รู้หรือไม่ว่า รายได้ของสายการบินจากการเดินทาง 1 เที่ยวบินมากกว่า 80% มาจากค่าโดยสารของ “ผู้โดยสารระดับพรีเมียม” ที่มีแค่ราวๆ 40% ของผู้โดยสารทั้งหมดบนเครื่อง หรือพูดง่ายๆว่า รายได้ส่วนใหญ่ของสายการบินมาไม่ได้มาจากลูกค้าที่ซื้อตัว Economy แต่มาจากผู้โดยสารระดับบนต่างหาก
การมีอยู่ของตั๋วเครื่องบิน First Class นอกจากจะมีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารที่ต้องการประสบการณ์และความสะดวกสบายที่เหนือกว่าคนอื่นแล้ว
อีกเหตุผลที่สายการบินมีที่นั่งระดับ First Class รวมถึง Business Class ที่แพงกว่า Economy Class หลายเท่าตัวก็เพราะ “ค่าโดยสาร” จากผู้โดยสารที่มีกำลังซื้อเหล่านี้เป็น “แหล่งรายได้หลัก” ของสายการบินก็ว่าได้

สิ่งนี้เกิดขึ้นมาเพราะการ “แบ่ง Class” เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มีความต้องการและกำลังซื้อที่แตกต่างกันในยุคที่การบินเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
การแบ่งระดับชั้นโดยสารเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
ย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นของอุตสาหกรรมการบินราวทศวรรษที่ 30 การเดินทางทางอากาศแม้จะมีความยากลำบากจากแรงสั่นสะเทือน อากาศจากเพดานบินสูงที่หนาวเย็น ไร้เครื่องปรับอากาศ ห้องโดยสารคับแคบ จุคนได้ไม่กี่คน แต่การเดินทางวิธีนี้คือ “ความหรูหรา” ในตัวของมันเอง
เพราะการได้เดินทางด้วยเครื่องบินคือ “สิทธิพิเศษ” สำหรับชนชั้นนำที่ร่ำรวยเท่านั้น

เปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือนกับการเดินทางสู่อวกาศในยุคนี้ที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 8-15 ล้านบาทต่อเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องของมหาเศรษฐีที่คนทั่วไปอย่างเราไม่สามารถเข้าถึงได้ และนั่นก็ทำให้แต่ละที่นั่งในการเดินทางสู่อวกาศในตอนนี้ยังไม่มีการแบ่ง Class อย่างชัดเจนเหมือนที่นั่งบนเครื่องบิน
แต่ถ้าเมื่อใหร่ที่การเดินทางสู่อวกาศต้นทุนถูกลง จุคนได้มากขึ้น คนทั่วไปเข้าถึงได้มากขึ้น เมื่อนั้นก็จะมีการแบ่ง Class ผู้โดยสารในราคาที่แตกต่างกันก็จะเกิดขึ้นตามมา
ช่วงทศวรรษที่ 50 ราคาค่าโดยสารยังคงเท่ากันทุกที่นั่ง ในเวลานั้นค่าโดยสารจาก New York ไป London มีราคา 675 USD หรือ ราว 22,000 บาท แต่เมื่อคำนวนเงินเฟ้อจนถึงยุคปัจจุบันก็จะอยู่ที่ราว 6,800 USD หรือราว 229,000 บาท ซึ่งก็มีราคาเท่ากับตั๋วโดยสารระดับ First Class ในยุคปัจจุบันนั่นเอง
จุดเริ่มต้น Business Class

การแบ่งตั๋วโดยสารให้มีหลายระดับเริ่มเกิดขึ้นช่วงกลางทศวรรษที่ 50 โดยแบ่งเป็น บัตรโดยสารแบบ “Standard” หรือตั๋วโดยสารราคาเต็ม (Full-fare) แต่มีความยึดหยุ่นมากกว่าส่วนใหญ่จะเป็น “นักธุรกิจ” หรือ Business Person ที่บางครั้งไม่ต้องออกเงินเองและมักจะซื้อตั๋วเมื่อต้องการจะเดินทางไม่มีการแพลนล่วงหน้า
อีกแบบคือตั๋วแบบ “Tourist” ที่มีส่วนลด (Discount-fare) แต่มีข้อจำกัดเช่น ต้องซื้อล่วงหน้า และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และส่วนใหญ่คนที่ซื้อก็คือ “นักท่องเที่ยว” นั่นเอง

ในช่วงนี้ทำให้เริ่มมีการแบ่งพื้นที่สำหรับ “นักธุรกิจ” ที่ซื้อตั๋วในราคาแพงกว่าให้อยู่ด้านหน้าเครื่อง กับที่นั่งสำหรับนักท่องเที่ยวให้อยู่ด้านหลัง ก่อนที่จะมีการปรับที่นั่งสำหรับ “นักธุรกิจ” ให้กลายเป็น Business Class ที่สะดวกสบายมากขึ้นตามมา
จุดกำเนิดที่นั่งระดับ First Class

ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 70 เมื่อการเดินทางด้วยเครื่องบินได้รับความนิยมมากขึ้น เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้ เครื่องยนต์มีกำลังสูงขึ้น เครื่องบินลำใหญ่ขึ้น รองรับคนต่อการเดินทางต่อเที่ยวได้มากขึ้น
การมาถึงของเครื่องบิน “โบอิ้ง 747” เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่จุคนได้จำนวนมากขึ้นทำให้สายการบินสามารถทดลองกลยุทธ์ทางการตลาด ในการให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันตาม Class ที่นั่งของสายการบินได้
หลังจากนั้นสายการบินหลายๆแห่งจึงเริ่มมีการแบ่งผู้โดยสารออกเป็นหลายระดับ ตั้งแต่ Economy Class, Premium Economy Class, Business Class และ First Class พร้อมกับโครงสร้างราคาแบบที่เราเห็นกัน
เบื้องหลังของโครงสร้างราคาที่ที่นั่งคลาสระดับสูงมีราคาสูงกว่าหากมองอีกมุมก็คือ “การบริหารต้นทุนเพื่อให้คนขึ้นเครื่องบินได้มากขึ้น” นั่นเอง
Concorde ความหรูหราใหม่ที่ทำให้ First Class หายไป

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้นเองที่นั่งแบบ First Class เคยหายไปจากบริการเครื่องบินโดยสารทั่วไปด้วย จากการถือกำเนิดของเครื่องบิน Concorde เครื่องบินความเร็วเหนือเสียงที่ถูกมองว่าเป็นเครื่องบินระดับ First Class สำหรับคนรวยและคนมีชื่อเสียง
แต่แล้ว Concorde เครื่องบินที่ สายการบิน British Airway และ Air France นำมาให้บริการก็ไม่สามารถให้บริการต่อไปอีกได้เพราะต้นทุนที่สูง มีข้อจำกัดมากมายรวมไปถึงเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก ทำให้ผู้โดยสารขาดความเชื่อมั่นกับเครื่องบินรุ่นนี้ สองสายการบินนี้ต้องปลดระวางเครื่องบิน Concorde ออกไปจากตลาด
เมื่อการบินที่หรูที่สุดหายไปนั่นทำให้หลายๆสายการบินนำที่นั่งระดับ First Class กลับมาขายใหม่อีกครั้งในฐานะการเดินทางทางอากาศที่หรูหราที่สุด
First Class ไม่ได้แพงแบบไม่มีเหตุผล

ถามว่าทำไมที่นั่งโดยสาร Fist Class ถึงแพง? คำตอบมีอยู่หลายเหตุผลเช่น
“พื้นที่” เพราะที่นั่ง First Class ใช้พื้นที่มากกว่าที่นั่ง Class อื่นๆมากในพื้นที่เท่ากัน ดังนั้นหากคิดเป็นราคาต่อขนาดพื้นที่แล้วย่อมต้องมีราคาค่าโดยสารที่แพงกว่าเป็นธรรมดา
“สิ่งอำนวยความสะดวก” ผู้โดยสารชั้นหนึ่งได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการระดับพรีเมียมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่บางสายการบินให้เป็นอาหารฝีมือเชฟระดับมิชลิน ที่นอนที่แบนราบและสบายเป็นพิเศษ ทีวีส่วนตัว Wifi บริการตลอดเวลา

รวมไปถึง “กระเป๋าของใช้” ที่สายการบินแจกให้ผู้โดยสารไปฟรีๆอย่างเช่นสายการบิน EVA Air ที่เคยแจกกระเป๋าแบรนด์ RIMOVA แบรนด์กระเป๋าเดินทางสุดหรู สายการบิน Emirates ที่แจกของแบรนด์ BVLGARI เต็มกระเป๋า รวมถึง Aatar Airways ที่แจกของจากแบรนด์ Dior ให้แบบจัดเต็ม

เรื่อง “ความเป็นส่วนตัว” First Class จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะจำนวนที่นั่งที่น้อยกว่า ในห้องโดยสารจะมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจผู้โดยสารที่ยินดีจ่ายเงินเพิ่ม
นอกจากนี้ First Class ยังมีราคาแพงได้เพราะ “ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม” เช่นลูกค้าที่มีความต้องการและกำลังซื้อสูง กลุ่มลูกค้าเหล่านี้มักจะเป็นนักธุรกิจ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงที่พร้อมจ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว และบริการระดับสูงสุดในการเดินทาง
ส่วนต่าง 1 แสนบาทอาจไม่ได้มีปัญหาอะไรกับกระเป๋าสตางค์ของคนกลุ่มนี้เลย
อีกลุ่มหนึ่งก็คือ “ลูกค้ากลุ่มผู้บริหารระดับสูง” ทั้งรัฐและเอกชนที่ไม่ได้ใช้เงินตัวเองซื้อตั่ว ที่ไม่ได้แคร์ว่าค่าโดยสารจะราคาเท่าไหร่ ทำให้สายการบินตั้งราคาสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้านี้ได้ด้วย
ที่ต้องไม่ลืมก็คือ First Class ยังมีบริการจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ รวมไปถึงบริการ “รถรับส่งลีมูซีนหรู” กรณีต้อง Connect Flisht หรือเดินทางไปโรงแรม รวมไปถึงมีบริการ “Lounge สุดหรู” ที่สนามบินทั้งขาออกและขาเข้าที่สะดวกสบาย
ต้นทุนของสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการเหล่านี้ย่อมทำให้ราคาสูงขึ้นเป็นธรรมดา
Business Class ยกระดับสิ้นสุดยุค First Class
อย่างไรก็ตามในช่วงหลายปีหลังนี้ที่นั่งระดับ First Class ก็เริ่มได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อยๆเช่นกัน เนื่องจากที่นั่ง Business Class พัฒนามากขึ้นจนช่องว่างความแตกต่างกับที่นั่งระดับ First Class นั้นน้อยลง ทำให้คนมองว่า Business Class อยู่ในระดับราคาที่คุ้มค่ากว่า ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากที่เคยเลือก First Class หันมาเลือก Business Class แทน
อีกเหตุผลที่ First Class เริ่มหายไปก็คือเหตุผลในแง่ธุรกิจ เพราะที่นั่ง Business Class สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่าในพื้นที่เท่ากัน เมื่อเทียบกับ First Class ทำให้สายการบินสามารถสร้างรายได้ต่อพื้นที่ได้มากกว่านั่นทำให้สายการบินบางสายเริ่มตัดที่นั่ง First Class ออกไปและยกระดับ Business Class ขึ้นเป็น Business Studio
พูดง่ายๆว่า การเพิ่มจำนวนที่นั่ง Business Class เป็นทางเลือกที่ “ทำกำไร” ได้มากกว่าสำหรับสายการบินในยุคนี้ นั่นทำให้หลายสายการบินเลิกให้บริการที่นั่งแบบ First Class ไปเลยหรือไม่ก็ให้บริการในจำนวนจำกัดมากๆ
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ยังมีสายการบินอีกบางส่วนโดยเฉพาะในในเอเชีย และตะวันออกกลาง ที่ยังให้บริการที่นั่งแบบ First Class ในเวลานี้ ซึ่งรวมถึง “การบินไทย” ของเราด้วยเช่นกัน
ที่นั่ง First Class ตอนนี้ราคาเท่าไหร่

จากการสำรวจ สำหรับที่นั่ง First Class เที่ยวบินไป–กลับ จากกรุงเทพ ไปลอนดอน เดินทางไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ กลับวันที่ 15 มีนาคม ของสายการบินไทย มีราคาค่าโดยสาร รวมภาษี ค่าธรรมเนียมและค่าบริการอยู่ที่ 347,950 บาท!

ส่วนที่นั่ง First Class ที่แพงที่สุดในโลกเวลานี้ต้องยกให้ Etihad Airways A380 First Class ที่ราคาสามารถพุ่งทะลุไปถึง 2 ล้านบาทสำหรับการเดินทางระยะไกลเช่น ลอนดอน–ซิดนีย์ ที่มีบริการสุดหรูด้วย Private butler บริการสปาบนเครื่อง บริการอาหารระดับลักชู พร้อมกับห้องน้ำที่หรูระดับ ultra-luxe อย่างไรก็ตามราคานี้จะเป็นราคาสำหรับการเดินทาง 2 คน นั่นเอง