หลังจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าที่ตลาดคาดทะยานขึ้นแตะระดับ 8.6% อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ใช้ยาแรงเพื่อสกัดปัญหาดังกล่าวประกาศเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งที่ 0.75% ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่เกิดแรงขายในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมถึง Bitcoin เข้าสู่ยุคตลาดหมีปรับตัวร่วงลดลงต่ำกว่าระดับที่ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาเกิดความผันผวนขึ้นและลงสลับไปมาจนกระทั่งมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 1,740 ดอลลาร์สหรัฐ
ย้อนไทม์ไลน์ Bitcoin ตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย.65 ราคาร่วงแรงหนักสุดในรอบ 18 เดือน
• 2 มิถุนายน 2565 หลังจากประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก นางแมรี ดา ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2565 สอดคล้องกับนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดที่สนับสนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคา Bitcoin ร่วงลงอย่างรวดเร็วแตะที่ระดับต่ำกว่า30,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดย Arthur Hayes อดีต CEO เว็บไซด์เทรด BitMEX ได้ให้ความเห็นว่า ราคาของ Bitcoin นั้นถึงจุดต่ำสุดของขาลงรอบนี้แล้ว
• 6 มิถุนายน 2565 Justin Bennett นักเทรดและนักวิเคราะห์ Crypto ออกมาแสดงความเห็นผ่านทาง Twitter ว่า Bitcoin เดือนพฤษภาคมซื้อขายต่ำกว่าเส้นแนวโน้มที่ 29,700 ดอลลาร์สหรัฐ ตามไทม์เฟรมช่วงรายสี่ชั่วโมง และในปี 2022 มีโอกาสเสี่ยงที่จะร่วงลงมาทดสอบที่ระดับต่ำสุด 24,000 – 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ
• 7 มิถุนายน 2565 ราคา Bitcoin เริ่มขยับขึ้นอยู่ที่ 31,377 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,080,310.11 บาท (ข้อมูลcoinmarketcap) หรือขยับขึ้น 4.84% และค่อย ๆ ปรับตัวลงไปแตะ 29,700 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อด้วย 1,900 สหรัฐจนกระทั่งไปแตะ 1,740 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มหวั่นกลัว ว่าตลาดจะกลับไปเป็นขาลงอีกครั้ง หลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ไม่นาน
• 11 มิถุนายน 2565 ราคา Bitcoin ได้ร่วงลงมา 2 รอบ โดยรอบแรกล่วงจาก 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ มาที่ 29,250 ดอลลาร์สหรัฐ และได้ร่วงต่อมาอีกจนถึง 28,500 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ Market Cap ของ Cryptocurrency ได้ร่วงลงมากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท (ข้อมูล coinmarketcap)
• 12 มิถุนายน 2565 นักลงทุนเริ่มหวั่นไหวจากราคา Bitcoin รูดดิ่งลงมาแตะ 27,241 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาวะเศรษฐกิจของโลกที่อาจเริ่มเข้าสู้ภาวะวิกฤติ หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสู้กับเงินเฟ้อ ส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าหอบเงินมาลงทุนและเลือกจะเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น
• 13 มิถุนายน 2565 ราคา Bitcoin ร่วงต่ออย่างรุนแรงแตะในระดับราคา 25,680 ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 18 เดือนนับตั้งแต่ เดือนธันวาคม ปี 2020 สาเหตุการร่วงลง อาจจะเกิดมาจากการที่ Fed เตรียมตัวจะประกาศการดอกเบี้ยเนื่องจากภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก รวมถึงจีนได้กลับมาล็อคดาวน์อีกครั้งเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำเกิดการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ stagflation ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น และสงครามระหว่าง รัซเซียและยูเครนยืดเยื้อทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อเช่นเดียวกัน
• 15 มิถุนายน 2565 ราคา Bitcoin อาการหนักเกือบหลุดแนวรับที่ระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างการประชุมเฟดมีนโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น จาก 0.75% สู่ 1.5-1.75% โดยตอนแรกคาดการณ์ว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามความร้ายแรงของภาวะเงินเฟ้อ และหลังจากการประชุมเสร็จกลับมามีแรงซื้อขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 22,826 ดอลลาร์สหรัฐ
• 18 มิถุนายน 2565 ราคา Bitcoin มีการปรับฐานลงอย่างรุนแรงร่วงต่ำสุดอยู่ที่ 19,066 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 1 ปี และเมื่อเทียบราคา Bitcoin ในวันที่ 17 มิถุนายน ร่วงลงมาอยู่ที่ 20,800 ดอลลาร์สหรัฐ
• 19 มิถุนายน 2565 Jeffrey Gundlach CEO ของ Doubleline Capital เจ้าของฉายา “Bond King” ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าราคา Bitcoin จะลดลงไปอีกมากกว่า 50% จากระดับปัจจุบันจนเหลือประมาณ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ และมองว่า เทรนด์ตลาดคริปโตหมดช่วงขาขึ้นไปนานแล้ว หากเทียบเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว Bitcoin ขึ้นมาแตะที่ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วลดลงเหลือ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ และราคาดิ่งลงมาเรื่อย ๆ
• 20 มิถุนายน 2565 ราคา Bitcoin กลับมายืนเหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเหนือ 7 แสนบาทอีกครั้ง หลังจากราคาได้ร่วงทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ 17,960 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะที่ Paul Krugman นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล ได้ทวีตบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงช่วงชั่วคราวก่อนที่ราคา Bitcoin จะกลับมาร่วงลดลงต่อ ซึ่งการฟื้นตัวของราคา Bitcoin ล่าสุด น่าจะเป็นเพียงแค่การเด้งของแมวที่ตายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครรู้ว่าก้นเหวของราคา Bitcoin อยู่ที่ตรงไหนกันแน่ เพราะมีความผันผวนที่สูงมาก รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซี่เหรียญอื่น ๆ ก็เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน ฉะนั้นแล้วก่อนลงทุนทุกครั้งนักลงทุนควรต้องไม่ลืมที่จะศึกษาข้อมูล และเข้าใจถึงความเสี่ยงก่อนเสมอ
รวบรวมข้อมูลจาก siamblockchain , u.today , Coinmarketcap , Paul Krugman
