แม้จะมีเทคโนโลยีอื่นๆ เข้ามาแทนที่มากมาย แต่ Short Message Service หรือ SMS ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ เหตุผลอะไรที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จดังกล่าว? เราลองมาดูกันดีกว่าครับ
SMS เริ่มถูกส่งเป็นครั้งแรกในปี 1992 จากนั้นในปี 2010 มันก็เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายเพราะผู้ใช้กว่า 80% ใช้งานมัน ต่อมาเมื่อมีสมาร์ทโฟนใครๆ ก็พยากรณ์ว่าความนิยมตรงนี้ก็น่าจะลดลงไป แต่น่าแปลกที่ SMS ก็ยังไม่เคยตาย ลองดูเหตุผลทั้ง 4 ข้อนี้กันดีกว่าครับ
1. SMS เข้าถึงผู้บริโภคได้มาก อัตราการอ่าน 90% ภายในหนึ่งนาที
SMS ถือเป็นสื่อที่มีการ engagement สูงที่สุดเมื่อเทียบกับอีเมล์และแอพฯ คุณไม่จำเป็นต้องมีอินเตอร์เน็ตหรือต่อกับ 3G ก็สามารถใช้บริการ SMS ได้แถมการส่งก็ยังง่ายเพียงปลายนิ้ว
2. SMS เป็นบริการแก้ปัญหาครอบจักรวาลในการเข้าถึงผู้บริโภคทุกคน
ความดีของ SMS คือทุกคนไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีไฮโซก็สามารถเข้าถึงการใช้ SMS ได้ ในขณะที่หากเป็นแอพฯ ต่างๆ เช่น WhatsApp, Facebook Messenger, Viber หรือ WeChat ก็ต้องมีความยุ่งยากในการเชื่อมต่อ การโหลด และการอัพเดทเวอร์ชั่นต่างๆ
3. เป็นบริการ Application to person (A2P) ที่เสถียรและน่าเชื่อถือ
สังเกตว่าธุรกรรมทางการเงิน การแจ้งยอดการชำระเงิน การเตือนความจำ และการอัพเดทยอดเงินคงเหลือผ่านแบงค์ นิยมใช้การส่งผ่านทาง SMS ในอดีตเทคโนโลยี SMS ยังไม่ค่อยดีมากนักเนื่องจากไม่ค่อยเสถียรและมีค่าใช้จ่ายมาก แต่ในปัจจุบันเมื่อมีระบบ cloud communication เข้ามามันก็ง่ายที่จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น
4. เพิ่มการรักษาความปลอดภัย
การส่ง SMS เพื่อยืนยันตัวตนแม้แต่บริการ Gmail เองก็ใช้เนื่องจากเมื่อข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กระจายอยู่ทั่วไปบนโลกอินเตอร์เน็ต การใช้ SMS ยืนยันตัวตนและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ก็เป็นเรื่องจำเป็น และเมื่อค่าใช้จ่ายในการส่ง SMS ค่อนข้างต่ำแล้ว บริษัทต่างๆ ก็เลยสนใจในการใช้ SMS ส่งหาลูกค้าแทน