคอนเท้นต์ก็มีข้อจำกัดที่มาก แต่ก็ยังมีช่องว่างให้เพจการท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้เกิดขึ้นมา