‘Agentic AI’ ยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนวิธีทำงานของมนุษย์

  • 46
  •  
  •  
  •  
  •  

Agentic-AI

 

หากพูดถึง AI หลายคนอาจนึกถึงหุ่นยนต์ที่พูดได้ โต้ตอบได้อย่าง Siri หรือ ChatGPT ที่ช่วยสร้างเนื้อหา แต่งเพลง หรือแม้แต่ตอบคำถามที่ซับซ้อน แต่ในอนาคตอันใกล้ เราจะได้เห็นเทคโนโลยีที่ยกระดับไปอีกขั้นที่เรียกว่า “Agentic AI” หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงตัวแทน ที่มีพลังแห่งการตัดสินใจและการดำเนินการที่ไม่ต้องรอให้มนุษย์สั่งการในทุกขั้นตอนอีกต่อไป

 

ลองจินตนาการว่า คุณมี AI ที่รู้ว่าคุณอยากไปเที่ยวต่างประเทศ มันจะช่วยวางแผนการเดินทางให้คุณแบบครบวงจร ตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม จัดตารางเที่ยว และแม้แต่จองร้านอาหารที่เหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตของคุณ โดยคุณแทบไม่ต้องสั่งอะไรเลย หรือ AI ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์คอยดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ซึ่งสามารถพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ช่วยจัดยาที่ต้องกินในแต่ละวัน และแม้กระทั่งช่วยปลอบใจในวันที่เหงาหรือเครียดได้ด้วย นี่แหละคือพลังของ Agentic AI ที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตเราอย่างแท้จริง

 

แล้ว Agentic AI คืออะไร และต่างจาก AI แบบเดิมอย่างไร?

 

“Agentic AI คือ AI ที่คิดและทำได้ด้วยตัวเองโดยที่มนุษย์ไม่ต้องควบคุมอยู่ตลอดเวลา คำสำคัญคือคำว่าเชิงรุก (Proactiveness) มันมีเป้าหมายและบริบทที่ชัดเจน จึงตัดสินใจได้เองว่าสถานการณ์ใดควรทำอะไร โดยไม่ต้องรอคำสั่ง”

 

ถ้าพูดง่ายๆ AI ในอดีตมักจะมีลักษณะการทำงานแบบรับคำสั่ง แล้วถึงจะตอบสนอง แต่ Agentic AI นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะจะมีความสามารถในการวางแผน ดำเนินการ และประเมินสถานการณ์แบบอัตโนมัติได้เลย

 

3 จุดเด่นของ Agentic AI ที่จะส่งผลต่อธุรกิจและสังคม

 

1. ความเชี่ยวชาญที่เฉพาะเจาะจงสูงมาก (Greater Specialization)


ในอดีต การแบ่งงานกันทำตามแนวคิดของ Adam Smith ถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจ แต่ปัจจุบันองค์กรต่างๆ มักติดขัดเรื่องคนหรือทักษะที่ไม่เพียงพอ แต่เมื่อ Agentic AI เข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนที่สามารถรับผิดชอบงานเฉพาะด้าน เช่น การจัดการข้อมูล การตรวจสอบสินค้า การตอบอีเมลลูกค้าแต่ละราย หรือแม้แต่การสรุปงานอัตโนมัติ ทำให้คนสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่สำคอญจริงๆ ได้มากขึ้น

 

2. ส่งเสริมนวัตกรรม (Innovation)


Agentic AI จะเปลี่ยนรูปแบบการค้นคว้าและทดลอง เพราะมีการใช้ AI แบบ Multi-agent ที่ทำงานร่วมกันได้ในหลายบทบาท เช่น ChemCrow ที่สามารถคิดค้นสารเคมีใหม่ๆ เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ หรือ SciAgents ของ MIT ที่ใช้ AI หลายตัวทำหน้าที่ทั้งวิจัย คิดค้นวัสดุใหม่ๆ และมี AI เฉพาะสำหรับตรวจสอบคุณภาพการทดลองด้วยวิธีการที่รวดเร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์หลายเท่า

 

3. ความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น (Greater Trustworthiness)


ระบบ Agentic AI สามารถแยกแยะคุณภาพข้อมูลได้ดีขึ้น จึงลดปัญหา AI hallucination ที่มักจะสร้างข้อมูลผิดๆ ขึ้นมาเองได้ ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้แม่นยำและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

 

ตัวอย่างที่ชัดเจนในการใช้งานจริงของ Agentic AI

 

ด้านบริการลูกค้า

เช่นบริษัท Ema ในแคลิฟอร์เนีย ใช้ AI ที่สามารถวิเคราะห์อารมณ์และความต้องการของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ AI จะไม่รอให้ลูกค้าโทรมาโวยวาย แต่กลับจะคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้า เช่น สินค้าส่งช้า จากนั้นจะเสนอวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม เช่น ให้ส่วนลด เพื่อรักษาความพึงพอใจของลูกค้า

 

ด้านการผลิต

บริษัท Juna.ai ในเยอรมนีใช้ AI เพื่อควบคุมโรงงานการผลิตเสมือนจริง ทำให้สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตัวไหนมีโอกาสพังเมื่อไหร่ ช่วยลดเวลาหยุดเครื่องจักรโดยไม่จำเป็น และยังช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการผลิตได้อีกด้วย

 

ด้านการขาย

บริษัทใหญ่อย่าง Salesforce ได้เปิดตัว AI ที่ช่วยให้พนักงานขายจัดการงานเอกสาร ตอบกลับอีเมล และแม้แต่ช่วยแนะนำการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้พนักงานขายได้ทุ่มเทเวลาในการดูแลลูกค้าและการปิดการขายได้มากกว่าเดิม

 

ด้านสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ

บริษัท Hippocratic AI ได้ออกแบบ AI เช่น Sarah ซึ่งสามารถดูแลผู้สูงอายุได้ในระดับที่ละเอียดอ่อน สามารถถามไถ่สุขภาพ จัดตารางยาหรืออาหาร และ Judy ที่ช่วยดูแลผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด โดยสามารถพูดคุยแบบเป็นธรรมชาติและอบอุ่น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายใจ

 

ความท้าทายที่ต้องรู้ และเตรียมตัว

 

แม้จะมีศักยภาพสูงมาก แต่ Agentic AI ยังไม่ใช่เทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบ ผู้บริหารยังต้องใส่ใจเรื่องการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน (SMART goals), การเลือก AI ที่เหมาะสมกับงาน และต้องคอยสร้างเงื่อนไขและขอบเขตในการตัดสินใจ (Scaffolding) เพื่อไม่ให้ AI ตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องสำคัญ

 

การมาถึงของ Agentic AI ถือเป็นก้าวสำคัญที่องค์กรต้องจับตา เพราะนี่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ แต่คือสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของมนุษย์ไปตลอดกาล ความพร้อมในการรับมือกับเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแข่งขันได้ในโลกที่ AI กลายเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว

 

Source: HBR


  • 46
  •  
  •  
  •  
  •