ปี 2025 Gen Z ยังคงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่สำคัญมากๆสำหรับนักการตลาด คนกลุ่มนี้มีจำนวนมากขึ้นพร้อมๆกับกำลังซื้อที่มากขึ้นพร้อมๆกับเวลาที่ผ่านไป ดังนั้นการทำความเข้าใจความต้องการ ไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุดจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ และหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เราเข้าใจ Gen Z ได้ก็คือการศึกษาเทรนด์แฟชั่นที่พวกเขาชื่นชอบ เพราะแฟชั่นเองก็เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงตัวตน ความคิด และทัศนคติของคนรุ่นใหม่ได้เช่นกัน
บทความนี้ MarketingOOps! ได้สรุป 5 เทรนด์แฟชั่นมาแรงปี 2025 จากบทความ “Top fashion trends in 2025“ จาก Tatler Asia บทความที่รวบรวมเอาความเห็นของคนในวงการแฟชั่นระดับเอเชีย มาให้ได้อัพเดทความรู้ พร้อมนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
1. Individuality แฟชั่นสะท้อนตัวตน

เรื่องแรกที่ Tatler Asia พบก็คือ Gen Z ยังคงต้องการความโดดเด่นด้วยความมั่นใจในตัวเอง กล้าแสดงออก และให้ความสำคัญกับการเป็นปัจเจกบุคคล โดย Gen Z จะ ใช้แฟชั่นเป็นเครื่องมือในการสื่อสารตัวตนที่แท้จริงโดยไม่ได้ยึดติดกับกรอบเดิมๆอีกต่อไป
เทรนด์นี้กลับมาอีกครั้งเพราะอิทธิพลของแฟชั่นในยุคปัจจุบันที่ทำเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การเข้ามาของ Fast Fashion ทำให้แฟชั่นกลายเป็นเหมือนกับ “ยูนิฟอร์ม” ที่ใส่เหมือนๆกันไปหมดและขาดความเป็นตัวเองไป สิ่งนี้เป็นเหตุผลให้เราได้เห็นแบรนด์ใหญ่ๆอย่างเช่น Prada หรือ Saint Laurent ที่ออกคอเลกชั่นใหม่ที่เสนอไอเดียแฟชั่นในแบบที่เป็นตัวเอง ไม่จำเป็นต้องตามกระแสในปี 2025
เทรนด์นี้จึงทำให้ Gen Z ในปี 2025 แม้จะได้รับอิทธิพลจากเทรนด์ต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย แต่คนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ก็จะใช้ไอเดียปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองได้โดยไม่จำเป็นต้องตามเทรนด์หรือเลียนแบบใคร
แบรนด์และนักการตลาดควรทำอย่างไร?
เพื่อตอบสนองเทรนด์นี้แบรนด์ควร “สร้างสรรค์สินค้าที่มีความหลากหลาย” ทั้งดีไซน์ สีสัน และรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้ Gen Z สามารถเลือกมิกซ์แอนด์แมทช์ สร้างสรรค์ลุคที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้ “เน้นการสื่อสารที่ส่งเสริม Individuality” โดยใช้ภาษาและภาพที่สื่อถึงความแตกต่าง ความเป็นตัวของตัวเอง และการยอมรับในความหลากหลาย รวมถึง “สนับสนุนให้ลูกค้าแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง” เช่นการจัดกิจกรรม หรือแคมเปญ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้า Gen Z ได้แสดงออกถึงสไตล์ส่วนตัวมากขึ้น
2. Customization ปรับแต่งเองได้

เมื่อกลุ่มคน Gen Z ต้องการสินค้าที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง ไม่ซ้ำใคร และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล นั่นจึงทำให้เทรนด์ของการปรับแต่งสินค้า ด้วยตัวเองได้ หรือ Customization เช่นการสามารถเลือกสีหรือปรับแต่งดีไซน์ได้จึงมาแรงในปี 2025 นี้
เทรนด์นี้ยังสอดรับกับเรื่อง “ความยั่งยืน” (Sustainability) ด้วยเนื่องจากเทรนด์ Customization เป็นการกลับมาเน้นเรื่องการออกแบบอย่างตั้งใจและมีความหมายมากกว่าการผลิตแบบ Mass Production แบบเดิม สิ่งนี้ส่งผลให้ผู้บริโภค ใช้เงินน้อยลง ลงทุนกับของที่สะท้อนตัวตนของตัวเองแทนที่จะตามเทรนสินค้าแบบ Mass ช่วยลดขยะที่เกิดขึ้นจากอุตสาหกรรม Fast Fashion ลงได้
แม้เทรนด์แฟชั่นที่สนับสนุนความเป็นตัวเองจะมีประโยชน์หลายด้าน แต่การที่แบรนด์จะลงมือทำได้นั้นก็เป็นสิ่งท้าทายเช่นกัน อย่างเช่นการมีหลายไอเดียหลายตัวเลือกอาจสร้างความสับสนให้ผู้บริโภค และหากสินค้าสามารถ custom ได้อย่างไม่จำกัดก็ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย
แบรนด์และนักการตลาดควรทำอย่างไร?
“บริการปรับแต่งสินค้า” เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะดึงดูดคน Gen Z เช่น การสลักชื่อ เลือกสี เลือกวัสดุ หรือออกแบบลวดลายเอง ลอง “ใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ลูกค้าออกแบบสินค้าได้ง่ายขึ้น” เช่นเทคโนโลยี AR หรือ 3D Configurator พยายาม “สื่อสารถึงคุณค่าของสินค้า Custom” เน้นย้ำถึงความพิเศษ ความเป็นเอกลักษณ์ และคุณค่าทางใจของสินค้าเหล่านั้นให้ชัดเจน
3. Vintage เอกลักษณ์เหนือกาลเวลา

แฟชั่นวินเทจ กำลังกลับมาได้รับความนิยมในกลุ่มคน Gen Z ในปี 2025 นี้ เพราะคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้หลงใหลในเสน่ห์ของเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว เอกลักษณ์เฉพาะตัว และคุณภาพที่คงทนยาวนานเหนือกาลเวลาและปัจจุบันก็เริ่มมีหลายช่องทางออนไลน์ที่ทำให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงสินต้าเหล่านี้ได้มากขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ครอบครองสินค้าคุณภาพสูง เช่น กระเป๋า Birkin หรือแจ็คเก็ต Chanel ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของหายากในราคาที่จับต้องได้
เทรนด์ Vintage นั้นช่วยเสริมเอกลัษณ์และสไตล์ที่เป็นตัวเองของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี แฟชั่น Vintage มักผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูง เป็นงานฝีมือที่แตกต่างยากแฟชั่นยุคปัจจุบันที่ผลิตแบบ Mass Production
แบรนด์และนักการตลาดควรทำอย่างไร?
แบรนด์อาจลองนำชิ้นงานจากคลัง คอลเลคชั่นระดับตำนานที่ผู้คนยังจดจำได้มาขายใหม่ อาจร่วมมือกับร้านค้า หรือแบรนด์วินเทจ จัดกิจกรรมหรือ Workshop เกี่ยวกับแฟชั่นวินเทจ เช่น การสอนมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าสไตล์วินเทจ หรือการดูแลรักษาเสื้อผ้าวินเทจ หรือ สร้าง Storytelling เพื่อเพิ่มคุณค่า และความน่าสนใจให้กับสินค้าให้มีมากขึ้น
4. Technology เทคโนโลยี+แฟชั่น

Gen Z เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี พวกเขาจึงเปิดรับและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น AI, Virtual Reality (VR), Augmented Reality (AR) รวมถึง 3D Printing มากขึ้น โดยนอกจากเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือในการผลิตและออกแบบได้แล้ว ยังเป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่อง รวมถึงช่วยผสานเรื่องราวของวัสดุแบบเดิมเข้ากับความทันสมัยได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดคน Gen Z ให้มาสนใจได้เช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นระดับเอเชียต่างมองว่า เทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทในการออกแบบ ผลิต และจำหน่ายสินค้าแฟชั่น เช่น การใช้ AI ในการออกแบบ การพิมพ์ 3 มิติ การใช้ผ้าอัจฉริยะ เป็นต้น ดังนั้นนักออแบบรุ่นใหม่ก็ควรมีทักษะเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่ด้วย
แบรนด์และนักการตลาดควรทำอย่างไร?
ลองนำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบ และผลิตสินค้า: เช่น AI, VR, AR, 3D Printing รวมถึงนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบใหม่ เช่น Virtual Try-on, Interactive Catalog แต่ก็อย่าลืมว่าปัจจุบันในยุคหลังโควิด คนก็กลับมาให้ความสำคัญกับการได้สัมผัสและได้ลองสินค้าจริงมากขึ้นแล้วเช่นกัน และสุดท้ายอย่าลืมสื่อสารผ่าน Social Media และ Influencer ที่คนกลุ่มนี้ติดตาม
5. Gender-Fluid Fashion แฟชั่นไร้เส้นแบ่งเพศ

Gen Z เป็นเจเนอเรชั่นที่เปิดกว้างทางความคิด ไม่ยึดติดกับกรอบเพศแบบเดิมๆ พวกเขาสนับสนุนความหลากหลาย และแสดงออกอย่างอิสระผ่านแฟชั่นไร้ขอบเขตทางเพศ เทรนด์นี้ทำให้เราได้เห็นแบรนด์ดังอย่าง Gucci, Maison Margiela และ Telfar ต่างก็เริ่มนำเสนอคอลเลคชั่นที่ไร้ข้อจำกัดทางเพศออกมาบ้างแล้ว
ในปี 2025 เราจะเห็นเสื้อผ้าที่เน้นความหลากหลาย มีความเป็นกลาง และการปรับเปลี่ยนได้แบบไม่จำกัดเพศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทาย คือการปรับโครงสร้างแฟชั่นแบบเดิมๆ ที่แบ่งแยกตามเพศ ให้เข้ากับเทรนด์นี้ รวมถึงการ กลับมาคิดกลยุทธ์ทางการตลาด โดยใช้ Influencer ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และ Inclusive มากขึ้น
แบรนด์และนักการตลาดควรทำอย่างไร?
ออกแบบสินค้าที่ไม่จำกัดเพศ ออกมามากขึ้นโดยเน้นดีไซน์ที่เรียบง่าย สวมใส่ได้ทุกเพศ เลือกใช้ผู้แสดงแบบที่มีความหลากหลาย: สื่อสารถึงความเท่าเทียม และการยอมรับในความแตกต่าง และแน่นอนว่าต้อง “สนับสนุน LGBTQ+ Community” แสดงจุดยืน และสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่เปิดกว้างให้ได้
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่จะทำให้เราเข้าใจ Gen Z มากขึ้น ผ่าน 5 เทรนด์แฟชั่นในปี 2025 เทรนด์ทั้งหมดนี้อย่างน้อยที่สุดจะช่วยให้นักการตลาด และแบรนด์สามารถพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึง ออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาด ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างตรงจุด นำไปสู่การสร้างแบรนด์ ที่แข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จในระยะยาวได้
ที่มา: Tatler Asia