ก่อนหน้านี้เราอาจจะได้ยินเทรนด์ของ “Quiet Luxury” ที่แสดงออกแบบ “น้อยแต่มาก-เรียบแต่ดูแพง” ที่กลายเป็นเทรนด์แฟชั่นแห่งปี 2023 กันไปแล้ว แต่ล่าสุดเกิดเทรนด์ใหม่ที่เป็น “ขั้วตรงข้ามกัน” ขึ้นมาเรียกว่า “Loud Budgeting” ที่กำลังเป็นกระแสไวรัลในกลุ่มคน Gen Z โดยเฉพาะในแพลทฟอร์ม TikTok ที่ทำให้ แฮชแทก #loudbudgeting พุ่งทะลุ 10 ล้านวิวไปเรียบร้อยแล้ว
Loud Budgeting ประหยัดอย่างมีสไตล์
กระแส Loud Budgeting ที่กำลังเป็นที่พูดถึงใน TikTok โดยเฉพาะในต่างประเทศก็คือเทรนด์ในการสนับสนุนให้ผู้บริโภค “ควบคุมการใช้จ่าย” และ “ช่วยกันรณรงค์” ในเรื่องของการคิดก่อนใช้ไม่ติดอยู่กับคำว่า #ของมันต้องมี ไม่หลงไปกับการต้องซื้อหรือใช้จ่ายตามแบบของเซเลปหรืออินฟลูเอนเซอร์จนทำให้วินัยทางการเงินเสียไป
กระแสในครั้งนี้เรียกว่าเป็นการสร้าง “แรงกระเพื่อม” ผ่านชุมชนออนไลน์และส่งข้อความไปถึงคนทั่วๆไปแบบตรงไปตรงมาให้ควบคุมการใช้จ่าย เป็นการสื่อสารไปถึงบรรดาผู้ผลิตสินค้าและแบรนด์ต่างๆให้เข้าใจถึงภาวะเศรษฐกิจโดยเฉพาะเงินเฟ้อที่เชื่อมโยงกับชีวิตของทุกคนด้วยเช่นกัน
อินเนอร์ของคนที่ออกมาร่วมเทรนด์ #loudbudgeting ครั้งนี้ก็คือ “ไม่ใช่ว่าฉันมีไม่พอนะ” แต่ “ฉันแค่ไม่อยากจะจ่าย” เรียกว่ากลายเป็นการทำให้ Loud budgeting กลายเป็นแฟชั่นที่ดูมีสไตล์ มีความ Chic ขึ้นมาทันที
ช่วยเดินสู่เป้าหมายทางการเงินง่ายขึ้น
Loud Budgeting เป็นเทรนด์ที่เรียกว่า “ถูกใจผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการการเงิน” มากๆเพราะการสื่อสารที่สร้างไวรัลจากการ “อวด” เป็นการสร้างพฤติกรรมเลียนแบบในแง่ดีที่ทรงพลัง เมื่อเข้าสู่กระบวนการของการประหยัดอดออมน อกจากจะสามารถสะสมเงินเพื่อไปสู่เป้าหมายได้แล้วยังสร้างความภูมิใจและนำไปสู่การแบ่งปันเรื่องราวและ “อวด” เรื่องดีๆนี้ออกไปแบบไม่รู้จบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำได้ตั้งแต่เรื่องง่ายๆเช่น พกข้าวกล่องไปกินเป็นข้าวกลางวันที่ทำงาน ชงกาแฟกินเอง หรือแม้แต่เลือกขึ้นรถประจำทาง
“ไม่มีตัง” ไม่ใช่เรื่องต้องอาย
การ “ปฏิเสธเพื่อนที่ชวนไปกินข้าว” โดยให้เหตุผล Loud Budgeting ก็คือส่วนหนึ่งของเทรนด์นี้เช่นกันเป็นแนวคิดของการ กล้าที่จะบอกกล่าวสถานการณ์ทางการเงินของตัวเองในเวลานี้ให้กับเพื่อนๆได้รู้และกล้าที่จะปฏิเสธที่จะทำเรื่องที่ต้องใช้เงินได้ด้วยเหตุผล Loud Budgeting เป็นการทำให้การประหยัดอดออม “ไม่ใช่เรื่องน่าอาย” อีกต่อไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้เชี่ยวชาญระบุด้วยว่า การได้เปิดเผยถึงปัญหาทางการเงินของตัวเองบางอย่างให้เพื่อนๆทั้งในโลกความจริงรวมถึงในโลกออนไลน์ก็ยังเป็นวิธีการลดความวิตกกังวลที่ดีอีกวิธีหนึ่ง นอกจากนี้เทรนด์นี้ยังสามารถสร้าง Community ของคน Loud Budgeting ที่ชอบการประหยัดอดออมและเดินหน้าไปสู่เป้าหมายทางการเงินไปพร้อมๆกันได้ง่ายขึ้นด้วย
สอดคล้องความรู้สึกผู้ตนต่อเศรษฐกิจโลก
เทรนด์นี้เรียกว่าสอดคล้องไปกับผลสำรวจเกี่ยวกับความกังวลของชาวโลก และคนไทย ช่วงปี 2567 โดย อิปซอสส์ องค์กรด้านการวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคระดับโลกเปิดเผยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 6,000 คน ใน 33 ประเทศทั่วโลก รวมถึง ประเทศไทย พบว่า “ภาวะเงินเฟ้อ” ยังคงเป็นความกังวลสูงสุด ต่อเนื่องมายาวนานถึง 20 เดือน ซึ่งนับว่านานที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เคยทำสำรวจมา
ส่วนแนวโน้มความกังวลใจของคนไทย 3 อันดับแรกคือ อันดับ 1 : ความยากจน และความไม่เท่าเทียมทางสังคม , อันดับ 2 : การทุจริตทางการเงิน หรือการเมือง และ อันดับ 3 : ภาวะเงินเฟ้อ
อิปซอสส์ เปิดเผยด้วยว่า คนไทยราว 50% เห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศปัจจุบันเข้าขั้น “แย่” และมี 61% ที่ปัจจุบันมีคนในครอบครัว หรือคนรู้จัก “ตกงาน” ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เรียกว่าเทรนด์ Loud Budgeting ก็เกิดขึ้นรับกับเทรนด์ทางเศรษฐกิจและความรู้สึกผู้คนด้วยเช่นกัน
เทคนิค Loud Budgeting จากคลิป 1 ล้านวิว
@mohaewithjennypark 3 ways to be smarter with your money. Financial literacy is sexy!!! #loudbudgeting #loudbudgetingtips #financialliteracy #money #personalfinanceforbeginners #wealth #debtfree ♬ original sound – jenny park
- หยุด Delulu Spending คือการใช้จ่ายกับอะไรที่ไม่จำเป็นเช่นทริปท่องเที่ยว ไม่ต้องตามเทรนดืสินค้าที่ออกใหม่ล่าสุด
- เริ่มต้นแบ่งรายรับออกเป็นก้อนๆเช่น 50% สำหรับสิ่งจำเป็น 30% สำหรับสินค้า Lifestyle และ 20% สำหรับเงินออมและจ่ายหนี้
- ใช้จ่ายกับชีวิตในอนาคตก่อนเสมอเช่น “ลงทุนเพื่อเกษียณ” เก็บ “เงินออมฉุกเฉิน” หรือ “จ่ายหนี้ให้หมด” ก่อน
- ปรับความคิดใหม่และหยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และใช้ชีวิตให้เหมาะกับเงินในกระเป๋า
เทคนิค Loud Budgenting อื่นๆที่ถูกพูดถึง
- ตรวจสอบรายรับรายจ่ายใน “เครดิตการ์ด” และ “เดบิตการ์ด” และปรับให้เหมาะสม
- ตั้งเป้าหมายในการออมเช่น “ยอดเงินออม” “ของที่อยากได้” หรือ “ทริปในฝัน” จากนั้นไปให้ถึง
- ฉุกคิดทุกครั้งที่จะซื้อของหรือใช้เครดิตการ์ด ถามตัวเองเสมอว่า “จำเป็น” หรือแค่ “อยากได้”
- แบ่งเงินเป็นก้อนๆ แยกบัญชี หรือทำ Cloud Pocket แบ่งเงินไว้ใช้ตามวัตถุประสงค์ที่จำเป็น
- เล่าเทคนิคหรือบอกต่อวิธีการที่ทำให้บรรลุเป้าหมายทางการเงิน
- หลบสิ่งยั่วยุเช่นการปิด Push Notification แอปพลิเคชั่นของแบรนด์สินค้า หรือสื่อสังคมออนไลน์ที่ตามอยู่
- ใช้หลักการ “48 ชั่วโมง“ หรือการรอ 2 วันเพื่อตัดสินใจอีกครั้งก่อนจะซื้อของราคาแพง เป็นต้น
Loud Budgeting เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ในปี 2024 ที่เรียกกว่าเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกและความคิดของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป และเทรนด์นี้นับเป็นอีกเทรนด์ที่สะท้อนแนวคิดของกลุ่มคน Gen Z ที่มีต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายที่จะคิดและพิจารณาถึงความคุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ให้มากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้นักการตลาดและแบรนด์ก็สามารถนำมาคิดต่อยอดเพื่อทำแคมเปญให้ถูกใจคนกลุ่มนี้ได้ต่อไป