ถอดเทรนด์สำคัญของ 6 อุตสาหกรรม จาก “100 Future Trend Report” โดย “Wunderman Thompson” ให้แบรนด์พลิกวิกฤตเป็นโอกาส!

 

เมื่อบรรยากาศแห่งความไม่แน่นอนยังคงเป็นเหมือนหมอกจาง ๆ อยู่รอบตัวเรา แต่แบรนด์ไม่จำเป็นจะต้องทำตัวให้ทุกข์ระทมตาม 

แน่นอนว่าการแสดงออกถึง Empathy (ความรู้สึกร่วม) เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง แต่ในเวลาเดียวกัน จากคำกล่าวของหนึ่งในเอเจนซี่ชื่อดังก้องโลก “Wunderman Thompson” ได้แนะนำไว้ แบรนด์ก็ควรพลังอันแข็งแกร่ง สูบฉีดความเบิกบานและความสุข เติมเต็มให้ผู้คนมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่จะช่วยปะทุความมีชิวิตชีวาให้กลับมาเต็มแม็กซ์กันไปเล๊ย!

ดังนั้นนี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ของแบรนด์ที่จะเชื่อมตัวเองเข้ากับความคิดและจิตใจของผู้บริโภค Emma Chiu, Global Director ของ Wunderman Thompson Intelligence ได้ย้ำว่า:

ในปีที่ทุกสัญญาณล้วนชี้ไปยังภาพอนาคตที่มืดมนและสับสนวุ่นวายเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ตลอดจนความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความเสื่อมถอยของสิ่งแวดล้อมยังคงดำรงอยู่ เรากลับพบว่าแบรนด์ยังคงมีโอกาสอย่างไม่รู้จบ

ปีนี้จึงจะเป็นปีแห่ง “Joy-Conomy” (เศรษฐกิจแห่งความร่าเริง) ที่จะช่วยผู้บริโภคยกระดับอารมณ์และความรู้สึกออกจากความลบและความเครียดทั้งปวง แต่งเติมความสีสันสดใส เพื่อกายและใจของทุก ๆ คนที่มา touchpoint กับตัวแบรนด์กลับมามีความสุขได้อีกครั้งนึง

และนี่คือ “The Future 100: 2023” จาก Wunderman Thompson การศึกษาแนวโน้มประจำปีที่นำเสนอการคาดการณ์ 100 เทรนด์ ปี 2023 แบ่งเป็น 10 หมวดหมู่ แต่ในวันนี้ ทาง Marketing Oops! ไม่อยากให้ทุกคนต้องอ่านอะไรเยอะแยะจนเมื่อยตา จึงเลือกคัดสรรแบบเน้น ๆ ทั้งหมด 6 หมวด หมวดละ 3 เทรนด์ จะได้ให้ทุกคนเอาเวลาที่เหลือไปกินชาบูหมาล่า หรือชานมใข่มุขก็ดี เติมความสุขให้ร่างกายกันดีกว่า (แต่จิตใจนี่ ถ้ากินเยอะไปคงไม่ดีนะ)

 

ฟื้นฟูจิตใจกลับสู่ธรรมชาติ

ผู้บริโภคพันธุ์ใหม่จะคิดอย่างรอบคอบ และจะเดินตามแบรนด์ที่ “รัก” ในธรรมชาติ กับ “รักษ์” โลก พร้อมยึดสุขภาพจิตของตนเป็นหลัก

 

ระเบิดพลังแห่งความสุขให้เต็มแม็กซ์

ความทุกข์จากปีก่อนจะไม่เป็นอุปสรรคในการสร้างความสุขในปีนี้ พลังงานของปีนี้จะถูกอัดฉีดไปด้วยความฮึกเหิม! 

 

งานคราฟกลับมาบูม

ความโหยหาในงานฝีมือจะกลับมาอีกครั้ง ก่อให้เกิด “Artisan economy” ที่ทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความสามารถในการควบคุมชีวิตตัวเองได้และเสรีภาพของจิตใจ

 

 

ตัวตนบนโลกเสมือน

เมื่อการแสดงออกบนออฟไลน์ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด ผู้คนจะเสาะหาโลกอีกใบหรือ “โลกเสมือน” (Virtual world) เพื่อบอกว่า “นี่แหละตัวฉัน!”

 

โซเชียลฯฟีดต้อง​ Feel good

ใกล้จะหมดแล้ว ยุคแห่งการไถฟีดแล้วเจอแต่ข่าวขยะ ข้อมูลลบ ๆ เพราะ algorithm จะเริ่มถูกพัฒนาเน้นชู feel good คอนเทนต์ 

 

การเงินบนโลก Metaverse

ผู้บริโภคแทบจะสามารถทำทุกอย่างด้านการเงิน บนโลกแห่ง “Metaverse” ได้ในรูปแบบที่สนุกสนาน 

 

 

Web3 + Metaverse มาแน่!

ทั้งสองเทรนด์มาแน่! แบรนด์ควรเตรียมอาวุธชุดเกราะเอาไว้ตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มจากอัพเดทกลยุทธ์ด้านดิจิทัลใหม่ ๆ เข้าไว้

 

“โลก” คือคนสำคัญ

โลกก็คือหนึ่งในผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholder) จากนี้ไปจะทำอะไร แบรนด์ควรนึกซะว่า “โลก” ก็คือคน ๆ หนึ่ง 

 

ส่งเสริม Positivity 

แบรนด์ควรดีไซน์ตัวเองให้ส่งเสริมความสนุกสนาน ตอบสนองความต้องการในการมองโลกในแง่ดีของผู้บริโภค เสมือนเด็กซน ๆ คนนึง

 

 

ยึดหลัก “สากล”

ยุคทองแห่งความสร้างสรรค์กำลังมาถึง จุดประกายโดย Metaverse ดังนั้นจะดีไซน์อะไรก็ตาม จะโลกจริงหรือเสมือน ควรมีความเป็นสากลเอาไว้ 

 

เสริมความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

การเชื่อมของเศรษฐกิจและสินทรัพย์ดิจิทัลมาแน่ ดังนั้นการเสริมความรู้เกี่ยวกับหัวข้อนี้จะมีความสำคัญอย่างมาก

 

สนับสนุนกลุ่มลูกค้าที่เปราะบาง

บรรดาแบรนด์(หรือร้านค้า) ควรมีบทบาทและแสดงถึงการสนับสนุนให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้ไปได้ 

 

 

VIP คลับของเศรษฐีคริปโต 

Metaverse จะกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้อันมหาศาล และยังกลายเป็นคลับสุดหรูสำหรับ “เศรษฐีคริปโต”

 

เมนูอาหารสุดแรร์ 

ธุรกิจร้านอาหารจะเริ่มมีแหล่งปลูกของตัวเองหรือไม่ก็เป็นการสนับสนุนผลผลิตท้องถิ่น และจะนำวัตถุดิบหายากเหล่านั้นมารังสรรค์ให้เป็นมื้อหรู

 

ที่สุดแห่งความหรูและความส่วนตัว

แบรนด์หรูจะยกระดับความเอ็กซ์คลูซีฟขึ้นมาอีกขั้น โดยมอบประสบการณ์ต่อคนที่ “จำกัดมากที่สุด”

 

 

โรงแรม + การดูแลสุขภาพ

การดูแลสุขภาพจะเริ่มเป็นส่วนที่สำคัญมากยิ่งขึ้นเวลาท่องเที่ยว 

 

แพ็คเกจดูแลคนวัยทอง

โรงแรมและรีสอร์ทจะเริ่มขยายการบริการไปที่กลุ่มตลาดเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยทอง 

 

ปีแห่งการดูสุขภาพผิว “ทั้งตัว”

การบริการและสิ้นค้าดูแลใบหน้ามีมากมายจนแทบล้นตลาดตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่แบรนด์จะนำเสนอในองค์รวมมากกว่าหรือก็คือตั้งแต่ผิวคอลงมา

 

ทางเราหวังว่าการที่แบรนด์ได้ inform ตัวเองกับเทรนด์เหล่านี้ จะสามารถนำไปประยุกต์ปรับเปลี่ยนแผนการหรือกลยุทธ์ทางการตลาด ที่จะช่วยส่งเสริมกระแส Joy-Conomy และที่สำคัญที่สุด เป็นกำลังใจให้กับผู้บริโภคทุก ๆ คน เปลี่ยน “วิกฤต” ให้กลายเป็น “โอกาส” ที่จะเต็มไปด้วยความรื่นเริง!