หลังจากประสบความสำเร็จในฮาวาย และซิซิลี อิตาลี ภาคต่อซีรีส์ ‘The White Lotus’ ซีซัน 3 (ฉาย 16 กุมภาพันธ์) เปิดตัวมาพร้อมกับตัวละครที่ทำให้หลายคนตื่นเต้นอย่าง ‘มุก’ แสดงโดย ลลิษา มโนบาล หรือ ‘ลิซ่า’ ท่ามกลางนักแสดงมากฝีมือมากมาย ที่จะพาผู้ชมเดินทางสู่ประเทศไทยไปสำรวจประเด็นเกี่ยวกับความตาย ศาสนา จิตวิญญาณ อัดแน่นด้วยเรื่องราวการเสียดสีสังคมซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์เรื่องนี้ โดยผสานเข้ากับวัฒนธรรมไทยในฐานะประเทศตะวันออกอย่างเข้มข้น
แต่รู้กันไหมว่า ก่อนหน้านี้ The White Lotus มีกำหนดการถ่ายที่ญี่ปุ่นจนเกือบจะ ‘แน่นอน’ แล้ว โดยจอร์จินา โป๊ป หนึ่งในทีมโปรดิวซ์เซอร์เปิดเผยว่า สถานที่หลายแห่งบน ‘เกาะฮอนชู’ นั้นสวยงามมาก ทั้งยังเหมาะสมกับการถ่ายทำ แต่บริษัทผลิตภาพยนตร์แห่งหนึ่งในไทยแจ้งว่าทางรัฐบาลได้ประกาศนโยบายจูงใจสถานที่ถ่ายภาพยนต์ ด้วยส่วนลด 30% ซึ่งเป็นเม็ดเงินกว่า 4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 148.3 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อยเลยสำหรับงบทุนสร้างซีรีส์รวมประมาณ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,180 ล้านบาท
การดึงดูดกองถ่ายภาพยนตร์ หรือซีรีส์เข้ามาภายในประเทศส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เพิ่มโอกาสการจ้างงาน พร้อมกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งมีชื่อเสียงก็ยิ่งดึงดูดเม็ดเงิน และกระแสความสนใจจากชาวต่างชาติได้มาก ทำให้เห็นว่าแม้การเสนอสิทธิประโยชน์ลดค่าใช้จ่าย 30% อาจดูเป็นเม็ดเงินที่สูง แต่ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ได้รับกลับมานั้นถือว่าคุ้มค่า
ค่าห้องพุ่งกระฉูด แตะระดับ 7 หมื่นบาทต่อคืน
ในที่สุดแล้ว สถานที่ถ่ายทำ ซีรีส์ The White Lotus ซีซัน 3 มีทั้งฉากที่ถ่ายในทั้งกรุงเทพ และภูเก็ต แต่ฉากส่วนใหญ่จะอยู่ที่สมุย ในรีสอร์ตระดับไฮเอนด์หลายแห่ง โดยมีจุดหลักอยู่ที่ Four Seasons Resort Koh Samui ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องชายหาดที่สวยงาม และวิลล่าสุดหรูโดยตอนนี้มีราคาห้องพัก ‘เริ่มต้น’ อยู่ที่ประมาณ 76,000 บาทต่อคืน สูงขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้าถึง 40% ทั้งยังมีท่าทีจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทำที่ Anantara Bophut Koh Samui Resort, Anantara Mai Khao Phuket Villas, Anantara Lawana Koh Samui Resort และ Rosewood Phuket ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งด้านสถาปัตยกรรม รวมถึงการรองรับกองถ่ายขนาดใหญ่
‘The White Lotus Effect’ อิทธิพลจากซีรีส์ ดันท่องเที่ยวพุ่งถล่มทลาย
จากความสำเร็จในสองภาคก่อน การนำเสนอเรื่องราวความเข้มข้นไปพร้อมกับบรรยากาศ และเอกลักษณ์ของสถานที่ถ่ายทำได้อย่างลงตัว ผู้ชมจึงไม่เพียงสนใจเนื้อหาในซีรีส์ แต่ยังชื่นชอบสถานที่ถ่ายทำด้วย ทำให้ The White Lotus มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของฮาวาย และซิซิลี อิตาลีอย่างมาก จนเกิดเป็น ‘The White Lotus Effect’
โดยในซีซันแรก (2020) ซึ่งถ่ายทำที่ Four Seasons Resort Maui ในเมือง Wailea ประเทศฮาวาย ก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จนทำให้ปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ของโรงแรมเพิ่มขึ้น 425% เมื่อเทียบเฉลี่ยรายปีตามรายงานของสำนักข่าว The Guardian
ส่วนในซีซันสอง (2022) ซึ่งใช้ทุนสร้างกว่า 35.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และถ่ายทำที่โรงแรม Four Seasons San Domenico Palace ในเมือง Taormina บนหมู่เกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี ที่คาดการณ์ว่าจะทำให้โรงแรม อพาร์ตเมนต์ บาร์ และร้านอาหารในเมืองได้รับอานิสงส์จากเงินสะพัดเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านยูโร ทั้งยังมียอดจองเข้าพักเต็มต่อเนื่อง ด้านสำนักข่าว MPA ก็รายงานว่า The White Lotus Seasons สองกระตุ้น GDP อิตาลีกว่า 38 ล้านยูโร และมีการจ้างงานกว่า 1,500 ตำแหน่ง พร้อมด้วยตำแหน่งงานพาร์ตไทม์อีก 1,900 ตำแหน่ง
ซีซันที่สาม (2025) ยังแสดงอิทธิพลต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะสถานที่ถ่ายทำหลักอย่าง ‘เกาะสมุย’ มีการค้นหาที่พักใน Agoda เพิ่มขึ้นถึง 12% โดยในช่วงสองวันมานี้การค้นหาส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก โดยจัดเรียงอันดับได้ดังนี้
- อิสราเอล
- เยอรมนี
- ฝรั่งเศส
- สหรัฐอเมริกา (เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 65% เมื่อเทียบเฉลี่ยกับช่วงเดือนที่ผ่านมา จนแซงหน้ามาเลเซีย)
- สหราชอาณาจักร
- ด้านข้อมูลจาก Expedia แพลตฟอร์มค้นหาเที่ยวบิน-โรงแรมสัญชาติอเมริกา พบว่ามีการค้นหาเที่ยวบินไปเชียงใหม่เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบเฉลี่ยรายปี ภูเก็ต 45% ตามด้วยเกาะสมุย 30%
- ส่วนแพลอตฟอร์ม Hotels ก็มีการค้นหาเกาะสมุยเพิ่มขึ้น 40% เช่นกัน
- Vrbo แพลตฟอร์มให้เช่าบ้านที่มีการค้นหาที่พักให้เช่าในเกาะสมุยเพิ่มขึ้น 115% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามการรายงานของนิตยสาร Forbes
‘ลิซ่า’ ในบทบาท ‘มุก’ กับการแสดงที่ทรงพลัง – ย้อนรอย ‘Lisa Effect’ ปรากฎการณ์ ‘#ลิซ่าใช้’ จนสินค้าหมดเกลี้ยง
ก่อนหน้านี้ กระแส ‘Lisa Effect’ จากตัวนักแสดงอย่างลิซ่าเอง ได้สร้างปรากฎการณ์สินค้า ‘Sold Out’ มาแล้วมากมาย ตั้งแต่ยาดมหงส์ไทย ลูกชิ้นยืนกิน ร้านเจ๊วรรณสวนหลวงจุฬา ไปจนถึงสินค้าแบรนด์เนมอย่างสร้อยคอจากแบรนด์ Bvlgari ที่มีราคาสูงถึง 1.7 ล้านบาทก็ขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
ในด้านการท่องเที่ยวเอง ลิซ่าก็ได้สร้างกระแสไวรัลมาแล้วมากมาย อย่างเช่นเพลง ‘LALISA’ ซึ่งถ่ายทำที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีปราสาทหินพนมรุ้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ด้านสำนักข่าว Travel Weekly Asia กล่าวว่า “แม้บุรีรัมย์จะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างรวดเร็ว” และยังเป็นจุดกำเนิดของไวรัล ‘ลูกชิ้นยืนกิน’ จนทำให้ยอดขายแผงอาหารบริเวณสถานีรถไฟบุรีรัมย์ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล สู่หลัก 10,000 บาทต่อวันในช่วงพีค โดยมีคำสั่งซื้อหลั่งไหลมาจากโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมี เพลง ‘Rock Star’ ที่เลือกสถานที่ถ่ายทำเป็น ‘ถนนเยาวราช’ ซึ่งกลายเป็นสถานที่เช็กอินสำหรับนักท่องเที่ยว และแฟนคลับทั่วโลกจนทำให้ถนนไชน่าทาวน์แห่งนี้คึกคักขึ้นไปอีก โดยแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเฟสบุ๊ก อินสตาแกรม หรือติ้กต่อก ก็เต็มไปด้วยคอนเทนต์มากมายจากถนนเยาวราชแห่งนี้
ในบทบาท ‘มุก’ ของลิซ่า ก็ได้รับความสนใจจากทั้งแฟนคลับ และแฟนๆ ซีรีส์ The White Lotus ทั้งในไทย และต่างประเทศ ด้วยกระแสความโด่งดังของเธอตั้งแต่การเป็นสมาชิกวง Black Pink ไปจนถึงการเดบิวต์ผลงานเดี่ยว รวมถึงการขึ้นแสดงบนเวทีใหญ่อย่าง Victoria Secret ทำให้หลายคนต่างตั้งตารอฝีไม้ลายมือการแสดงของลิซ่า ซึ่งหลังจาก The White Lotus Season 3 ออกฉาย เธอก็ไม่ทำให้คนที่รอต้องผิดหวังแต่อย่างใด
ทั้งนี้ แม้ The White Lotus จะประสบความสำเร็จในประเทศฝั่งตะวันตก แต่ในไทยกลับไม่เป็นที่รู้จักนัก ปรากฎว่าแฟนคลับชาวไทยหลายคนสนใจในซีรีส์ The White Lotus มากขึ้น เพราะชื่นชอบในตัวลิซ่ากระทั่งอยากจะสมัครบัญชี MAX เพื่อรับชมซีรีส์ด้วย นอกจากนี้ก็มีแฟนคลับที่กล่าวว่า อยากจะไปตามรอยศิลปินที่ตนชอบจากสถานที่ถ่ายทำด้วย ตามการรายงานของ The Guardian
การท่องเที่ยวไทย กับช่องว่างโอกาสที่ยังโตได้อีก
ด้านคุณ ชมพู่ มรุศโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประจำนิวยอร์ก ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ถึงการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในฮาวาย และซิซิลีจากซีรีส์ซีซัน 1 และ 2 ว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 20% โดยมองว่าความสำเร็จนั้นจะเกิดขึ้นกับไทยเช่นกัน ส่วนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมองว่าธุรกิจโรงแรมในเครือ อนันตรา จะเติบโตขึ้นกว่า 20% หลังจากนี้
โดยในปี 2024 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศไทยประมาณ 35.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 28.2 ล้านคนในปี 2023 แต่ยังต่ำกว่าระดับในปี 2019 ที่เกือบ 40 ล้านคน
Sources:
MPA, Travel Weekly Asia, Robb Report, Bloomberg, The Gaurdian, BBC, Forbes, New York Times