“คอร์รัปชันไทย” ฉุดรั้งเศรษฐกิจ-ภาพลักษณ์ประเทศดิ่งเหว! จากอันดับ 90 ร่วงอยู่ที่ 99 ของโลก

  • 3.4K
  •  
  •  
  •  
  •  

Corruption Thailand

EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดบทวิเคราะห์ “ปัญหาคอร์รัปชันไทย อุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ” ว่าสถานการณ์คอร์รัปชันของไทยในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมาปรับแย่ลง ดัชนีมาตรฐานการควบคุมคอร์รัปชัน (Control of corruption index: CCI) ที่จัดทำโดย World Bank บ่งชี้ว่าในปี 2017 ไทยได้คะแนน -0.39 (อยู่อันดับที่ 120 จากทั้งหมด 209 ประเทศ) ปรับตัวแย่ลงจากปี 1996 ที่ไทยได้ -0.36 คะแนน (อยู่อันดับที่ 103 จากทั้งหมด 187 ประเทศ) ซึ่งดัชนี CCI มีค่าอยู่ระหว่าง -2.5 ถึง 2.5 โดยคะแนนที่ติดลบนั้นบ่งชี้ถึงมาตรฐานการควบคุมคอร์รัปชันไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก

นอกจากนี้ การจัดอันดับโดยองค์กร Transparency International ยังพบว่า ภาพลักษณ์ด้านคอร์รัปชันของไทยก็ปรับแย่ลงเช่นกัน โดยในปี 2018 ไทยได้ 36 คะแนน (อยู่อันดับที่ 99 จากทั้งหมด 180 ประเทศ) ลดลงจากในปี 2012 ที่ไทยได้ 37 คะแนน (อยู่อันดับที่ 90 จากทั้งหมด 175 ประเทศ) ซึ่งคะแนนมีค่าอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 โดยคะแนนยิ่งสูงหมายถึงประเทศนั้นมีคอร์รัปชันต่ำ

 

ปัญหา “คอร์รัปชัน” ทำลายเศรษฐกิจ – สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม

ปัญหาด้านคอร์รัปชันส่งผลเสียต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความเหลื่อมล้ำในประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทย ได้หลายช่องทาง ได้แก่

– รายได้ภาครัฐที่ลดลง
– การใช้จ่ายภาครัฐที่ด้อยประสิทธิภาพ
– การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนที่ทำได้ยากขึ้น
– ลดแรงจูงใจของการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะในด้านงานวิจัยนวัตกรรม

จากงานศึกษาของ IMF เดือนเมษายน 2019 พบว่า “ประเทศที่มี GDP per capita สูงมักเป็นประเทศที่มีคอร์รัปชันต่ำ สอดคล้องกับงานวิจัยส่วนใหญ่ที่พบว่าคอร์รัปชันส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ดังนั้น การลดปัญหาคอร์รัปชันจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญข้อหนึ่งในการพัฒนาไปสู่ประเทศรายได้สูง”

EIC มองว่าปัญหาคอร์รัปชันส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ 3 ช่องทาง คือ

1. คอร์รัปชัน ทำให้รายได้ของภาครัฐน้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากการติดสินบน เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้ภาครัฐเก็บภาษีได้น้อย และทำให้ประชาชนไม่มีแรงจูงใจในการจ่ายภาษีเต็มตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

การศึกษาของ IMF พบว่า ประเทศที่คอร์รัปชันต่ำจะมีรายได้ภาครัฐสูงกว่าประเทศที่มีคอร์รัปชันสูงเฉลี่ยประมาณ 2.8-4.5% ของ GDP ซึ่งรายได้ภาครัฐที่ลดลงทำให้มีเม็ดเงินลงทุนน้อยลงสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการสังคมที่มีคุณภาพ จึงส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและเพิ่มความเหลื่อมล้ำในระยะยาว

2. คอร์รัปชันลดประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ โดย IMF พบอีกว่าประเทศที่คอร์รัปชันสูง มักมีการใช้จ่ายภาครัฐต่อหนึ่งโครงการ สูงกว่าประเทศที่มีคอร์รัปชันต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และพลังงาน มีความเสี่ยงที่จะมีการติดสินบนมากที่สุด

และยังพบว่าการคอร์รัปชันส่งผลให้การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจย่ำแย่ลง ทั้งในแง่ของผลกำไรและประสิทธิภาพการดำเนินงาน

นอกจากนี้ การดำเนินงานภาครัฐที่ไม่มีประสิทธิภาพยังทำให้คุณภาพการศึกษาด้อยลง สะท้อนจากคะแนนผลสอบนานาชาติที่ต่ำ โดยในกรณีของไทย ผลสอบ PISA ในปี 2015 อยู่เพียงอันดับที่ 55 จาก 72 ประเทศ แม้จะมีการจัดสรรงบเพื่อการศึกษาค่อนข้างมากก็ตาม

3. คอร์รัปชันเป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจและการลงทุน เพราะมักก่อให้เกิดการผูกขาดผ่านการกีดกันผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาด และทำให้ภาคเอกชนไม่มีแรงจูงใจในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพราะการสร้าง connection ผ่านการคอร์รัปชันทำได้ง่ายกว่า

โดยผลสำรวจของ World Economic Forum พบว่า ปัญหาคอร์รัปชันเป็น 1 ใน 5 อุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศ ASEAN รวมถึงไทย ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้นและบั่นทอนความเชื่อมั่นในการลงทุน

นอกจากนี้ OECD ยังพบอีกว่า คอร์รัปชันทำให้การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญด้วย

 

“ยกระดับธรรมภิบาลรัฐ – ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ – นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้” แนวทางลดคอร์รัปชัน

เมื่อพิจารณากรณีศึกษาในต่างประเทศ และบริบทของไทยพบว่า แนวทางการลดปัญหาคอร์รัปชันสามารถทำได้หลายวิธี คือ

1. ยกระดับธรรมาภิบาลของภาครัฐ เพิ่มความชัดเจนและลดความซับซ้อนของกรอบกฎหมาย เพื่อลดการใช้ดุลยพินิจ (Discretion) ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายที่ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมอย่างจริงจัง นอกจากนี้ การบริหารรัฐวิสาหกิจควรเป็นไปอย่างมืออาชีพและไม่ถูกแทรกแซงทางการเมือง

ตัวอย่างการยกระดับธรรมาภิบาลของภาครัฐในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น Public Governance, Performance and Accountability Act ของออสเตรเลียที่ออกมาในปี 2013 ได้ให้อำนาจ Accountable authority เป็นผู้ควบคุมการทำงานหน่วยงานรัฐให้มีประสิทธิภาพ และมีระบบประเมินความเสี่ยงการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ทำให้ภาครัฐมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

2. เพิ่มความโปร่งใสด้านข้อมูลและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ โดยให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลรายรับ/รายจ่าย และรายละเอียดโครงการของภาครัฐในทุกระดับ โดยเฉพาะกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง อีกทั้งปรับปรุงกฎหมายที่ลดทอนสิทธิเสรีภาพในการตรวจสอบของประชาชนและสื่อมวลชน

โดย IADB (2018) พบว่าการให้ประชาชนติดตามความคืบหน้าโครงการรัฐได้จะช่วยเพิ่มการร้องเรียนการคอร์รัปชัน และทำให้โครงการมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น

3. ใช้เทคโนโลยีร่วมสร้างระบบการตรวจสอบ เช่น สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ Crowdsourcing เพื่อให้ประชาชนรายงานการคอร์รัปชันได้ง่ายและในต้นทุนที่ต่ำ

ใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี และท้ายสุดอาจประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain สำหรับบันทึกข้อมูลภาครัฐ เช่น การออกโฉนดที่ดิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบิดเบือนและติดตามข้อมูลได้ง่าย

EIC ธนาคารไทยพาณิชย์-ปัญหาคอร์รัปชันไทย
EIC ธนาคารไทยพาณิชย์-ปัญหาคอร์รัปชันไทย

  • 3.4K
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ