คำตอบจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ถ้าหากคุณเป็นนักการตลาดจะทำความรู้จักคนกลุ่มนี้เสียตั้งแต่เนิ่นๆก็เป็นเรื่องที่ดีเมื่อเขาว่ากันว่าในอนาคตอันใกล้มากนี้ Gen Alpha จะกลายเป็นผู้กุมอำนาจการซื้อของโลก!
จะเกิดอะไรขึ้นหลัง Gen Z เมื่อมนุษย์ยังไม่หยุดการเจริญเติบโตโดยหลังจากอักษรตัวสุดท้ายในภาษาอังกฤษแล้ว Alpha ได้รับการโหวตให้กลายเป็นชื่อเรียกเด็ก Gen ใหม่ที่ตามพจนานุกรมแล้วนอกจากจะหมายความถึงพยัญชนะตัวแรกในภาษากรีก Alpha ยังหมายถึงจุดเริ่มต้นใหม่อีกด้วย
ถึงเด็ก Gen Alpha จะยังไม่ใช่กลุ่มคนที่มีอำนาจการซื้อในตอนนี้แต่ข้อมูลต่างๆที่คาดการณ์ถึงคลื่นลูกใหม่กลุ่มนี้กำลังจะกลายเป็นกลุ่มคนครองโลกในอนาคตซึ่งนอกจากวิธีการเลี้ยงดูแล้วสิ่งที่ควรรู้ไว้ก่อนเป็นดีคือการศึกษาพฤติกรรมเพื่อรับมือกับ Gen Alpha ที่กำลังจะกลายเป็นคนส่วนใหญ่ที่ขับเคลื่อนโลกในอนาคตอันใกล้นี่เอง
ถ้ายึดตามข้อมูลของ Mark McCrindle นักประชากรศาสตร์ชื่อดังชาวออสเตรเลียและหนึ่งในนักพูดบนเวทีดังอย่าง TEDx จะเห็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาสำหรับเจนใหม่ที่กำลังเติบโตขึ้นในโลกไม่ว่าจะในเชิงจำนวนที่ McCrindle คาดไว้ว่าทั่วโลกมีเจเนอเรชั่นอัลฟ่า (Gen Alpha) หรือเด็กที่เกิดหลังปี 2010 เฉลี่ยที่ 2.5 ล้านคนต่อสัปดาห์
นับนิ้วดูแล้วตอนนี้เด็กกลุ่มนี้จะอายุประมาณ 7 ขวบซึ่งเป็นวัยที่เข้าสู่โรงเรียนแล้วแต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือเด็ก Gen Alpha ส่วนใหญ่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยียุคใหม่ไม่เคยใช้ชีวิตโดยขาดสมาร์ทโฟนและมีพฤติกรรมแสดงออกผ่านโลกออนไลน์เร็วหรือมือไวใจเร็วที่จะโพสต์หรือแชร์ความคิดของตัวเองผ่านอินเทอร์เน็ต
นอกจากนี้ยังว่ากันว่า Gen Alpha จะเป็นเจนที่ฉลาดที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์จากช่วงวัยที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับการพัฒนาของเทคโนโลยีอย่างเต็มที่เพียบพร้อมไปหมดตั้งแต่ระบบการเรียนรู้ในโรงเรียนการเลี้ยงดูของพ่อแม่ผู้ปกครองและความพร้อมของเทคโนโลยีที่คุ้นเคยตั้งแต่วัยเด็ก
รวมถึงอายุขัยที่คาดว่าด้วยวิวัฒนาการบนโลกขณะนี้จะทำให้คน Gen Alpha อายุยืนยาวมากที่สุด
สถานการณ์ในประเทศไทยก็แทบจะไม่แตกต่างกันโดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า Gen Alpha มีแนวโน้มใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มสูงขึ้นจาก 35.9% ในปี 2553 เป็น 61.4% ในปี 2559 โดยในกลุ่มเด็กที่ใช้อินเทอร์เน็ต 51.6% ใช้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งและ 47.4% ใช้ทุกวัน
นอกจากนี้เด็กอายุ 6-14 ปีเสพเนื้อหาผ่านคอมพิวเตอร์เป็นอันดับ 1 ที่ 83.3% ตามด้วยสมาร์ทโฟน 59% และแทบเล็ต 18.1% สำหรับกิจกรรมที่เด็กกลุ่มนี้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดคือความบันเทิงฟังเพลงดูยูทูบตามด้วยโซเชียลเน็ตเวิร์คอัพโหลดรูปภาพค้นหาข้อมูลการศึกษารับส่งอีเมลและโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต
ในมุมของนักการตลาด Gen Alpha ยังเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการทำการบ้านหนักที่สุดเพราะนอกจากความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีแล้วคนกลุ่มนี้ยังมีแนวโน้มจะอารมณ์ร้อนขี้เบื่อและมีความอดทนต่ำซึ่งเป็นผลข้างเคียงของวิวัฒนาการเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกให้ได้อะไรมาง่ายๆและไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนคนในยุคสมัยก่อน
เทียบกับคนในยุค Baby Boomer ที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่มีคอมพิวเตอร์ต่างกับคน Gen X, Y และ Z ที่มีอินเทอร์เน็ตเป็นอุปกรณ์สื่อสารใช้งานแล้วข้อมูลต่างๆเริ่มเข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์และสมาร์ทโฟนกลายเป็นของคู่มือที่คนจะใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นอย่างแรกโดยไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการมีคอมพิวเตอร์มาก่อน
แต่คน Gen Alpha ยังมีแนวโน้มจะล้ำไปกว่านั้นเมื่อเทคโนโลยีเข้าไปหลอมรวมกับวิถีชีวิตจนแทบจะกลายเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญที่ไม่ใช่แค่มีคอมพิวเตอร์ที่สั่งงานด้วยแป้นพิมพ์หรือคลิกเมาส์เท่านั้นแต่ทุกวันนี้สามารถทำได้แค่จิ้มหน้าจอเพียงครั้งเดียวหรือโบกไม้โบกมือให้อุปกรณ์รับสัญญาณที่แทบไม่จำเป็นต้องจำคำสั่งหรือวิธีการใช้ให้ยุ่งยาก
ในแวดวงการค้าขายยังเริ่มเห็นพัฒนาการที่เหนือไปกว่าการช้อปออนไลน์ที่กำลังฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองตอนนี้โดยเริ่มขยับไปถึงขั้นที่ลูกค้าแค่เดินเข้าร้านหยิบของที่ต้องการแล้วเดินออกโดยไม่ต้องชำระเงินกับพนักงานหรือเคาท์เตอร์อะไรทั้งนั้นแต่ระบบจะตัดจากบัญชีอัตโนมัติซึ่งเป็นคอนเซปท์ที่ยักษ์ค้าปลีกอะเมซอนลองทำจริงแล้ว
เบื้องหลังก็คือการผสมผสานเทคโนโลยีเซ็นเซอร์และระบบวิเคราะห์ข้อมูลและการเรียนรู้พฤติกรรมที่มนุษย์อย่างเราๆแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
การทำมาร์เก็ตติ้งสำหรับคน Gen Alpha จึงอาจก้าวล้ำไปกว่าการพาแบรนด์เข้าไปอยู่บนจอมือถือหรือโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คนกลุ่มนี้เข้าไปมีตัวตนและใช้ชีวิตประจำวันเสมือนเป็นโลกปกติ
ดังนั้นถึงอำนาจการซื้อยังไม่อยู่ในมือของ Gen Alpha แต่ความฉลาดและเทคโนโลยีที่เอื้อให้อะไรๆในชีวิตง่ายขึ้นพฤติกรรมและความต้องการของคนใน Gen Alpha จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตาม
ที่มา
-Business Insider
–https://en.wikipedia.org/wiki/Generation_Z#Successors
-The Sydney Morning Herald (http://www.smh.com.au)