ก่อนหน้านี้ เราคงได้เห็นข่าวการโดนจำกัดด้านเทคโนโลยี ของ ‘Huawei’ โดยสหรัฐฯ จนต้องคิดค้นทุกอย่างขึ้นด้วยตัวเอง ตั้งแต่ตัวชิปประมวลผล ไปจนถึงระบบปฏิบัติการ
ด้านทางคุณ วรุฒ สิริเกษมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดหัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ได้เปิดเผยว่า แม้จะเกิดเรื่องขึ้น แต่หากดูที่ผลประกอบการก็จะเห็นได้ว่า Huawei มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของลูกค้าเดิมของแบรนด์ ที่แม้สมาร์ตโฟนจะหายไปช่วงหนึ่ง แต่ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นเรียกได้ว่ามีความเก่งทั้งด้านสเปค และดีไซน์ ทำให้ยังสามารถดึงลูกค้าไว้ได้ และเมื่อลูกค้าชอบในผลิตภัณฑ์ตึวหนึ่งแล้ว จึงสนใจอยากลองหันไปใช้ผลิตภัณฑ์อื่นของ Huawei ด้วย
หนึ่งความแข็งแกร่งของทางแบรนด์ ‘Huawei’ ที่เราเห็นได้ชัดเจนคือ ‘Ecosystem’ ระหว่างผลิตภัณฑ์ในแบรนด์ที่เชื่อมต่อกันได้แบบ Seamless ซึ่งเป็นหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ลูกค้าอยากใช้สินค้าของแบรนด์มากกว่าหนึ่งผลิตภัณฑ์
สำหรับการเปิดตัว ‘Huawei Watch’ รุ่นใหม่นี้ ทางคุณวรุตให้มุมมองว่า ที่ Huawei เปิดตัวสมาร์ตวอชรุ่นใหม่ในราคาที่หลากหลาย และจัดเต็มด้านสเปคในทุกราคา เพราะเห็นโอกาสการเติบโตในตลาดนี้ โดยเฉพาะในเมืองไทยที่สมาร์ตวอชยังมีคู่แข่งไม่มาก และลูกค้ายังมีช่องว่างสำหรับสินค้าตัวนี้อยู่ การใส่ใจ และลงแรงไปในสนามแข่งนี้เพื่อดึงใจลูกค้านั้นคุ้มค่ามาก
ทำให้แม้ว่า Smart Watch จะไม่ใช่สินค้าที่เป็นอันดับหนึ่งของแบรนด์ในด้านของ Value แต่ด้วยความหลากหลาย และเทคโนโลยีที่อัดแน่น ก็ทำให้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งด้านยูนิตของแบรนด์ไปที่ 150 ล้านเครื่องทั่วโลก และสำคัญไปกว่านั้นยังเป็นสินค้าที่ทำให้คนรู้จัก Huawei กระทั่งรักแบรนด์มากขึ้นด้วย สำหรับทิศทางต่อจากนี้ Huawei มองว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มีนั้นสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่ม และตอบรับความต้องการที่หลากหลายของคนทุกเจนได้ โดยในอนาคตก็ยังจะพัฒนาสินค้าให้ดีขึ้นต่อไปด้วย
ชู Hero Product Huawei Watch รุ่น GT 5 Series และ Ultimate พร้อมคอลแลปใหม่ FreeBuds 6i x SkullPanda
โดย Huawei Watch รุ่น GT 5 Series ที่เปิดตัวในงาน ‘Huawei Innovative Product Launch’ จะมีทั้งรุ่นธรรมดา และรุ่น pro มาพร้อมขนาดจอ 42 และ 46 mm ด้วยน้ำหนักเพียง 44 กรัม และความหนา 9.6 มิลลิเมตร ในคอนเซปต์ ‘Fashion Sharp Edge Design’ ที่ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังเสริมแกร่งให้กับส่วนต่างๆ ของตัว Watch ตอบรับความตั้งใจที่อยากรองรับลูกค้าให้สวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน ด้วยแบตเตอรีที่ถึกทนสูงสุดที่ 14 วัน
ในด้านของฟีเจอร์ รองรับการออกกำลังกายได้มากกว่า 100 รูปแบบ ผ่านเทคโนโลยีเซนเซอร์ ‘Huawei Sunflower’ ตรวจจับการเคลื่อนไหว แบบ 360 องศา และมีเซนเซอร์ตรวจจับระบบภายในร่างกายเช่น อัตราการเต้นของหัวใจ โดยทาง Huawei ได้ออกแบบระบบต่างๆ ให้เหมาะกับกีฬาแต่ละรูปแบบ เช่น ‘Golf course’ รองรับรูปแบบ สนาม 15,000 แบบ พร้อมคำนวณแรงลมได้ หรือ ‘Free Diving Mode’ เพื่อกีฬาดำน้ำโดยเฉพาะ ที่รองรับการดำน้ำถึง 40 เมตร
ส่วน GT 5 Pro จะอัปเกรดเซนเซอร์ให้มีความสามารถหลากหลายมากขึ้น เช่น นอกจากค่าพื้นฐานต่างๆ แล้ว ยังสามารถตรวจจับ ‘ความเครียด’ ได้ ผ่านสัญญาณต่างๆ ของร่างกาย โดยจะแสดงผ่านหน้าจอ และสัญญาณเตือนความเครียดให้เราได้รู้ตัว รวมถึงยังมีระบบช่วยเราลดความเครียดผ่านการควบคุมลมหายใจด้วย
สำหรับรุ่น Ultimate มาในคอนเซปต์ Adventure Forward ใช้วัสดุพรีเมียม อย่างกระจกหน้าจอเป็น Sapphire Glass และเซอร์โครเนียมที่ตัวเครื่องทนทานต่อแรงดันสูง เช่น การดำน้ำลึกที่ระดับ 100 เมตร
ด้านของเซนเซอร์ และเทคโนโลยีตรวจจับก็อัปเกรดมากขึ้นไปอีก โดยสามารถบอกเวลาที่ดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์จะขึ้น ไปจนถึงการวัดแรงลม และความดันอากาศ เพื่อประเมินสภาพอากาศว่ามีควแปรปรวนหรือไม่
นอกจากตัว Watch แล้ว ทาง Huawei ยังได้เปิดตัว Freebuds 6i ที่คอลแลปร่วมกับ Skull Panda ผสานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกัน ผ่านเรื่องราวของดาวเคราะห์โซนิคซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังแห่งความเงียบสงบ
“ตัว Watch ของเรามี Marketsahre เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย แต่เรายังคงมุ่งมั่นจะอัปเกรดเทคโนโลยีของแบรนด์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบ End-to-End ทั้งยังขยับสู่ความเป็น Global มากขึ้น อย่างที่เราจะเห็นการคอลแลปร่วมกันกับ Skull Panda เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าทั่วโลก” – คุณ Louie Hu ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดหัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้