หลายคนอาจได้เห็นแคมเปญของแบรนด์แว่นสายตาแบรนด์หนึ่งในโลกออนไลน์ที่จับมือกับดาราดังหลากหลายคนในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่าแบรนด์นั้นก็คือแบรนด์ Gentel Monster นั่นเอง ถามว่า Gentle Monster คือ แบรนด์อะไร? ก็ต้องบอกว่าแบรนด์นี้คือแบรนด์แว่นตาชั้นนำจากเกาหลีใต้ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก โดย Gentle Monster เข้ามาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ดิ เอ็มควอเทียร์ เมื่อปี 2023 พร้อมๆกับการสร้างกระแสแว่นตาแฟชั่นในประเทศเรามากมาย
และล่าสุดกับการเปิดตัว “Pop-Up Store Jewelry 2025 Collection” อย่างยิ่งใหญ่ใจกลางแลนด์มาร์กของประเทศไทย ณ บริเวณ EM Gallery ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา งานที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับแฟนๆ “เจนมอน” ในบ้านเราได้ไม่น้อยกับดาราคนดังที่มาร่วมคอลแลปส์และ Pop-Up Store ที่ตกแต่งด้วยคฑาขนาดยักษ์ที่ภาพแชร์กันไปในโลกออนไลน์กันเพียบ
บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับแบรนด์ “Gentle Monster” ว่าแบรนด์แว่นสายตาจากประเทศเกาหลีแบรนด์นี้ มีจุดเริ่มต้นมาได้อย่างไร รวมถึงไปทำความเข้าใจวิธีการที่ทำให้แบรนด์สามารถทะลวงตลาดแว่นตาโลกมูลค่ามหาศาลที่ผูกขาดโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอายุยาวนานกว่า 60 ปีได้ จนสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ “แว่นตา” ให้ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือหรือแฟชั่นหรูหราแต่เป็น “งานศิลปะที่เล่าเรื่องได้” อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

ตลาดแว่นตาที่ผูกขาดโดยบริษัทยักษ์ใหญ่
ก่อนที่ Gentle Monster จะเข้าสู่ตลาด ต้องอธิบายก่อนว่าอุตสาหกรรมแว่นตาในระดับโลกถูกผูกขาดโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Luxottica ที่ครอบงำอุตสาหกรรม ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ หรือเรียกง่ายๆว่าทำตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการขายปลีกหน้าร้าน

Luxottica เป็นเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Ray-Ban, Oakley, Persol และอีกหลายแบรนด์ รวมถึงเป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิ์ผลิตแว่นให้กับแบรนด์แฟชั่นระดับโลกมากมายเช่น Giorgio Armani, Brunello Cucinelli, Burberry, Chanel, Coach, Dolce&Gabbana, Ferrari, Jimmy Choo, Michael Kors, Prada, Ralph Lauren, Swarovski, Versace และอื่นๆอีกมากมาย
พูดง่ายๆว่า Luxottica มีตลาดแว่นตาของโลกอยู่ในกำมือก็ว่าได้ ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นช่องว่างที่ทำให้ตลาดแว่นตาขาดความหลากหลาย ทั้งในด้านการออกแบบ การตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภครวมไปถึงเรื่องของราคาที่แพงเกินไปด้วย

ซึ่งเรื่องนี้ คุณคิม ฮันกุก (Kim Hankook) ผู้ก่อตั้ง Gentle Monster มองเห็นช่องว่างตรงนี้และทำให้เขาตัดสินใจก่อตั้งแบรนด์ Gentle Monster ขึ้นในปี 2011 เริ่มต้นทำตลาดครั้งแรกในกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ และนับตั้งแต่นั้นแบรนด์ก็เปลี่ยนภาพลักษณ์ของตลาด ด้วยการออกแบบแว่นตาที่ล้ำสมัยและแสดงออกถึงตัวตน ทำให้แว่นตาไม่ใช่แค่เครื่องมือหรือแฟชั่นระดับหรูแต่เป็นงานศิลปะที่เล่าเรื่องได้แทน
“ตลาดแว่นตาในตอนนั้นเต็มไปด้วยการออกแบบที่ซ้ำซากและไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคนที่ต้องการแสดงออกถึงตัวตนผ่านแว่นตา ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องสร้างสิ่งใหม่ที่ไม่เหมือนใคร” คุณคิม ระบุ
จุดกำเนิด Gentle Monster แบรนด์แว่นตาที่ตอบโจทย์ผู้ใส่

Gentle Monster เป็นแบรนด์แว่นตาที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 โดย “คิม ฮันกุก” อดีตนักข่าวและครู ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ แบรนด์นี้ถือกำเนิดขึ้นจากความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงวงการแว่นตาแบบเดิม ๆให้มีความหลากหลายมากขึ้นมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น และทำให้เป็นแว่นที่ “เหมาะกับโครงหน้าของคนเอเชีย” ต่างจากแบรนด์ส่วนใหญ่ในท้องตลาดที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับโครงหน้าของชาวตะวันตกมากกว่า
“แว่นส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่เหมาะกับโครงหน้าของคนเอเชีย เราเห็นว่าแว่นหลายแบรนด์ในตลาดมีลักษณะที่ไม่เข้ากับสันจมูกและความกว้างของใบหน้าที่คนเอเชียส่วนใหญ่มี ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกไม่สะดวกสบายเมื่อใส่แว่น เราจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ ด้วยการออกแบบที่ไม่เพียงแค่แก้ปัญหา แต่ยังเน้นการสะท้อนความงามในแบบเฉพาะตัวของผู้สวมใส่” คุณคิมระบุ

ด้วยความเข้าใจในปัญหานี้ Gentle Monster จึงออกแบบกรอบแว่นที่มี “สันจมูกต่ำ” (Low bridge noses) ให้สวมใส่สบายเข้ากับใบหน้ามากขึ้น การมี “กรอบแว่นที่ใหญ่” เพื่อให้ใบหน้าดูเล็กลง รวมไปถึงมีสไตล์การออกแบบที่เน้นความโดดเด่น เพื่อให้ทั้งใช้งานได้จริงและตอบโจทย์ความงามในแบบเอเชีย ความตั้งใจเหล่านี้ของแบรนด์ Gentle Monster ยังสร้างความแตกต่างทำให้แบรนด์ Gentle Monster กลายเป็นผู้นำในตลาดแว่นตาไปได้อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากเรื่องฟังก์ชั่นแล้ว คิมยังมีวิสัยทัศน์ที่ต้องการเปลี่ยนมุมมองของผู้คนต่อแว่นตาให้ “ไม่ได้มองว่าแว่นตาเป็นแค่เครื่องมือแต่เป็นศิลปะที่สวมใส่ได้” กลายเป็นการทำให้แบรนด์ Gentle Monster วางตัวเองให้อยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างศิลปะและแฟชั่นได้อย่างลงตัว
ส่วนผสมระหว่าง “ความอ่อนโยน” และ “ความกล้าหาญ”

คุณคิม ได้อธิบายถึงที่มาของชื่อแบรนด์เอาไว้ด้วยว่า คำว่า “Gentle” สื่อถึงความละเอียดอ่อนและความประณีตในการออกแบบแว่นตา เพื่อให้สวมใส่ได้อย่างสบายและเข้ากับบุคลิกของผู้ใช้ ส่วนคำว่า “Monster” แสดงถึงความกล้าหาญและความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ เพื่อสร้างสรรค์ดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
“เราต้องการสร้างแบรนด์ที่ผสมผสานความอ่อนโยนและความกล้าหาญเข้าด้วยกัน เพื่อสะท้อนถึงความสมดุลระหว่างความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร” คุณคิม ระบุ
ด้วยแนวคิดนี้ Gentle Monster เน้นออกแบบแว่นตาที่มีดีไซน์ล้ำๆ และคุณภาพสูง โดยสะท้อนส่วนผสมระหว่าง “ความอ่อนโยน” และ “ความกล้าหาญ” ผ่านการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร “ความอ่อนโยน” แสดงถึงความประณีตและความใส่ใจในรายละเอียด ทำให้แว่นตาสวมใส่สบายและเข้ากับบุคลิกของผู้ใช้ ขณะที่ “ความกล้าหาญ” นำเสนอผ่านดีไซน์ที่ล้ำสมัย ท้าทายขอบเขตเดิมๆ ในอุตสาหกรรมแว่นตา ทำให้แบรนด์ไม่เพียงตอบโจทย์การใช้งาน แต่ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้สวมใส่ได้อย่างโดดเด่นด้วย
สร้าง Store แบบที่ไม่มีใครเหมือน

อีกหนึ่งในจุดเด่นของ Gentle Monster คือการสร้างประสบการณ์ใน Store ที่ไม่มีร้านแว่นตาร้านไหนเคยทำมาก่อน เพราะร้านของ Gentle Monster ในแต่ละสาขาเรียกว่าถูกสร้างขึ้นให้เหมือนเป็น “แกลเลอรีศิลปะ” ที่ดึงดูดสายตา โดดเด่นและมีความแปลกใหม่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็น Store สาขาต่างๆในเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง หรือแม้แต่สาขาในไทยเองก็ตาม

หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือร้าน HAUS DOSAN ในกรุงโซล ร้านขนาดใหญ่กินพื้นที่อาคาร 6 ชั้นแห่งนี้ถือเป็นต้นแบบของคอนเซปต์ ‘HAUS’ ที่นำเสนอนิยามใหม่ของการค้าปลีกในอนาคต โดยผสมผสานแบรนด์แว่นตาอย่าง Gentle Monster เข้ากับแบรนด์ Tamburins แบรนด์น้ำหอมและแบรนด์ Nudake แบรนด์คาเฟ่ ในเครือ Gentle Monster เข้าไว้ด้วยกัน

นอกจากนี้ ร้านในประเทศไทยอย่าง Gentle Monster Thailand Emquartier Store โดดเด่นด้วยการออกแบบพื้นที่ที่มอบประสบการณ์พิเศษผ่านงานศิลปะที่ผสมผสานวัสดุโลหะและการเคลื่อนไหวของ “ไบซันเสมือนจริง” ทำให้ได้บรรยากาศโดดเด่นสุดแปลกตาสร้างความตื่นเต้นให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

“ประสบการณ์ในร้านค้าคือสิ่งที่ขับเคลื่อนความอยากรู้อยากเห็นของผู้คน” คุณคิมเล่า และบอกว่าเขาเชื่อว่าการสร้างบรรยากาศที่ดึงดูดและสร้างความประทับใจจะทำให้ลูกค้า “จดจำแบรนด์ได้ยาวนาน” แม้ไม่ได้ซื้อสินค้าในทันที การเน้นสร้างประสบการณ์เช่นนี้ทำให้ร้านของ Gentle Monster กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักช้อปทั่วโลกไปด้วย
กลยุทธ์ Collaboration สู่การยอมรับระดับโลก
Gentle Monster ประสบความสำเร็จอย่างมากในการร่วมมือ (Collaboration) กับพันธมิตรหลากหลาย เช่น คอลเลกชัน ‘Jentle Home’ ที่เกิดขึ้นในปี 2020 ซึ่งทำร่วมกับเจนนี่ BLACKPINK และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม รวมถึงการร่วมมือกับ Maison Margiela ในปี 2021 ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในวงการแฟชั่นระดับสูง

ในปี 2023 Gentle Monster ได้เปิดตัวคอลเลกชันสุดพิเศษร่วมกับซน ฮึง-มิน นักฟุตบอลชื่อดัง สร้างแรงดึงดูดทั้งแฟนบอลและผู้รักแฟชั่นทั่วโลก และล่าสุดในปี 2024 ได้ร่วมมือกับเกม Tekken เปิดตัวคอลเลกชัน “INFERNO” ที่นำเสนองานดีไซน์แว่นตาผสมผสานกับเอกลักษณ์ของวงการเกม โดยคอลเลกชันนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครในเกมและการต่อสู้แบบแฟนตาซี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสานวัฒนธรรมที่หลากหลายเข้าด้วยกันของแบรนด์ Gentle Monster ได้เป็นอย่างดี

ความร่วมมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างกระแสในวงการแฟชั่น แต่ยังส่งผลต่อยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2024 Gentle Monster ทำรายได้สูงถึง 600,000 ล้านวอน (ประมาณ 444.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่จับต้องได้ของกลยุทธ์นี้
ปัจจุบัน Gentle Monster เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์แว่นตาระดับโลกที่มีร้านค้าในกว่า 40 ประเทศ การเติบโตนี้มาพร้อมกับวิสัยทัศน์ที่จะเปลี่ยนโฉมวงการด้วยคอนเซปต์ “ค้าปลีกแห่งอนาคต” (Future Retail) ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนให้เราเห็นผ่าน Store ของ Gentle Monster ที่ล้ำยุคสะดุดสายตาแบบสุดๆ
“เราต้องการสร้างสถานที่ที่ผู้คนพูดถึงและจดจำ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ซื้ออะไรเลย” คิมบอกถึงแนวคิดในการสร้างร้านแว่นตาของตัวเอง
ด้วยแผนการขยายตลาดและนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในด้านการออกแบบสินค้าและการสร้างประสบการณ์ในร้าน จึงถือได้ว่า Gentle Monster คือผู้พลิกโฉมอุตสาหกรรมแว่นตาไปสู่ยุคใหม่ก็คงไม่ผิดนัก ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มความต้องการที่ถูกมองข้าม สู่การสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เรียกว่า Gentle Monster ได้เปลี่ยนแปลงนิยามของแบรนด์แว่นตาไปแล้วอย่างสิ้นเชิง และยังสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบแว่นตาไปด้วยก็ว่าได้