ทุกวันนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโลกได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคเทคโนโลยี “AI” แล้ว โดยเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั้งโดยรู้ตัว และไม่รู้ตัว ตั้งแต่ตื่นนอน และกิจกรรมระหว่างวัน ไม่ว่าจะเรียน ทำงาน เที่ยว ไปจนถึงเข้านอน
เมื่อเดือนมีนาคม 2023 Bill Gates ได้เผยแพร่บทความ “The Age of AI has Begun” เชื่อว่า AI จะเปลี่ยนวิธีการทำงาน การเรียนรู้ การท่องเที่ยว การดูแลสุขภาพ และการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน
ตอกย้ำให้เห็นว่าปัจจุบันเป็นยุค AI อย่างแท้จริง!
“Gen Z – Gen Alpha” ประชากรที่เติบโตมากับเทคโนโลยี และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุค “AI”
ในจำนวนประชากรโลก 8,000 ล้านคน พบว่าปัจจุบันมีประชากรรุ่นใหม่ คือ
– Generation Z คนที่เกิดตั้งแต่ปี 1995 – 2009 ทั่วโลกมีประชากรกลุ่มนี้อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านคน
– Generation Alpha คนที่เกิดตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป ทั่วโลกมีประชากรกลุ่มนี้กว่า 2.8 ล้านคน แม้จะยังเป็นสัดส่วนที่เล็ก แต่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 ล้านคนในปี 2025
ประชากรทั้ง 2 กลุ่มนี้เติบโตมาในยุคเทคโนโลยี ทำให้เรียนรู้ เปิดรับ และปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ได้เร็ว ยิ่งนับวันเทคโนโลยี “AI” เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตมนุษย์มากขึ้น
จนอาจนิยามคนรุ่นใหม่ยุคนี้ได้ว่าเป็น “Generation AI” ก็ว่าได้ โดยเฉพาะ “Gen Alpha” ที่เกิดและเติบโตในยุค AI เหมือนเช่นเมื่อกว่า 10 – 20 ปีที่แล้ว ช่วงเริ่มต้นของ Gen Z ที่เกิดและเติบโตมาในยุคเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย
ผลสำรวจชี้ “ผู้ปกครอง – คนรุ่นใหม่” สนใจเครื่องมือการศึกษาที่ใช้ AI
ผลสำรวจ Common Sense Media องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ระบุว่า 77% ของผู้ปกครอง และ 92% ของนักเรียนอายุ 12 – 18 ปีให้ความสนใจเครื่องมือการศึกษาที่มีเทคโนโลยี AI เพราะสามารถช่วยเสริมทักษะและการเรียนรู้
ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่า AI มีส่วนช่วยพัฒนาด้านการศึกษา สอดคล้องกับ MIT Technology Review ได้นำเสนอมุมมองเกี่ยวกับ ChatGPT กำลังเปลี่ยนโลกการศึกษา มากกว่าเป็นการทำลาย
หลังจากในช่วงแรกที่ ChatGPT เป็นที่พูดถึงกัน ภาคการศึกษามีความกังวลต่อเทคโนโลยี AI Chatbot ดังกล่าว จะกระทบต่อการเรียนการสอน ต่อมาครูผู้สอน และนักการศึกษาบางส่วน แสดงคิดเห็นว่า ChatGPT สามารถช่วยปรับปรุงการศึกษาให้ดีขึ้นได้ มากกว่าจะกังวลว่าจะช่วยให้เกิดการโกงง่ายขึ้น เช่น เป็นตัวช่วยในห้องเรียนทำให้การเรียนการสอนมีการโต้ตอบกันมากขึ้น ช่วยออกแบบแผนการเรียนการสอนเฉพาะบุคคล, ช่วยครูประหยัดเวลาในการจัดการสิ่งต่างๆ
Walton Family Foundation ได้สำรวจครูในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 1,002 คน และนักเรียนอายุ 12 – 17 ปี จำนวน 1,000 คนในสหรัฐอเมริกา พบว่า
– 88% ของครูใช้ ChatGPT โดยในจำนวนนี้มี 10% ใช้ ChatGPT ทุกวัน
– 79% ของนักเรียนใช้ ChatGPT
ครูและนักเรียนที่ตอบแบบสอบถามเห็น ส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ChatGPT เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่ว่าทำไมสถานศึกษาไม่ควรทำสิ่งเดิมๆ วิธีการเรียนการสอนเดิมๆ ในโลกสมัยใหม่
เมื่อ Gen Alpha เติบโตมากับหุ่นยนต์ AI ส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้
Generation Alpha เป็นลูกของ Generation Y หรือ Millennials ซึ่งพ่อแม่ยุคใหม่ส่วนใหญ่มีลูก 1 – 2 คน และพร้อมทุ่มเทด้านพัฒนาการและการศึกษาให้กับลูกของตนเอง อย่างปัจจุบันมีการพัฒนา “หุ่นยนต์ AI” เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก พ่อแม่ยินดีจ่ายเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ของลูก
ตัวอย่างเช่น “Miko 3” หุ่นยนต์ AI ที่ออกแบบและพัฒนามาเพื่อเป็นเพื่อนน้อยอัจฉริยะตัวจิ๋ว ส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะ STEM และ “Roybi” หุ่นยนต์เสริมสร้างพัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร
หรือบริษัท “Toymint” จากแวนคูเวอร์ เปิดตัว “TeddyGPT” ของเล่นใช้เทคโนโลยีของ OpenAI โดยสามารถตอบโจทย์ต้องการของเด็ก และเติบโตไปกับเด็กแต่ละคน
AI พลิกโฉมตลาดงาน
การขยายตัวของ AI ไม่ใช่แค่ภาคการศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดงานเช่นกัน ตามรายงาน Goldman Sachs ชี้ว่า AI จะแทนที่งานประจำมากกว่า 300 ล้านตำแหน่งงาน แต่ขณะเดียวกันการเกิดขึ้นของ AI ช่วยเพิ่ม productivity สร้างโอกาสงานใหม่ๆ และเพิ่ม GDP ทั่วโลก 7%
“ในอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะเห็นการถือกำเนิดขึ้นของการใช้ AI ที่สร้างสรรค์ในหลากหลายวิธี” Daniel Hulmes CEO, Satalia ได้กล่าวกับ Wunderman Thompson Intelligence
แม้ปัจจุบันยังไม่มีหลักจริยธรรม AI ที่ชัดเจน และยังเป็นคำถามอยู่ แต่สิ่งที่ประจักษ์ชัดในเวลานี้จากการขยายตัวของการพัฒนาและใช้ AI คือ AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่างๆ และการทำงานของผู้คน ขจัดอุปสรรคบางอย่าง และเพิ่มความสะดวกในชีวิตประจำวัน และประสิทธิภาพมากขึ้นให้กับผู้คน โดยที่ Generation AI เป็นคนรุ่นที่เกิดและเติบโตมาพร้อมกับ AI จะมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ต่อยอดสร้างสรรค์สิ่งใหม่
Source: Wunderman Thompson , MIT Technology Review
