ปัจจุบันเทรนด์การลงทุนมีการเปลี่ยนไปอย่างมาก ซึ่งมีรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ซี่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีของนักลงทุนจะมีตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้น และอาจจะสามารถสร้างผลกำไรได้ในอนาคต
1.เมตาเวิร์ส (Metaverse)
เป็นกระแสที่มาแรงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ที่ผ่านมา Facebook ซึ่งประกาศในเดือนตุลาคม 2564 ว่าได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Meta” ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกิดจากเมตาเวิร์สที่อยู่ในโลกเสมือนที่คู่ขนานกับโลกจริง เช่น ตัวเราอาจนั่งอยู่เฉย ๆ ในโลกจริง ในขณะที่ Avatar ของเรากำลังชอปปิ้ง เพื่อน ๆ ในโลกเสมือน เป็นต้น ซึ่ง Metaverse มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดย Bloomberg Intelligence รายงานว่า ในปีมูลค่าตลาดเมตาเวิร์สจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2567 ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมาจากแพลตฟอร์มเกมในรูปแบบเมตาเวิร์ส
2.NFT (Non-Fungible Token)
เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร ไม่สามารถจับต้องได้ แต่สามารถซื้อขายได้เหมือนทรัพย์สินอื่น ๆ ผ่านเทคโนโลยี Blockchain ที่สามารถจัดเก็บคุณสมบัติและข้อมูลที่เป็นอัตลักษณ์ของเหรียญดิจิทัลประเภทนี้ และได้กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา จากปรากฏการณ์การซื้อขาย NFT ที่มีมูลค่าสูงถึงหลักล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบันตลาด NFT ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนสามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวอย่างจาก NFT เช่น การที่ศิลปินเข้าไปสร้างคริปโตอาร์ต (Cryptoart) หรือเป็นผลงานศิลปะ หรือ ภาพถ่ายคนดัง หรือเพลง ที่เป็นไฟล์ GIF, JPEG, MP3 เป็นต้น
3.บริการสุขภาพ (Healthcare)
เป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ใหญ่ของโลก จึงเป็นอีกหนึ่งธีมที่น่าสนใจเข้าไปลงทุน เนื่องจากโลกกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเพราะมีจำนวนแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ Morgan Stanley สถาบันการเงินชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่าสัดส่วนประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปในสหรัฐอเมริกา จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 23% ภายในปี 2568 ทำให้เป็นประเทศที่มีประชาชนใช้จ่ายด้านสุขภาพสูงมาก ขระที่ศูนย์บริการประกันสุขภาพของสหรัฐฯ คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะโตเฉลี่ยร้อยละ 5.3 ต่อปี ในช่วงปีอีก 8 ปีข้างหน้า หรือปี 2571 นั่นเอง
4.คลาวด์ (Cloud Computing)
ปัจจุบันระบบ Cloud กลายเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนรูปแบบเศรษฐกิจและดิจิทัล ซึ่งถือเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่มีความน่าสนใจในการเข้าไปลงทุน เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่จะช่วยให้ได้ผลตอบแทนดีได้ เพราะเป็นเครื่องมือที่ทำหน้าที่เป็น Host บริการผ่านอินเตอร์เนต ช่วยจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ในองค์กรให้สามารถใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยแลกกับการเสียค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่ง
5.อีสปอร์ต (E-Soprts)
การเติบโตของ E-Sport ปัจจุบันถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมสูง ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีการแข่งขัน การตลาดและคอมมูนิตี้ หรือการผลิตคอนเทนต์ ล่าสุดภาครัฐของประเทศไทยให้ความสำคัญกับ E-Sport โดยก่อตั้งสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย และบรรจุอีสปอร์ตให้เป็นกีฬาเพื่อการแข่งขัน ทำให้ อุตสาหกรรม E-Sport นั้นมีมูลค่ามหาศาล ในปีงบประมาณ 2565 งบประมาณกว่า 400 ล้านบาท จึงเป็นอีกหนึ่งกระแสของธุรกิจ E-Sport กับการลงทุนที่น่าจับตามอง
6.กัญชา (Cannabis)
เทรนด์กัญชา กัญชงเป็นเทรนด์ของโลก ถือเป็นพืชเศรษฐกิจกับโอกาสการลงทุนที่สร้างกระแสมาแรงในประเทศไทยอยู่ ณ ขณะนี้ หลังจากที่กฎหมายประเทศไทยปลดล็อกกัญชง-กัญชา เมื่อปี 2563 ออกจากบัญชียาเสพติดเป็นชาติแรกของอาเซียน ทำให้ผู้ประกอบการต่างนำส่วนของกัญชา-กัญชงนำมาเป็นส่วนผสมในอาหารและเครื่องดื่มที่สามารถเข้าถึงและทำได้ง่าย รวมถึงต้องการดูแลสุขภาพ ส่งผลให้หลายบริษัทจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหุ้น เพราะคาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนและมีอัตราการเติบโตในอนาคตได้
7.เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors)
อุตสาหกรรม Semiconductor หรือ ชิป ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์โลกที่กำลังมาแรง เนื่องจากมีบทบาทสำคัญต่อหลายธุรกิจ ของเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็น การผลิตสมาร์ทโฟน, การผลิตรถยนต์สมาร์ทคาร์ หรือรถยนต์ EV CAR ที่ต่อไปในอนาคตจะต้องมีการใช้ ชิป เป็นจำนวนมาก หรือเซิร์ฟเวอร์ระบบคลาวด์ หรือ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มีความต้องการ Semiconductor ซี่งคาดว่าจะมีแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
8.พลังงานสะอาด (Clean Energy)
ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิลที่สร้างมลภาวะจากการปล่อยก๊าซคาร์บอน มาเป็นพลังงานสะอาด จึงถือเป็นเมกะเทรนด์ที่จะเติบโตในอนาคตช่วง 10 -20 ปีข้างหน้านี้ เพราะพลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน เป็นพลังงานที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สร้างมลภาวะที่เป็นพิษให้กับธรรมชาติ และทุกวันนี้ผู้คนเริ่มตระหนักถึงผลกระทบจากมลภาวะและสิ่งแวดล้อมที่กำลังถูกทำลายเริ่มเห็นประโยชน์ของการใช้พลังงานสะอาด เพราะมีต้นทุนที่ถูกลงด้วย
9.ลิเธียมและแบตเตอรี่ (Lithium & Battery)
Wood Mackenzie บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน ได้ให้ข้อมูลถึง ในปี 2030 แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทั่วโลกมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5,500 GWh (gigawatt-hour) เพิ่มขึ้นจากปี 2021 มากถึง 5 เท่า และมีโรงงานผลิตมากกว่า 300 แห่งทั่วโลก มาจากการขยายตัวของผู้ใช้คือรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้กำลังการผลิตทั่วโลกในปัจจุบันไม่เพียงพอ บวกกับในช่วงปีที่ผ่านมาสาธารณรัฐจีนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอันดับ 1 มีกำลังการผลิตคิดเป็น 90% ของกำลังการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมทั่วโลก จึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ปัจจุบันจะมีเทรนด์การลงทุนในรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญของนักลงทุนก็คือ ก่อนจะเข้าไปลงทุนในรูปแบบใด หรือประเภทใด ต้องไม่ลืมศึกษาก่อนทุกครั้งว่าในอนาคตนั่นจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเราได้จริงหรือไม่