ในปี 2023 นับเป็นปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างมากมาย หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เราคนไทยเองก็รู้สึกได้ชัดเจนก็คือ “อุตสาหกรรมยานยนต์” ที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพราะการเข้ามาของ “รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า” หรือ BEV หรือ รถ EV ที่หลากหลายแบรนด์จากหลากหลายประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยกันอย่างคึกคัก และสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยนั้นก็เป็นไปตามแนวโน้มของตลาดโลกเช่นกัน
บทความนี้เราจะมาฉายภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก รวมถึงในประเทศไทยให้ชัดเจนขึ้นด้วยข้อมูลยอดขายรถยนต์ในปี 2023 ที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายรถ EV ทั่วโลกว่ารถรุ่นไหนแบรนด์ไหนที่ขายที่ที่สุดทั้งหมด 10 อันดับ รวมไปถึง ยอดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยเช่นกันจากข้อมูลยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าปี 2023 ที่ผ่านมาทั้งหมดจากกรมขนส่งทางบกว่ามีความแตกต่างจากตลาดโลกมากน้อยแค่ไหน
ภาพรวมตลาดโลกสำหรับรถ BEV ในปี 2023
สำหรับภาพรวมยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกนับตั้งแต่เดือน “มกราคม” ถึงเดือน “พฤศจิกายน” 2023 มีรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายได้ทั่วโลกไปแล้ว 12.1 ล้านคัน โดยคาดการณ์ว่าเมื่อสรุปตัวเลขเดือน “ธันวาคม” มาด้วยจะสามารถพุ่งไปแตะที่ 13-14 ล้านคันได้ไม่ยากนักเรียกว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่ผ่านมาที่ทำเอาไว้ 7.68 ล้านคันถึงเกือบ 2 เท่าตัวหรือเพิ่มขึ้นเกือบ 100% ก็ว่าได้ ส่วนสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของทั้งโลกก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 12% แล้วโดยหากนับรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid Electric vihecle (PHEV) ด้วยแล้วสัดส่วนจะพุ่งไปถึง 19% เลยทีเดียว
10 อันดับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก
สำหรับ 10 อันดับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดทั่วโลกได้แก่ BYD แบรนด์จากประเทศจีนที่กินส่วนแบ่งตลาดไปได้มากถึง 21% ด้วยรุ่นรถที่มีให้เลือกหลากหลายตามมาด้วย Tesla ที่ 13% จากสองรุ่นเด่นอย่าง Model3 และ Model Y ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทำยอดขายได้มากที่สุดในโลก ตามมาด้วยอันดับที่ 3 BMW ที่ยอดใกล้เคียงและอาจมีอันดับเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงสุดท้ายของปีกับ GAC Aion และ Volkswagen ที่ตามมาในอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ
รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลกประจำปี 2023
แต่หากไล่ลำดับรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในปี 2023 จำนวน 10 อันดับแรกนั้นจะพบว่ารถไฟฟ้าแบรนด์ Tesla อย่าง Tesla Model Y นั้นนำโด่งมีเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียวโดยมียอดทะลุ 1 ล้านคันเป็นที่เรียบร้อยในปีที่ผ่านมา ตามมาด้วย Tesla Model 3 ส่วน BYD Atto3 และ BYD Dolphin ตามมาในอันดับ 3 และ 4 ตามลำดับ
ที่น่าสนใจก็คือรถยนต์รุ่นที่ขายดีนอกจาก Tesla Model Y และ Model 3 ที่นำโด่งในอันดับที่ 1 และอันดับที่ 2 แล้ว 8 อันดับที่เหลือเป็นรถยนต์แบรนด์จีนไปแล้ว 7 อันดับจาก BYD ที่ครองไปแล้ว 3 อันดับ Wuling ครองไป 2 อันดับ, GAC Aion ครองไปอีก 2 อันดับโดยมีรถยนต์แบรนด์ Volkswagen ที่สอดแทรกขึ้นมาได้ในอันดับที่ 9
รถยนต์ไฟฟ้ายอดฮิตในไทยประจำปี 2023
สำหรับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าใน “ประเทศไทย” เราใช้ข้อมูลจากยอดจดทะเบียนรถยนต์ของกรมขนส่งทางบกนับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม 2023 พบว่ารถยนต์ที่ฮิตที่สุดในปี 2023 ก็คือ BYD Atto3 ที่มียอดจดทะเบียนมากถึง 19,214 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดมากถึง 25.18% ของทั้งประเทศ และที่น่าสนใจก็คือ “Neta V” ที่ก้าวมาอยู่ในอันดับ 2 ได้ด้วยจำนวนยอดจดทะเบียนที่ 12,777 คัน คิดเป็นสัดส่วน 16.7% ส่วนอันดับที่ 3 ยังคงเป็นแบรนด์จีนอย่าง “BYD Dolphin” ที่มียอดจดทะเบียนมากถึง 9,410 คัน ตามมาด้วย “ORA Good Cat” และ “Tesla Model Y” ในอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ
เรียกได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างมากมายมียอดจดทะเบียนเพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2022 ที่มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 9,729 คัน มาอยู่ที่ 76,314 คันหรือเพิ่มขึ้นถึง 648% พุ่งทะลุเกินความคาดหมายไปอย่างมากมาย ในขณะที่สัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าต่อจำนวนรถยนต์จดทะเบียนในประเทศไทยทั้งหมดในปี 2023 นั้นอยู่ที่ 12% แล้วไม่ต่างจากสัดส่วนในตลาดโลกมากนักและคาดหมายว่าในปี 2024 นี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลบางส่วนที่พอจะทำให้เห็นภาพการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งในปี 2024 ก็เป็นปีที่ได้รับการคาดหมายว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเมื่อเกิดการแข่งขันเทคโนโลยีก็จะพัฒนาต่อไปอีกทั้งระยะเวลาการชาร์จ ระยะทางที่ทำได้ รวมถึงเครือข่ายสถานีชาร์จที่จะครอบคลุมมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้คนตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศไทยที่จะกลายมาเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวไม่ว่าจะเป็น GWM ที่สร้างโรงงานผลิต ORA Good Cat รุ่นใหม่ได้แล้ว ส่วน BYD เองก็สร้างโรงงานผลิต BYD Dolphin เช่นเดียวกับ NETA รวมไปถึง ChangAn และ AION ด้วย ซึ่งจะทำให้ตลาดคึกคักมากยิ่งขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าปี 2024 จะเป็นปีแห่งรถยนต์ไฟฟ้าก็ว่าได้
ที่มา Cleantechnica