อยากสวยจึงต้องเสี่ยง จึงต้องทน จริงหรือ?
หลายข่าวตามสื่อต่างๆ มีให้เราเห็นมากมายถึงปัญหาในการเข้ารับบริการเสริมความงาม บ้างก็ทำให้หน้าพังเสียหายหนักไปกว่าเดิม บ้างก็หนักถึงขนาดทำให้เสียชีวิตเลยทีเดียว ข่าวสารเหล่านี้ทำให้สาวๆ ส่วนใหญ่ไม่มั่นใจในการเข้ารับบริการเสริมความงาม
สาเหตุส่วนหนึ่งของปัญหาเหล่านี้เกิดจากการเข้ารับบริการจากสถานบริการที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่ดูแลด้านมาตรฐาน เช่น อย. หรือใช้สารที่ไม่ดีเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลอีกมายมายเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่สนใจในการเข้ารับบริการเสริมความงาม โดยเฉพาะการ ‘ฉีดโบ’ ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุด รวมถึงความกังวลในใจซึ่งเป็นอุปสรรคในการปฏิเสธเข้าใช้บริการ
ดังนั้น ใครที่ทำตลาดคลินิคเสริมความงาม บทความนี้จะเป็นข้อมูลช่วยทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในการวิเคราะห์ศึกษาตลาดได้ดียิ่งขึ้น
ก่อนที่จะมาทำความเข้าใจกับพฤติกรรมผู้บริโภค มาทำความรู้จักกับจุดกำเนิดสารที่ฉีดเข้าไปเพื่อทำให้สาวๆ สวยไร้กาลเวลากันก่อนดีกว่า
โบทูไลนุม ท็อกซิน หรือ Botulinum Toxin A ถูกคิดค้นมาเป็นเวลากว่า 1 ศตวรรษ โดยเริ่มมีจักษุแพทย์นำมาใช้ในการรักษาโรค เช่น โรคตาเหล่ ตากระตุก ในปี 2532 ก่อนจะได้รับการรับรองในการรักษาโรคอื่นๆ รวมถึงทางด้านความงามในเวลาต่อมา
ปัจจุบันการฉีดโบทูไลนุม ท็อกซิน เพื่อลดริ้วรอย หรือ ‘ฉีดโบ’ ที่คุ้นหูกันดี ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถลดขนาดกล้ามเนื้อ และทำให้กล้ามเนื้อไม่หดตัวชั่วคราว ส่งผลให้สามารถลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ปรับรูปหน้าและยกกระชับบริเวณหย่อนคล้อยบนใบหน้าได้ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ โบทูไลนุม ท็อกซิน ถูกนำมาใช้เพื่อลดเลือดริ้วรอย และลดการหย่อนคล้อยบริเวณใบหน้าได้
แต่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า การฉีดโบ แม้จะได้รับความนิยม แต่ก็ยังสร้างความกังวลให้กับผู้บริโภคอยู่ นั่นเป็นเพราะผู้บริโภคยังไม่ได้รับข้อมูลหรือคำแนะนำที่ถูกต้อง ดังนั้น บริษัทวิจัย Numbers 10 Research และ Merz Aesthetics (เมิร์ซ เอสเธติกส์) เป็นหนึ่งในหน่วยงานของ กลุ่มบริษัท เมิร์ซ ฟาร์มา ประเทศเยอรมนี ที่เชี่ยวชาญด้านเวชภัณฑ์ยาและเทคโนโลยีความงามมากว่า 100 ปี ได้เปิดเผยผลการวิจัยซึ่งสำรวจจากผู้หญิงไทย 1,000 คน เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เราเข้าใจความต้องการของผู้ที่เข้ารับบริการฉีดโบเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า ร้อยละ 14 ของกลุ่มตัวอย่าง หรือ 1.4 คนใน 10 คน ยอมรับว่าตนเองเข้ารับบริการ ฉีดโบ ในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับการเสริมความงามด้วยวิธีการอื่น รองลงมาคือการทำ Laser Treatments เช่น IPL และ Ultra Deep Treatments เช่น Ionto ร้อยละ 10 เท่ากันตามลำดับ
ส่วนปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เธอเลือกรับบริการ ฉีดโบ ในครั้งแรกคือ เพื่อนและคนใกล้ตัว 38% โดยการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจก็มาจากเพื่อนและคนสนิทรวมถึงการขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และข้อมูลรีวิวจากผู้มีประสบการณ์ตรง
โดยพฤติกรรมตรงส่วนนี้ ตรงกับสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปของพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่เน้นสอบถามคนใกล้ตัวหรือคนที่เคยทำมาก่อน โดยเฉพาะการรีวิวสินค้าหรือบริการจากผู้มีประสบการณ์
ในขณะที่ระยะเวลาที่สาวไทยใช้ในการคิดตัดสินใจทำในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ และนอกจากนั้นแล้วยังเข้ารับบริการซ้ำในทุกๆ 5.69 เดือน นั่นแปลว่า หลังการศึกษาอย่างแน่ชัดจนมั่นใจแล้วจะมีการกลับมาใช้บริการซ้ำนั่นเอง ซึ่งพอจะบอกได้ว่าการฉีดโบมีความปลอดภัยสูง หากศึกษาจากแหล่งข้อมูลที่ถูกตั้งแต่ต้น
จากข้อมูลข้างต้น ทำให้เราทราบว่าเฉลี่ยแล้วจะมีลูกค้าเข้ารับบริการฉีดโบตกประมาณปีละ 2 ครั้ง ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงไทยไปฉีดโบ ก็มาจาก 3 สาเหตุหลักๆ ดังนี้ สาเหตุแรกคือ เพื่อต้องการปรับรูปหน้าให้เข้ารูป 63% สาเหตุที่สองคือ เพื่อลดเลือนริ้วรอยต่างๆ อาทิ รอยตีนกา ริ้วรอยหน้าผาก 61% และสาเหตุสุดท้าย ได้แก่ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ 47%
ในขณะที่จุดสำคัญบนใบหน้าที่สาวๆ มองว่าเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการฉีดโบ ได้แก่ ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก 63% กรามใหญ่ (ลดกราม) 61% และลดรอยตีนกา 45%
นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้หญิงไทยให้ความสำคัญที่สุดในการรับบริการ อันดับหนึ่ง คือ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ 31% อันดับสอง ชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญของแพทย์ 25% และ อันดับสาม ความน่าเชื่อถือของคลินิก 24% ตามลำดับ
นอกเหนือไปจากนั้น ยังทำการเลือกตราสินค้าที่มีความน่าเชื่อถือ โดยพิจารณาจากแหล่งประเทศผู้ผลิต เช่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ เยอรมนี และอังกฤษ เป็นต้น
โดยคุณสมบัติของ โบทูไลนุม ท็อกซิน ที่ต้องการคือ ได้รับการรับรองจาก อย. และไม่มีสารสะสมตกค้าง 93% ไม่เสี่ยงต่อการดื้อโบ 86% และให้ความรู้สึกสบายหน้า สามารถขยับหน้าได้ตามอารมณ์ 84%
ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่วิตกกังวล นั่นคือ กลัวหน้าตึง หนักหน้า ไม่สามารถสื่ออารมณ์ได้ 58% กลัวแพ้สารโบทูไลนุม ท็อกซิน 55% และกลัวสารสะสมตกค้าง 40% และสารที่ให้คุณสมบัติที่ไม่ตกค้าง และไม่ทำให้ใบหน้าตึงเกินไป
ปัญหาดังกล่าวเป็น Insight ของผู้บริโภค ที่มีความกังวลเกี่ยวกับการฉีดโบต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น การกลัวว่าจะทำให้หน้าตึงเกินไป กลัวแพ้สารโบทูไลนุม ท็อกซิน หรือ กลัวสารสะสมตกค้าง โดยที่ปัญหาหน้าตึงสื่ออารมณ์ไม่ได้ดูจะพุ่งแรงมาเป็นลำดับต้น นั่นเป็นเพราะปัญหานี้ส่งผลโดยตรงต่อบุคคลิกภาพและความมั่นใจนั่นเอง
นอกจากความกังวลก่อนรับบริการแล้ว ผู้บริโภคก็ยังมีความกังวลใจหลังรับบริการฉีดโบอีกด้วย เช่น รู้สึกว่าหน้าตึงเกินไป ยิ้มได้ไหม่เหมือนเก่า หรือบางคนก็ใบหน้าก็ขยับได้ลำบากสื่ออารมณ์ไม่ค่อยได้ตามปกติ ที่สำคัญคือ กลัวการแพ้สารโบทูไลนุม ท็อกซิน และกลัวสารสะสมตกค้างหลังการฉีด
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญย้ำว่า ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดเลยหากเราเลือกใช้โบทูไลนุม ท็อกซินที่ มีคุณภาพสูง พร้อมกับมีเทคโนโลยีในการผลิตที่ไม่ทิ้งสารสะสมตกค้าง ที่สำคัญคือจะต้องได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลกและ อย. ของไทย
และอย่างที่ทราบดีว่าปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านความงามพัฒนาไปไกลอยางมาก ปัญหาเดิมที่สาวๆ เคยกังวลใจเกี่ยวกับการฉีดโบ ก็แทบไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป ขอแค่ได้ทำการศึกษาหาข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ก็จะทำให้เราสวยอย่างปลอดภัยไร้กังวลได้อย่างแน่นอน
ฉะนั้น การศึกษาหาข้อมูลก่อนเข้ารับบริการ ทั้งในแง่ คุณภาพผลิตภัณฑ์ การรับรองจาก อย. ผลลัพธ์และความรู้สึกหลังรับบริการที่จะช่วยส่งเสริมความมั่นใจให้มากขึ้น สุดท้ายแล้วความน่าเชื่อถือของคลินิกจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากทีเดียว
และเพื่อง่ายต่อความเข้าใจให้มากยิ่งขึ้น ทางทีม รีเสิร์ชก็ยังได้จัดทำภาพ Infographic ในชิ้นเดียวแบบสรุปความให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
อย่างที่กล่าวว่าในธุรกิจสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือการจับหัวใจผู้บริโภคให้ได้ ซึ่งการที่จะทำเช่นนั้นได้นั่นหมายความว่าเราต้องรู้ถึงพฤติกรรมและอ่านถึงความต้องการของผู้ให้ได้ ดังนั้น การที่ได้ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความงามจากเยอรมนีอย่าง เมิร์ซ เอสเธติกส์ มาบอกข้อมูลต่างๆ จะทำให้เสริมความมั่นใจในธุรกิจเสริมความงามมากยิ่งขึ้น
และหากต้องการข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อความงาม เมิร์ซ เอสเธติกส์ สนับสนุนทุกแรงบันดาลใจความงาม โดยสามารถเข้าไปดูข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ Facebook Merz Aesthetics Thailand และ www.Merzclubthailand.com