แม้ช่วงหลัง ๆ เราจะได้ยินเทรนด์ของการทำงานฟรีแลนซ์กันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะคนยุคมิลเลเนียล จากการอิสระในการทำงาน และได้เป็นเจ้านายของตัวเอง แต่ด้วยความไม่แน่นอนของเงินเดือน ถือเป็นอุปสรรคที่ทำให้คนที่สนใจก้าวสู่อาชีพนี้ต้องคิดหนักไม่แพ้กัน
จากผลสำรวจของ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) พบว่า มนุษย์เงินเดือนชาวไทยราว 79% ตอบว่า อยากเปลี่ยนมาทำงานอิสระ ไม่ว่าจะเป็นงานฟรีแลนซ์หรือออกมาเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง
ที่น่าแปลกใจ คือ แม้แต่มนุษย์ออฟฟิศที่ได้เงินเดือนสูงๆ ก็ตอบไปในทิศทางเดียวกันนี้ อย่างกลุ่มที่ได้รายรับมากกว่า 100,000 แสนบาท/เดือน ราว 1 ใน 3 ก็ตอบว่าอยากออกไปทำงานอิสระอย่างเต็มตัวเช่นกัน
ถึงจะมีคนอยากออกมาทำงานอิสระกันมาก แต่ผลสำรวจพบว่า กลุ่มมนุษย์เงินเดือนยังคงครองตลาดแรงงานอยู่นั่นเอง จากข้อมูลของอีไอซี กลุ่มคนทำงานประจำคิดเป็นสัดส่วน 74% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด ขณะที่กลุ่มคนทำงานอิสระมีสัดส่วนเพียง 21% (แบ่งเป็นคนทำงานฟรีแลนซ์ 12% และคนทำธุรกิจส่วนตัว 9%)
สิ่งที่ตัวเลขนี้บอกกับเราคือ ‘ไม่ใช่ทุกคนที่อยากเปลี่ยนมาทำงานอิสระจะสามารถทำได้อย่างใจคิดเสมอไป ยังมีอีกหลากหลายเหตุผลที่ทำให้คนลังเลที่จะก้าวออกมาทำงานอิสระอย่างเต็มตัว’
แล้วอะไรคือสาเหตุเหล่านั้น?
นอกจากความไม่แน่นอนเรื่องรายได้ ความไม่มั่นคงด้านการงาน หรือเรื่องการขาดสวัสดิการ เช่น ประกันสุขภาพต่างๆ และวันลาแล้ว งานฟรีแลนซ์อาจจะไม่ได้ให้ค่าตอบแทนสูงอย่างที่หลายคนวาดฝันไว้
ข้อมูลจากเว็บไซต์หางานยอดนิยมแห่งหนึ่งในไทยเผยว่า เหล่าคนสมัครงานฟรีแลนซ์เรียกเงินเดือนในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของงานประจำทั่วไป และยังเรียกเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยในปี 2016 ผู้สมัครงานฟรีแลนซ์เรียกเงินต่อเดือนที่ราว 18,600 บาท และพอถึงปี 2018 ก็เรียกเพิ่มขึ้นเป็น 20,900 บาท เทียบกับค่าจ้างงานประจำทั่วไปซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 18,503 บาทในปี 2016 เป็น 18,637 บาทในปี 2018
เมื่อถามว่าถ้าจะเปลี่ยนมาทำงานอิสระกันจริงๆ จะคาดหวังรายได้ที่มากขึ้นหรือน้อยลง เหล่ามนุษย์เงินเดือนถึง 96% ก็ตอบว่าต้องการรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 50%-70% ของเงินเดือนที่มีอยู่เดิม และมีจำนวนไม่น้อยที่ตอบว่า ต้องการรายได้มากขึ้นจากเดิมเป็นเท่าตัว
แต่แน่นอนว่าโลกแห่งความจริงไม่ได้สวยงามแบบนั้น
ข้อเท็จจริงที่เราพบคือคนทำงานฟรีแลนซ์ที่มีรายรับสูงๆ นั้น มีจำนวนน้อยมาก เมื่อลองเทียบดูว่าคนที่ทำงานแต่ละแบบมีรายได้เท่าไหร่กันบ้าง จะเห็นว่าคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ส่วนใหญ่มีรายรับต่อเดือนต่ำกว่ากลุ่มอื่นๆ โดย 18% ของคนทำงานฟรีแลนซ์ตอบว่ามีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 9,000 บาท เทียบกับคนทำงานประจำและคนทำธุรกิจส่วนตัวที่มีสัดส่วนตรงนี้มีเพียง 4% และ 1% เท่านั้น
ขณะเดียวกัน คนทำงานฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ต่อเดือนสูงกว่า 100,000 บาทกลับมีสัดส่วนเพียง 5% ซึ่งน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับคนทำงานประจำและคนทำธุรกิจส่วนตัวที่มีสัดส่วนคนรายได้สูงๆ เท่ากับ 8% และ 12% ตามลำดับ
นี่จึงอาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนทำงานฟรีแลนซ์ไม่ได้มีจำนวนเยอะอย่างที่เราคาด เพราะถึงแม้มนุษย์เงินเดือนหลายคนอยากจะก้าวออกจากงานประจำกันแค่ไหน แต่เมื่อเจอระดับรายได้ที่ไม่ได้สูงอย่างที่หวังไว้ (เผลอๆ อาจจะต่ำกว่างานประจำที่ทำอยู่เสียด้วยซ้ำ) ก็ต้องชักเท้ากลับมาคิดทบทวนกันใหม่
จากการสำรวจของ EIC เหตุผลส่วนใหญ่ที่คนเลือกทำงานประจำคือ ความมั่นคงด้านการงานและการเงิน (คือมีรายได้สม่ำเสมอ มีหน้าที่การงานรองรับตลอดเวลา) รองลงมาคือสวัสดิการ วันเวลาทำงานที่แน่นอน โอกาสเติบโต รวมถึงการมีสังคมในการทำงาน เมื่อเทียบกับงานฟรีแลนซ์ที่ยังมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทั้งเรื่องการงานและการเงิน ก็ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเลือกอยู่กับงานประจำ ซึ่งให้ความอุ่นใจมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ข้อดีหลายๆ อย่างของงานฟรีแลนซ์ ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของงาน อิสระในการบริหารจัดการเวลาเป็นของตัวเอง หรือการไม่ต้องพบเจอกับปัญหาดราม่าในที่ทำงานนั้นก็ทำให้คนจำนวนไม่น้อยยอมแลกความมั่นคงของงานประจำแล้วก้าวออกไปหางานฟรีแลนซ์ อีกข้อน่าสนใจที่เราพบคือ เมื่อก้าวเข้าสู่วงการนี้แล้ว
คนส่วนใหญ่ก็ตอบว่าพอใจกับสิ่งที่ทำอยู่และยังอยากอยู่กับงานฟรีแลนซ์ต่อไปเรื่อยๆ ตรงข้ามกับเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่ตอบว่า อยากเปลี่ยนงานกันเป็นส่วนมาก อ่านถึงตรงนี้ หลายคนคงกำลังถามตัวเองว่า จะอยู่กับงานประจำหรือลองลาออกมารับงานฟรีแลนซ์บ้างดี