กรณีการใช้ AI ผ่านมุมมอง “Google” กับ solution ใหม่ ๆ ที่นักการตลาดต้องรู้!

  • 3
  •  
  •  
  •  
  •  

เรามักได้ยินใครหลายคนกล่าวไว้ว่า โลกยุคใหม่เปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเดิม ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน AI ถือเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก หลายแบรนด์เองก็หันมาใช้เทคโนโลยีนี้เช่นกัน ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีอันดับโลกอย่าง Google เองก็เป็นผู้นำในการพัฒนา AI ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน

โดยในการสัมมนา Gen AI Masterclass – ก้าวข้าม Prompt ไปอีกขั้นกับ Generative AI for Business & Marketing กับคุณเติม – อดิทิพ ภาณุพงศ์ Industry Head, Strategic Partnerships, Google ประเทศไทย ได้มาแชร์มุมมองของ Google ว่า AI มีความสำคัญอย่างไร และมีกรณีศึกษาอะไรที่น่าสนใจบ้าง

คอมพิวเตอร์ถือเป็นยุคแรก ๆ ของใครหลาย ๆ ที่ต้องเริ่มเรียนรู้ ต่อมาเราต้องมาต้องเข้าคลาสเรียนเพื่อรู้วิธีใช้คีย์บอร์ด และก็ยังต้องเรียนรู้วิธีใช้เมาส์ในสมัยนั้น แต่ทุกวันนี้เด็กที่เกิดมาในยุคสมัยนี้ไม่ต้องเข้าคลาสก็ได้ เพราะสามารถเรียนรู้ได้จากอินเทอร์เน็ตใน Mobile เหมือนทุกคนมีจออยู่ในกระเป๋าตลอดเวลา ซึ่งจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีพัฒนาความต้องการของมนุษย์

“ในมุมมองของ Google ผ่านคุณซุนดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ซีอีโอของ Google and Alphabet ได้ระบุไว้ Google จะขยับตัวเองตั้งแต่ mobile first จนเป็นบริษัท AI first ตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งหมายความว่า AI จะเป็นหัวใจหลักทุกอย่างของ Google และโปรดักส์ของ Google ที่ทำออกมาเกือบทั้งหมด”

กรณีศึกษาการใช้ AI ผ่านมุมมอง Google

AI เข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพ คุณเติม – อดิทิพ เล่าให้ฟังว่า AI ช่วยตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตาจากภาพถ่ายจอประสาทตา ที่ทาง google ร่วมกับ รพ.ราชวิถี ผลการทดสอบพบว่ามีความแม่นยำถึง 97% เมื่อเทียบกับการให้ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัย จะอยู่ที่ราว 74%

และอีกส่วนคือการใช้ Machine Learning สามารถตรวจสอบรูปใบของต้นมันสำปะหลัง คือการถ่ายรูปใบไม้แล้วจะบอกว่าต้นนี้ตอนนี้สภาพเป็นอย่างไร และต้องมีการแก้ไขอย่างไรดี โดยปัจจุบันพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นออกเพื่อให้ชาวนาได้ใช้

“จะเห็นได้ว่าการเพิ่ม logic ที่มากขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีให้ AI สนทนากับเราได้ หรือที่หลาย ๆ คนรู้กัน Chatbot”

 

ตัวอย่างเครื่องมือของ Google ที่ AI เข้ามามีส่วนร่วม

คุณเติม-อดิทิพ ได้ยกตัวอย่างเครื่องมือมากมายจาก Google ที่จะช่วยผู้คน สังคม และธุรกิจได้ โดยเครื่องมือเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ใช้ AI เข้ามาช่วย ได้แก่

1.Google Photo ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถจัดการรูปภาพได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้ AI ในการระบุวัตถุและใบหน้าในภาพ รวมถึงช่วยแนะนำการจัดเรียงภาพให้สวย

2.Society AI ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาสังคม เช่น ในประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ได้นำระบบนี้มาช่วยคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับไฟป่า โดยใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศและภูมิศาสตร์ เพื่อระบุพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที

3. AI Solution ที่เข้ามาช่วยหาโซลูชั่นให้กับปัญหาต่าง ๆ เช่น ธุรกิจสามารถนำ AI Solution มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น หรือหน่วยงานภาครัฐสามารถนำ AI Solution มาช่วยพัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

4.Google Maps เบื้องหลังความสำเร็จของ Maps ก็คือ AI ที่วิเคราะห์ข้อมูลทันเหตุการณ์เกี่ยวกับสภาพการจราจรและความล่าช้าในการเดินทาง นอกจากนี้ AI ยังอัปเดตข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเดินทางได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

5.Gmail ล้วนเป็นความสามารถของ AI แถมยังช่วยคัดกรองจดหมายสแปมได้ดีกว่าผู้ให้บริการอีเมลรายอื่น ๆ ด้วยสถิติการบล็อกอีเมลสแปมราว 10 ล้านฉบับต่อนาที และการป้องกันสแปม ได้ถึง 99.9%

โดยเครื่องมือจาก Google เหล่านี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับหลากหลายบริบทและสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์และจินตนาการของผู้ใช้ แต่ถึง AI จะมีข้อดีเยอะขนาดไหน แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง อย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่า AI ยังมีปัญหาเรื่องของลิขสิทธิ์ เรื่องนี้เป็นปัญหาที่สำคัญของ google ในการแก้ปัญหาด้วยใส่ลายลูกค้า เพื่อไม่ให้มีการก๊อปปี้

ดังนั้น เครื่องมือจาก Google เหล่านี้จึงเปรียบเสมือนขุมทรัพย์ที่รอให้ผู้คนมาค้นพบและใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับผู้คน แถมยังช่วยให้สังคมสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ รวมถึงช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

 

 

 

 


  • 3
  •  
  •  
  •  
  •