เป็นที่ทราบกันดีว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย หลายๆ คนเมื่อนึกจะดูวิดีโอ ก็จะคิดถึง YouTube ก่อนเป็นอันดับแรก อีกทั้งประเทศไทยยังติด 1 ใน 10 ของประเทศที่มีการดู YouTube มากที่สุดในโลกอีกด้วย
Google ประเทศไทย จึงได้ร่วมกับ TNS เผยผลวิจัยที่แสดงให้เห็นบทบาทของ YouTube ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อไลฟ์สไตล์ของคนไทย โดยผลสำรวจระบุว่า 62% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไทย ใช้เวลาครึ่งหนึ่งในโลกออนไลน์กับ YouTube
● คนไทย 83% บอกว่า YouTube เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่พวกเขาชื่นชอบ
● 81% ของคนไทย บอกว่า YouTube คือที่แรกที่จะเข้าไปชมวิดีโอ
● 61% ของคนไทยเลือกดู YouTube มากกว่าโทรทัศน์ ขณะที่มี 11% ชอบดูโทรทัศน์มากกว่า YouTube
● ระหว่างสัปดาห์ คนไทยชม YouTube มากกว่าโทรทัศน์ถึง 14 ชั่วโมงจาก 24 ชั่วโมง
● คนไทยดู YouTube บนสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 85%
● มีการอัปโหลดวิดีโอเพิ่มขึ้นกว่า 75%
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา YouTube มี YouTube Creator เพิ่มขึ้นอย่างมาก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Gold Channel (มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านราย) 25 Channel ประเทศไทยถือว่ามี Gold Channel มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียใต้ และ Silver Channel (มีผู้ติดตามมากกว่า 1 แสนราย) ประมาณ 460 Channel ในจำนวนนี้ 260 Channel เกิดใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ทำไม YouTube ถึงโตเร็วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
คุณไมเคิล จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย เผยว่า ปัจจัยที่ทำให้ YouTube ในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดมีด้วยกัน 4 ข้อ ดังนี้
• พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น
• คอนเท้นต์บน YouTube มีคุณภาพ และตรงกับความต้องการ
• YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย จึงสร้าง Engagement กับผู้บริโภคได้ดี
• ระบบโฆษณาที่ดีกว่าเดิม โฆษณามีประโยชน์ต่อผู้บริโภค และไม่ก่อให้เกิดความรำคาญ
อัตราการใช้อินเตอร์เน็ตในไทยเติบโตเร็วมาก ผลสำรวจระบุว่า 62% ของคนไทยใช้อินเตอร์เน็ต และ 53% ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน จากกราฟจะเห็นว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ที่ทำให้ค่าใช้บริการมีราคาถูกลง และเข้าถึงง่ายขึ้น นอกจากนี้ 66% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในไทย ยังใช้งานมากกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งในจำนวนนี้ 51% ใช้ YouTube ร่วมด้วย
คราวนี้มาดูกันว่า แพลตฟอร์มไหนที่ผู้บริโภคจะใช้เพื่อดู YouTube
• 71% ดู YouTube บน PC/Laptop
• 28% ดู YouTube บน Tablet
• 87% ดู YouTube บนสมาร์ทโฟน (เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 85%)
เวลาเฉลี่ยในการดู YouTube แต่ละครั้งอยู่ที่ 34 นาที (ปี 2014 อยู่ที่ 38 นาที) โดยมีความถี่อยู่ที่ 3.3 ครั้งต่อวัน เฉลี่ยวันละ 1.9 ชั่วโมงต่อวัน
คนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
อาจผิดกับที่หลายๆ คนคิด ผลสำรวจระบุว่า คนต่างจังหวัดจะดู YouTube มากกว่าคนในเมือง จากภาพจะเห็นว่าคนต่างจังหวัดมีค่าเฉลี่ยในการดู YouTube ต่อครั้งอยู่ที่ 39 นาที ในขณะที่คนกรุงเทพฯ อยู่ที่ 33 นาทีต่อการดู 1 ครั้ง
โทรทัศน์ และ YouTube
ผลสำรวจระบุว่า 61% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวไทย ชอบดู YouTube มากกว่าโทรทัศน์ ในขณะที่ 11% ชอบดูโทรทัศน์มากกว่า และ 28% บอกว่าไม่ต่างกัน
• ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 20.00 น. คือเวลาที่คนไทยดู YouTube และโทรทัศน์มากที่สุด แต่สัดส่วนการดูโทรทัศน์จะมากกว่า YouTube
• ในวันเสาร์ – อาทิตย์ ก็เช่นเดียวกัน เวลา 20.00 น. คือเวลาที่คนไทยดู YouTube และโทรทัศน์มากที่สุด
คอนเท้นต์บนโทรทัศน์ และ YouTube
• 79% บอกว่า YouTube สามารถหาคอนเท้นต์ที่ตรงกับความต้องการได้ง่ายกว่าโทรทัศน์
• 80% บอกว่า YouTube มีคอนเท้นต์ที่ตนเองชอบมากกว่าบนโทรทัศน์
• 81% บอกว่า YouTube เป็นทางเลือกแรกๆ เมื่อต้องการดูวิดีโอ
โดยเหตุผลส่วนใหญ่ที่ผู้บริโภคเลือก YouTube ก็เพราะมีคอนเท้นต์ที่หลากหลาย มีการอัปเดทคอนเท้นต์ใหม่ๆ ตลอดเวลา คอนเท้นต์มีคุณภาพ รวมถึงเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มสำหรับดูวิดีโออื่นๆ
คอนเท้นต์ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
• 63% เพลงไทย
• 61% คอนเท้นต์ประเภทให้ความบันเทิง
• 60% ดูหนัง
• 53% เพลงสากล หรือเพลงต่างชาติ
• 46% คอนเท้นต์ประเภทตลกขบขัน
ช่องทางการเข้าถึง YouTube
• 59% เข้ามาที่เว็บ YouTube โดยตรง
• 41% เข้าจากลิ้งก์อื่นๆ
เมื่อเข้ามายัง YouTube แล้ว จะเลือกดูวิดีโออย่างไร?
• 42% เข้าไปที่ Channel ที่ตัวเองชื่นชอบ หรือกดติดตามไว้โดยตรง
• 41% ค้นหาใน YouTube
• 31% ค้นหาจาก Google ก่อน
• 25% เจอวิดีโอจากแหล่งอื่นๆ
• 21% คลิกลิ้งก์จาก Social Media
เหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคอยู่ในแพลตฟอร์มได้นานขึ้น
• 79% ค้นหาคอนเท้นต์ที่คล้ายกันดูต่อ
• 75% หาข้อมูลเกี่ยวกับวิดีโอที่เพิ่งดูมา
• 74% ดูวิดีโอแนะนำใน Channel เดียวกัน
• 72% ดูวิดีโอแนะนำที่ YouTube แนะนำต่อ
• 63% เข้าเว็บไซต์ที่มีการพูดถึงวิดีโอนั้นๆ
นอกจากนี้ 77% ของคนดู YouTube จะแชร์วิดีโอไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ, 67% จะอ่านคอมเม้นท์ในวิดีโอ และ 39% จะคอมเม้นท์วิดีโอด้วย
ความคิดเห็นเกี่ยวกับโฆษณา
• 71% บอกว่า โฆษณาใน YouTube ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และตรงกับความต้องการ
• 67% บอกว่า โฆษณาใน YouTube ทำให้ตนเองได้เรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ
• 59% บอกว่า วิดีโอโฆษณา มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
โฆษณาที่กด Skip ได้
• 69% บอกว่า การ Skip โฆษณาได้เป็นเรื่องที่ดี
• 67% บอกว่า โฆษณาที่กด Skip ได้ จะมีส่วนช่วยกรองให้เห็นเฉพาะโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของตนเองจริงๆ (ถ้าผู้บริโภคกด Skip โฆษณา แบรนด์จะไม่เสียเงิน)
• 66% การกด Skip ได้ทำให้ผู้บริโภครู้สึกชอบ YouTube มากขึ้น
• 65% รู้สึกดีกับแบรนด์ที่ยอมให้กด Skip โฆษณาได้
ทั้งนี้ แม้ผู้บริโภคจะ Skip โฆษณา แต่ 47% บอกว่า พวกเขาจำแบรนด์นั้นๆ ได้ ถึงจะได้ดูโฆษณาเพียง 5 วินาที นั่นหมายความว่า แบรนด์ต้องดึงความสนใจของผู้บริโภคให้ได้ภายใน 5 วินาที หรือน้อยกว่านั้น (52% จะดูบ้างไม่ดูบ้าง และ 48% จะ Skip โฆษณาทุกอัน)
หากถามถึงความพึงพอใจ แน่นอนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะรู้สึกดีกับโฆษณาบน YouTube มากกว่า เพราะสามารถเลือกดูได้ หากไม่ต้องการดูอันไหนก็กด Skip ไป อีกทั้งแบรนด์ยังสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายของตัวเองได้อีกด้วย มีผู้บริโภคบางส่วนบอกว่า แบรนด์ที่ลงโฆษณาบน YouTube จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าบนโทรทัศน์
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ก็การันตีได้ว่า YouTube คือ ชุมชน ที่เป็นมากกว่าแค่พื้นที่ให้คนมาปล่อยของ แต่เป็นชุมชนที่เปิดโอกาสให้เหล่าครีเอเตอร์และแบรนด์ได้ทำงานและสื่อสารกันได้ ผนวกกับพฤติกรรมของคนไทยที่ชอบการมีส่วนร่วมและต้องการใกล้ชิดกับ YouTube ครีเอเตอร์ได้ง่ายๆ ซึ่งผลก็คือคนไทยมีส่วนร่วมกับ YouTube เป็นประจำทุกวัน