5 วิธีการลงทุน ที่ชนะเงินเฟ้อได้ไม่ยาก

  • 3
  •  
  •  
  •  
  •  

เงินเฟ้อ

ต้องยอมรับว่า ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิต การค้า การขนส่ง ส่งผลดันราคาสินค้าและบริการในประเทศปรับสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางเดียวกับทั่วโลกที่ประสบอยู่ในปัจจุบัน แล้วจะมีการลงทุนในสินทรัพย์ไหนบ้างที่สามารถให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อได้บ้าง

ผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่สะท้อนราคาข้าวของสินค้า หรือรายได้ที่ปรับตัว ประเทศใดที่มีเงินเฟ้อสูง และจัดการไม่ได้ ซึ่งธนาคารกสิกรไทยมีมุมมองต่อผลกระทบไว้หลายด้าน คือ

• เงินในประเป๋ามีค่าลดลง คนจนลงเรื่อยๆ ยิ่งในปัจจุบันไม่ใช่แค่เงินเฟ้อเฉยๆ แต่เสี่ยงที่จะเกิด stagflation ด้วย ยิ่งมีโอกาสให้คนจนลงง่ายขึ้น เพราะของแพงขึ้น ภาคธุรกิจก็ขาดรายได้ ขายของได้น้อยลง จากเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้มีเงินจ้างงานน้อยลง คนมีรายได้น้อยลง แต่ราคาของแพงขึ้น และจะยิ่งกระทบมากขึ้นไปอีกถ้าสถานการณ์ย่ำแย่จนถึงต้องมีการเลิกจ้างหรือปิดกิจการ

• หากคิดจะลงทุนในธุรกิจก็มีแนวโน้มอัตรากำไร หรือ Margin ลดลง เนื่องจากต้นทุนผลิต/สินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่การปรับราคาขายขึ้นให้โตทันต้นทุนไม่ได้ทั้งหมด ส่งผลให้แนวโน้มอัตรากำไรลดลง โดยธุรกิจปลายน้ำ ยกตัวอย่างเช่น ร้านอาหารตามสั่ง ที่มีต้นทุนจากเนื้อสัตว์ เช่น หมู ไก่ เนื้อ รวมถึงแก๊สหุงต้มเพิ่มสูงขึ้น หากจะเพิ่มราคาขายให้ทันกับต้นทุนที่สูงขึ้น ก็จะกระทบยอดขายได้ ในขณะที่ธุรกิจต้นน้ำ อย่างผู้ผลิตน้ำมัน มีต้นทุนสูงขึ้นเช่นกัน แต่มีโอกาสปรับเพิ่มราคาขายได้ง่ายกว่า เนื่องจากผู้ซื้ออาจจะเป็นผู้ผลิตกลางน้ำ หรือปลายน้ำ

• ธนาคารกลางมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถือเป็นหนึ่งในนโยบายการเงินที่ใช้เพื่อแตะเบรกเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่จบ อาจมีการเลือกใช้นโยบายการคลังควบคู่ไปกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ไม่ว่าจะเป็นมาตรการที่รัฐจะช่วยอุดหนุนราคาน้ำมัน หรือ แจกเงินให้กับผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง อย่างภาคขนส่ง เป็นต้น

เงินเฟ้อ

ลงทุนในสินทรัพย์ไหนให้ชนะเงินเฟ้อ

• ลงทุนในหุ้น
ลงทุนในหุ้นถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ เพราะผลตอบแทนประมาณการต่อปีอยู่ที่ 8 – 10% ต่อปี ซึ่งแบ่งออกมาในรูปเงินปันผลประมาณ 3 – 4% ต่อปี และจากส่วนต่างของราคาประมาณการที่ 6-7% แต่การลงทุนในหุ้นก็มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง หากแต่ว่านักลงทุนเองต้องทำการศึกษาข้อมูลให้รอบครอบก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุน เช่น ทำการศึกษาต้องรูปแบบของบริษัทที่สนใจว่า ทำธุรกิจอะไร มีคู่แข่งเป็นใคร สินค้าและบริการเป็นอย่างไร รวมถึงผลประกอบการย้อนหลัง และงบการเงินของบริษัทนั้น เพื่อเป็นการประเมินข้อมุลของหุ้นหลักทรัพย์นั้นก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุน

• ลงทุนในทองคำ
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวของมันเองถือว่า เป็นการลงทุนที่สามารถป้องกันเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ได้พิสูจน์แล้วว่ามีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นในระยะยาว ปัจจุบันการลงทุนทองคำมีหลากหลายรูปแบบนอกจากทางคำแท่ง และทองรูปพรรณ แล้วยังสามารถลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส กองทุนรวมทองคำ ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทน 8 -10% ต่อปี และยังสามารถลงทุนผ่านทองออนไลน์ได้อีกด้วย

• ลงทุนในหุ้นกู้เอกชน
ลงุนในหุ้นกู้ส่วนใหญ่แล่วจะเป็นบริษัทเอกชนที่เป็นผู้ออกหุ้นก็ผลตอบแทนจะอยู่ที่ประมาณ 3-6% ต่อปี ซึ่ง SCB CIO ธนาคารไทยพาณิชย์ แนะนำว่าควรเลือกเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอันดับตั้งแต่ A – ขึ้นไป โดยสามารถเพิ่มอายุเฉลี่ยการลงทุน และลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้นได้ โดยเฉพาะหุ้นกู้ภายในประเทศไทย เช่น หุ้นกู้ภาคเอกชน มองว่าดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวของไทยได้ปรับขึ้นตามดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ไปแล้วสะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดทั่วโลกจากเงินเฟ้อสูงเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ และหากจะมีการปรับขึ้น เราคาดว่าระดับการขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายไทย จะน้อยกว่าประเทศสหรัฐ ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนไทยที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ investment grade เช่นอันดับ A – เป็นต้นไป จึงน่าสนใจทยอยเข้าลงทุนเช่นกัน

เงินเฟ้อ

• กองทุนรวม
การเลือกลงทุนในกองทุนรวมมีหลากหลายประเภทที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ เช่นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมหุ้นในประเทศ กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนกองทุนรวมแม้จะมีความรู้ไม่มาก หรือไม่มีเวลาที่จะเข้ามาดูแลพอร์ตการลงทุนได้บ่อย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่เราเลือกเข้าไปลงทุนล้วนแล้วแต่มีผู้จัดการกองทุนควรดูแลปรับพอร์ตให้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี

• ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
การเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี สามารถให้ผลตอบแทนที่สูง และสามารถชนะเงินเฟ้อได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี นั้น มีความเสี่ยงสูงมาก ๆ เพราะนอกจากจะสามารถทำกำไรได้ง่าย ๆ แล้วยังมีโอกาสที่จะขาดทุนแบบง่าย ๆ เช่นกัน เพราะราคาของเหรียญมีความอ่อนไหวมากตามกระแสข่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสามารถรับผลกระทบได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุนก็ต้องรอดูจังหวะในการเข้า และออกให้ดีเพื่อไม่ให้การเข้าไปลงทุนนั้นต้องขาดทุนนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อรับทราบถึงปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ทั้งของอุปโภคหรือบริโภคล้วนแล้วแต่ต่างปรับราคาสูงขึ้น หากเราเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูง ก็จะสามารถชนะเงินเฟ้อได้ แต่การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ๆ ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงที่สูงตามมาด้วย ฉะนั้นนักลงทุนต้องทำการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุนทุกครั้ง


  • 3
  •  
  •  
  •  
  •  
sabuysuk
การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ล้วนแล้วแต่ได้กำไร