“ประกันภัย” เป็นหนึ่งในธุรกิจที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก ต้องขอบคุณการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้เกิดการเติบโตครั้งใหญ่ของธุรกิจประกันภัย โยเฉพาะกลุ่มประกันชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทประกันต่างเร่งสร้างแคมเปญเพื่อคว้าโอกาสในช่วงเวลานี้ หลายบริษัทคิดค้นผลิตภัณฑืใหม่ด้านการปรักันเพื่อครอลคลุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและที่จะเกิดขึ้น
แต่ที่ “อาคเนย์ประกันภัย” ภายใต้การดูแลของ บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Thai Group กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในระดับที่เรียกว่า Big Bang ที่เป็นการพลิกโฉมธุรกิจสู่โลกดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีแก้โจทย์ Pain Point ของลูกค้า และเสริมศักยภาพด้วย Data Driven ผ่านมือของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Data อย่าง คุณฐากร ปิยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ย้อนรอยเครือไทยก่อนปรับกลยุทธ์
หากจะฉายภาพรวมธุรกิจภายใต้ “เครือไทย” ให้ชัดเจน ต้องแบ่งออกเป็น 3 ประเภทธุรกิจให้ชัดเจน ทั้งในส่วนของธุรกิจประกันภัย (Insurance Business) ที่ประกอบไปด้วยแบรนด์หลักอย่าง อาคเนย์ประกัยภัย, อาคเนย์ประกันชีวิตและไทยประกันภัย ด้านธุรกิจการเงิน (Financial Business) ที่มีทั้ง อาคเนย์ แคปปิตอล, อาคเนย์มันนี่และอาคเนย์มันนี่รีเทล และธุรกิจเพื่อคนวัยเกษียณ (Health&Wealth Business)
โดยที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจประกันยังคงถือเป็นกลุ่มหลักที่สร้างรายได้ให้กับเครือไทย แต่หากเทียบกับรายได้ปี 2562 กับปี 2563 จะเห็นเทรนด์การเติบโตในธุรกิจประกันอยู่ในสัดส่วนที่ลดลง ขณะที่การเติบโตของรายได้ในกลุ่มการเงินและกลุ่มธุรกิจเพื่อคนวัยเกษียณมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เทคโนโลยีด้านการเงินเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Aging Society
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจประกันจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ความต้องการรวมไปถึงความเสี่ยง เนื่องจากความต้องการด้านประกันในปัจจุบันแตกต่างออกไป รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยี AI ในการแก้ Pain Pont ต่างๆ สำหรับบริการด้านประกัน โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์
ลดความเสี่ยงด้วยเทคโนโลยี AI
สิ่งหนึ่งที่คุณฐากรชี้ว่า เป็นเรื่องสำคัญสำหรับธุรกิจประกันนั่นคืออัตราการเบิกจ่ายค่าสินไหมทดแทน หมายความว่ายิ่งลูกค้าประสบปัญหามากเท่าไหร่ บริษัทประกันภัยยอ่งต้องจ่ายมากขึ้นเท่านั้นและจะส่งผลต่อรายได้ของบริษัท แต่เรื่องของอุบัติเหตุหรือโรคภัยไข้เจ็บไม่สามารถรู้หรือคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำจึงเป็นความเสี่ยงที่บริษัทประกันภัยต้องแบกรับ
แต่ด้วยเทคโนโลยี AI ช่วยสามารถวิเคราะห์และคาดการณ์เหตุการณ์ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น นั่นจึวทำให้บริษัทประกันภัยอย่างอาคเนย์ประกันภัยต้องนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งแพ็คเกจความคุ้มครองก็จะแตกต่างไปตามความเสี่ยง โดยที่อาคเนย์ประกันภัยมีข้อมูลเชิงลึกสำหรับโอกาสและความเสี่ยง อาทิ อุบัติเหตุทางรถยนต์ช่วงกลางวันมีสูงกว่สช่วงกลางคืน แต่ความเสียหายจากอุบัติเหตุช่วงกลางวันจะน้อยกว่าช่วงกลางคืน
เมื่อผสานกับข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคจะช่วยให้บริษัทประกันสามารถประเมินความเสี่ยงของลูกคเาแต่ละรายปละสามสรถจัดสรรแพ็คเกจความคุ้มครองได้สอดรับความเสี่ยงที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้บริษัทยังมีข้อมูลเชิงลึกถึงพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด รถยนต์แบรนด์ใด รุ่นใดที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด หรือแม้แต่ข้อมูลความเชี่ยวชาญการรักษาเฉพาะทางของแต่ละโรงพยาบาล จะเป็นข้อมูลสำคัญที่มีส่วนช่วยในการผระเมินความเสี่ยงผู้บริโภคได้
ก้าวสู่ InsureTech พร้อมให้บริการด้วย AI
นอกจากการใช้ AI ในการประเมินความเสี่ยงของธุรกิจประกันแล้ว เทคโนโลยี AI ยังถูกนำไปใช้ในการอำนวยความสะดวกในการให้บริการ โดยเฉพาะในกบุ่มประกันภะยรถยนต์ที่หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ที่ต้องรอ Surveyor จากบริษัทประกัน บางรายก็มาเร็วภายใน 20 นาที บางรายต้องคอนนานกว่า 1 ชม. และถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายของบริษัทประกันภัยในการเน้นความเร็วในหารเข้าถึงพื้นที่จุดเกิดเหตุ
แต่ด้วยเทคโนโลยี AI ที่อาคเนย์ประกันภัยนำมาใช้จะช่วยให้ลูกค้าที่เร่งรีบสามารถใช้กล้องจากสมาร์ทโฟนถ่ายภาพตามจุดที่ระบบต้องการ โดย AI จะนำ-าพที่ได้มาประมวลผลหาร่องรอยความเสียหาย รวมถึงการประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้น นอกจากนี้ AI จะช่วยค้นหาอู่หรือศูนย์ซ่อมที่อยู่ใกล้เพื่อประสานงานในการนำรถเข้าส่งซ่อม โดยจะมีออกใบเคลมประกันในรูปของเอกสารดิจิทัล รวมถึงใบนัดส่งรถเข้าซ่อม
ขณะที่ AI จะทำการประสานงานกับอู่หรือศูนย์ซ่อมในการจัดเตรียมอะไหล่และดำเนินการรับรถเข้าสู่ระบบการซ่อม โดยกระบวนการและขั้นตอนการซ่อมจะถูกส่งมาที่ลูกค้า ช่วยให้ลูกค้าทราบถึงขั้นตอนการดำเนินการปละคาดการณ์วันดำเนินการเสร็จ ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องรอโดยที่ไม่ทราบความคืบหน้า พร้อมระบบการแจ้งเตือนหากทางอู่หรือศูนย์ซ่อมดำเนินการแล้วเสร็จผ่านแอปพลิเคชันของอาคเนย์ประกันภัย
เปิด 6 กลยุทธ์ Digital Transformation
คุณฐากรยังย้ำชัดเจนว่า ปีนี้อาคเนย์ประกันภัย พร้อมรุกตลาดด้วยการใช้เทคโนโลยี โดยเตรียมนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มในการให้บริการ ทั้งในส่วนของการเซอร์วิสและการขาย รวมถึงการนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ รูปแบบใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุด ผ่าน 6 กลยุทธ์สำคัญ ซึ่งถือเป็นการ Digital Transformation ในการดำเนินธุรกิจของอาคเนย์ประกันภัย
การมุ่งสร้างการเติบโตอย่างเข้มแข็ง ผ่านการ
ปรับพอร์ตธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งนอกจากจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ด้านการประกันภัยแล้วยังมุ่งสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างแต่ยังคงอยู้ในด้านการเงิน พร้อมทั้งเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย การสร้างประการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ (Customer Centric) เพื่อตอบความต้องการของลูกค้าผ่านแนวคิด Winning Product และการดูแลลูกค้าให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกช่วงชีวิต
การสร้างประสบการณ์ที่ดีของพนักงานด้วยการพัฒนาทักษะและสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน โดยอาคเนย์พร้อมปรับโครงสร้างออฟฟิศเพื่อให้การใช้ชีวิตในเวลาทำงานสะดวกสบายมากขึ้น การพัฒนาการใช้งานบิ๊กดาต้า เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ด้วยการนำข้อมูลต่างเพื่อช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจและสามารถค้นหาบริการที่เหมาะสมกับลูกค้าผ่านเมคโนโลยี AI
การสร้างกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี เพื่อให้พนักงานมีความคล่องตัวในการทำงาน โดยพนักงานสามารถใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานทั้งอุปกรณ์อย่าง Tablet และสมาร์ทโฟน รวมถึงยังสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา และการปรับโครงสร้างองค์กรรับโมเดลธุรกิจใหม่ ทั้งการออกออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อและการทำ e-Wallet
ทัังหมดคือความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ อาคเนย์ประกันภัย จนก้าวสู่ธุรกิจ InsureTech หลังการเข้ามารับตำแหน่งของคุณฐากร โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ร่วมกับการบริการ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น หากประสบปัญหาซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้ากังวลใจและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด ที่สำคัญการขยายพอร์ตธุรกิจยังช่วยเสริมแผนการลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับอาคเนย์ประกันภัยอีกด้วย