ทำความเข้าใจ AI ที่อาจยังเข้าใจคลาดเคลื่อน ไขข้อข้องใจ Virtual Artist จาก Deepfake คือ AI หรือไม่?

  • 187
  •  
  •  
  •  
  •  

ในช่วงที่ผ่านมาเกิดกระแสข่าวฮือฮาเกี่ยวกับ Virtual Artist ซึ่งอ้างว่าสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI ก่อนที่จะเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ตามมาเป็นวงกว้างว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นเพียงเทคโนโลยี Deepfake เท่านั้น คำถามก็คือเทคโนโลยี AI และ Deepfake นั้นแท้จริงแล้วคืออะไร? มีความแตกต่างกันอย่างไร และทำไมคนถึงเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองเทคโนโลยีนี้เป็นสิ่งเดียวกัน

AI คืออะไร?

AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence หรือความหมายในภาษาไทยคือ “ปัญญาประดิษฐ์” เป็นวิทยาการคอมพิวเตอร์ขั้นสูงที่ถูกพูดถึงในวงการมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งครั้งหนึ่ง Steven Spielberg ก็ยังเคยนำแนวคิดมีสร้างภาพยนต์ที่มีชื่อว่า Artificial Intelligence: AI ออกฉายเมื่อปี 2001 ด้วยเช่นกัน

หลักการพื้นฐานของ AI ก็คือเทคโลยีที่ถูกออกแบบมาให้มีระบบการทำงานของสมองมนุษย์ที่สามารถ เก็บข้อมูล เรียนรู้จากข้อมูลและประมวลผลเป็น Output ออกมาให้ใกล้เคียงกับสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้มากที่สุด และสามารถนำข้อมูลที่มีและข้อมูลใหม่ๆมาประยุกต์ใช้และประมวลผลใหม่ในอนาคตได้ด้วยตัวเองด้วย

ตัวอย่างเทคโนโลยี AI

ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยี AI ก้าวหน้าไปมากขึ้นเรื่อยๆและอยู่รอบตัวเราโดยที่เราอาจไม่รู้ตัวยกตัวอย่างเช่นผู้ช่วยส่วนตัวอย่าง Siri ของ Apple ระบบ Google Now ของ Google, Alexa ของ Amazon ที่สามารถทำ่งานแทนมนุษย์ ทำตารางนัดหมาย ค้นหาข้อมูลและสั่งการแอพพลิเคชั่นต่างๆได้

ภาพการแข่งขันระหว่าง AlphaGo และ Lee Se-dol แชมป์โลกหมากล้อมเมื่อปี 2016

หรือจะเป็นเทคโนโลยีทำงานแทนมนุษย์อย่างระบบ Self-Driving ในรถยนต์ Tesla ก็ถือว่าเป็น AI เช่นเดียวกันเนื่องจากมีการประมูลผลและเรียนรู้ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา อีกตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ AlphaGo โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถเล่นโกะ ได้จนชนะแชมป์โลกที่เป็นมนุษย์ได้สำเร็จเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา

ภาพที่ถูกประมวลผลออกมาโดย Lensa

ปัจจุบัน AI มีความสามารถล้ำหน้าไปมากอย่างที่เป็นที่ฮือฮาเมื่อไม่นานที่ผ่านมาก็คือ AI ที่สามารถวาดรูปได้ตามคำสั่งอย่าง Midjourney รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นวาดภาพเหมือนที่นำข้อมูลจากงานศิลปะผนวกรวมเข้ากับภาพถ่ายประมูลผลออกมาเป็นงานศิลปะอย่าง Lensa ที่กำลังได้รับความนิยมนั่นเอง

คลิกอ่าน กระแสมาแรง! เปลี่ยนรูปภาพเซลฟี่ให้กลายเป็นภาพวาดสุดเจ๋ง ผ่านการวาดจาก AI

Deepfake คืออะไร?

Deepfake คือ synthetic media หรือ “สื่อสังเคราะห์” เป็นเทคโนโลยีที่จะทำให้บุคคลในรูปภาพหรือวิดีโอถูกแทนที่ด้วยอีกบุคคลหนึ่งได้อย่างแนบเนียนทั้งรูปร่างหน้าตามรวมไปถึงเสียงพูดด้วย ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ คลิปวิดีโอของสถานีโทรทัศน์ Chanel4 ของอังกฤษที่ใช้เทคโนโลยี Deepfake ทำคลิปสมเด็จพระราชินาถเอลิซาเบธตัวปลอมกล่าวอวยพรในวันคริสต์มาสเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ที่ไม่เพียงแต่พูดอย่างเดียวแต่ยังเต้นอีกด้วย

การตัดต่อใบหน้าของคนหนึ่งไปใส่กับอีกคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ Deepfake สามารถทำได้อย่างแนบเนียนจนแทบจะจับผิดไม่ได้เลย โดยเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง Deepfake ก็คือการนำเทคโนโลยี  AI มาใช้ในการเรียนรู้และประมวลผลภาพและเสียงจำนวนมาก มาแสดงผลบนคลิปวิดีโอ ซึ่งนั่นก็หมายว่า  Deepfake มี AI ช่วยประมวลผลและมี output ออกมาเป็นคลิปที่ถูกปลอมใบหน้าแล้วนั่นเอง

คลิป deepfake หากจะทำให้แนบเนียนมากที่สุดจำเป็นต้องมีการประมวลผลภาพและเสียงจำนวนมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ส่วนใหญ่คนดังจะถูกทำ Deepfake มากกว่าคนทั่วไป นั่นเป็นเพราะว่ามีภาพและเสียงอยู่ในสื่อสาธารณะให้ประมวลผลมากกว่าคนทั่วไป และหากภาพและเสียงที่มีให้ประมวลผลมีไม่มากพอก็จะทำให้คลิปนั้นทำได้ไม่แนบเนียนนั่นเอง

Virtual Artist ที่สร้างขึ้นจาก Deepfake คือ AI หรือไม่?

เมื่อทำความเข้าใจ AI และ Deepfake แล้วก็คงจะเห็นถึงความแตกต่างของทั้งสองเทคโนโลยีนี้แล้ว ดังนั้น Virtual Artist ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี Deepfake คงจะไม่อาจกล่าวได้ว่า Virtual Artist คนนั้นคือเทคโนโลยี AI แต่เป็นเพียงผลผลิตหรือ output ของ Deepfake ที่ทำงานบนพื้นฐานของเทคโนโลยี AI เท่านั้น

VAVA ศิลปินเสมือนจริงของบริษัท T-Town Digital Studio

นั่นหมายความว่าหากจะมี Virtual Airtist ซักคนที่จะเป็น AI ได้นั้น Virtual Airtist คนนั้นจะต้องมีเทคโนโลยีเบื้องหลังในการเก็บข้อมูล เรียนรู้ข้อมูล ประมวลผล ออกมาเป็น output เช่นสามารถเรียนรู้การร้องเพลง เรียนรู้การเต้น ทำการแสดงได้แบบมนุษย์ รวมไปถึงสามารถตอบโต้กับแฟนๆได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่การใช้ระบบ Deepfake เปลี่ยนใบหน้าของมนุษย์ที่กำลังเต้นหรือกำลังร้องเพลงอยู่เท่านั้นนั่นเอง


  • 187
  •  
  •  
  •  
  •