จากฟังก์ชั่นสู่แฟชั่น! รู้จักชุมชน Mechanical Keyboard ตลาดใหญ่ภายใต้เทรนด์ “จัดโต๊ะคอม” ที่แบรนด์ควรศึกษา

  • 278
  •  
  •  
  •  
  •  

ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาเราได้รู้จักกับเทรนด์การจัดโต๊ะคอมที่เป็นกระแสต่อเนื่องจากการที่มีคนจำนวนมากต้อง Work From Home  อย่างไรก็ตามแม้วิกฤตโควิดจะผ่อนคลายลงแล้วกระแสที่ว่าก็ยังคงเป็นที่นิยมมาอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน แต่รู้หรือไม่ว่าภายใต้เทรนด์ “จัดโต๊ะคอม” นี้ ยังมี Sub-Culture ที่น่าสนใจซ่อนอยู่ เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และยังเป็นที่นิยมไปทั่วโลกด้วย นั่นก็คือกลุ่มคนที่ชื่นชอบ Mechanical Keyboard หลงไหลในการ Custom ทุกชิ้นส่วนของ Mechanical Keyboard ทั้ง “รูปลักษณ์” “สีสัน” “ฟีลลิ่งการสัมผัส” หรือแม้แต่เสียงที่เกิดขึ้นจากการกดในแต่ละครั้ง

เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ที่พัฒนาจาก “ฟังก์ชั่น” การใช้งานไปสู่ “แฟชั่น” ที่สามารถบอกตัวตนของผู้ใช้งานผ่านคีย์บอร์ดบนโต๊ะทำงานได้ และตลาดนี้เป็นตลาดที่มีขนาดใหญได้รับการคาดหมายว่าจะเติบโตขึ้นถึง 2,645 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 90,000 ล้านบาท ภายในปี 2027 โตขึ้นจาก 1,088 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 37,400 ล้านบาทเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงเป็นตลาดที่น่าสนใจและแบรนด์ต่างๆควรศึกษาเอาไว้เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น

Mechanical Keyboard คืออะไร?

Keyboard ที่ว่านี้ไม่ใช่เครื่องดนตรีแต่เป็นอุปกรณ์ที่เราใช้สื่อสารและสั่งการคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันถูกแบ่งเป็น 2 ประเภทก็คือแบบ Membrane Keyboard และ แบบ Mechanibal Keyboard โดยแบบ Membrane นั้นเราพบเห็นได้ในคีย์บอร์ดราคาถูกทั่วไปโดยภายใต้ปุ่มกด (Keycap) แต่ละปุ่มจะเป็นยางรูปทรงโดม” หรือ Rubber Dome ที่ทุกครั้งที่พิมพ์ลงไปจะส่งสัญญาณผ่านแผงวงจรเข้าสู่คอมพิวเตอร์ มีฟีลลิ่งที่หนึบหนับมากกว่า

แต่สำหรับ Mechanical Keyboard นั้นต่างออกไปโดยภายใต้ Keycap นั้นจะมี Switch พลาสติกที่มีโครงสร้างภายในแบบสปริง เมื่อกดลงไปในแต่ละปุ่มจะมีแรงต้านที่นิ้วพร้อมกับเสียง Click ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานรู้ว่าได้พิมพ์ปุ่มนั้นลงไปแล้ว ซึ่งโดยรวมแล้วกลไกของ Mechanical Keyboard นั้นจะตอบสนองได้ดีกว่า ทำให้พิมพ์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่ม Productivityในการทำงานให้มากขึ้นได้

โครงสร้างสวิตช์ Mechanical Keyboard ขอบคุณภาพจาก https://www.gateron.co/

นอกจากนี้ Mechanical Keyboard ยังมีความทนทานมากกว่าโดยส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานในการกดมากถึง 20 ล้านถึง 100 ล้าน ขณะที่คีย์บอร์ดแบบ Membrane ทั่วไปจะมีอายุการใช้งานการกดราว 5 ล้านครั้งเท่านั้น ขณะที่ Switch และ Keycap นั้นหากแตกหรือเสียก็สามารถซื้อมาเปลี่ยนได้และมีให้เลือกมากมายในท้องตลาด

กลุ่มผู้ใช้งาน Mechanical Keyboard

ด้วยความแม่นยำในการตอบสนองความเร็วและการพิมพ์ที่ดีกว่าทำให้กลุ่มคนที่ใช้งาน Mechanical Keyboard จึงเป็นบรรดา “โปรแกรมเมอร์ รวมไปถึงเกมเมอร์ที่ต้องการการตอบสนองที่แม่นยำและรวดเร็วกว่าคีย์บอร์ดแบบ Membrane อย่างไรก็ตามนอกจากสองกลุ่มนี้แล้ว Mechanical Keyboard ก็เริ่มเข้าถึงคนทั่วไปที่ต้องการคีย์บอร์ดคุณภาพสูงที่ตอบสนองทั้งการเล่นเกมและการพิมพ์ที่ดี มีเสียงที่เพราะ รวมไปถึงตอบสนองด้านความสวยงามมากขึ้นและมีความเป็น “แฟชั่น” ประดับโต๊ะทำงานมากขึ้นในช่วงหลังด้วย

สำหรับในประเทศไทยตลาดของคน​ Modify คีย์บอร์ดเติบโตมากยิ่งขึ้นสังเกตได้จากกลุ่ม Facebook ของคนเล่น Mechanical คีย์บอร์ดที่มีสมาชิกจำนวนมาก นอกจากกลุ่มจัดโต๊ะคอมที่มีสมาชิกมากกว่า 300,000 คนแล้ว กลุ่มที่ Niche ลงมาอย่าง Thailand Mechanical Keybard Community เองก็มีสมาชิกมากถึง 76,000 คน Thailand Mechanical Keyboard Market  มีสมาชิก 73,000 คน ขณะที่กลุ่ม Thailand Keycaps and Mechanical Keybaord ก็มีสมาชิกมาถึง 99,000 คน ส่วนแบรนด์คีย์บอร์ดก็เริ่มออกวางตลาดเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เช่นเดียวกับแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ของคนไทยอย่าง Loga ที่ผลิต Mechanical Keyboard ออกวางขายก็กำลังเติบโตมากขึ้นทุกๆปีด้วยเช่นกัน

ขอบคุณภาพจาก https://www.logaworld.com/

ตลาดที่เติบโตมากขึ้นผลจากมุมมองคีย์บอร์ดแบบ แฟชั่น นั้นเป็นทั้งเรื่องของรูปลักษ์ภายนอก และฟังก์ชั่นภายในที่สามารถ ปรับแต่ง” หรือ Modify ได้ตามต้องการ ซึ่งการ Modify ก็จะให้ฟีลลิ่งและเสียงของคีย์บอร์ดที่ถูกใจผู้ใช้งานมากที่สุดได้ สิ่งเหล่านี้เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่รวมอยู่ในชิ้นส่วนต่างๆที่ถูกประกอบกันขึ้นมาเป็นคีย์บอร์ด 1 ชิ้นเลยทีเดียว และแน่นอนว่าคีย์บอร์ดนั้นมีชิ้นส่วนที่เราสามารถ Modify ได้มากกว่าที่เราคิด

รูปลักษณ์ของคีย์บอร์ด

สิ่งที่บรรดา Modder จะเลือกเป็นอย่างแรกก็คือต้องการคีย์บอร์ดที่มี Layout หรือรูปแบบการจัดวางปุ่มกด ที่เหมาะสมกับการใช้งานให้มากที่สุดโดยในปัจจุบันมี Layout ของคีย์บอร์ดให้เลือกมากมายตั้งแค่ Keyboard แบบ Fullsize ที่จะมีปุ่มแบบครบทุกฟังก์ชั่น รวมไปถึง Numpad และปุ่ม Function รวมแล้วมีประมาณ 104 ปุ่ม

นอกจากนี้ยังมี Layout ที่มีขนาดเล็กลงมาเช่น 96% ที่มี 100 ปุ่ม Layout 80% หรือ TKL (Tenkeyless) ที่จะตัดปุ่ม Numpad ออกไปเหลือ 87 ปุ่ม แต่จะยังคงมีปุ่ม Function และรูปแบบการจัดวางปุ่มจะมีช่องว่างอยู่ นอกจากนี้ยังมี Layout แบบ 75%  65%และ 60% ตามลำดับโดยจะตัดปุ่มที่จำเป็นน้อยที่สุดออกไปเรื่อยๆ ซึ่งใครจะเลือก Layout แบบไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับการใช้งานนั่นเอง

Keycap ที่เลือกได้

ขอบคุณภาพจาก https://www.logaworld.com/

นอกจาก Layout แล้วเรายังสามารถเลือก Kaycap ที่นำมาใส่ให้กับคีย์บอร์ดเราได้ซึ่งเวลานี้ในตลาดก็จะมีวัสดุ สี และ Font บน Keycap ให้เราเลือกมากมาย นอกจากนี้ยังมีรูปแบบองศาของปุ่มหรือที่เรียกกันว่า Profile ที่เราสามารถเลือกได้ให้เหมาะสมกับขนาดมือ รวมถึงแรงกดของนิ้วแต่ละคนเพื่อให้สามารถพิมพ์ได้ถนัดและเร็วมากที่สุดด้วย

ขอบคุณภาพจาก https://www.melgeek.com/

การที่สามารถเปลี่ยน Keycap ได้อย่างอิสระทำให้ตลาด Keycap สำหรับคีย์บอร์ดก็มีขนาดใหญ่เช่นกันมีหลายบริษัทที่มี Keycap รูปแบบต่างๆขายโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าผลิตปุ่มแบบ custom ด้วยการปั้นหรือใช้ 3D Printer ผลิตขึ้นเองออกขายในตลาดด้วยเช่นกัน โดย Keycap Set ก็มีตั้งแต่หลักร้อยเรื่อยไปจนถึงหลักหมื่นบาทเลยก็มี

Switch รูปแบบต่างๆ

ภายใต้ Keycap จะมีสิ่งที่เรียกว่า Switch อยู่และก็เป็นตลาดที่ใหญ่มากเช่นกันถึงกับมีผู้ผลิต Switch ออกจำหน่ายโดยเฉพาะ เหตุผลอย่างหนึ่งก็คือ Switch ที่ดีจะส่งผลให้ฟีลลิ่งในการพิมพ์รวมไปถึงเสียงที่เกิดจากการพิมพ์มีความทุ้มแน่นไพเราะหรือที่คนในวงการเรียกว่ามีเสียงที่ “Thock” มากที่สุด และหนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือ Switch นั่นเอง

ขอบคุณภาพจาก https://www.logaworld.com/

ในตลาดของชาว Modder จะมี Switch ให้เลือกมากมาย แต่หลักๆจะมีด้วยกัน 3 แบบก็คือ

  1. Blue Switch ที่จะมีความ Clicky มีเสียงคลิกๆเมื่อกดลงไป
  2. Red Switch หรือแบบ Linear หรือเป็นแบบกดลงไปจังหวะเดียวและมีเสียงเงียบที่สุด
  3. Brown Switch หรือสวิตช์แบบ Tactile ที่จะสามารถกดสั่งงานได้เพียงครึ่งจังหวะช่วยให้พิมพ์ได้เร็วมากยิ่งขึ้นแต่จะมีเสียงดังมากกว่าแบบ Linear เล็กน้อย

นั่นยังไม่นับ Switch จากอีกหลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น Cherry MX, Gareron, Kailh, Razer, HyperX ที่ออกผลิตภัณฑ์ออกมาให้เลือกอีกมากมาย ที่ทำ Switch ให้เสียงและสัมผัสแตกต่างกันไป ซึ่งราคาของ Switch เหล่านี้มีราคาในหลักตั้งแต่ตัวละ 10 ไปจนถึงเกือบร้อยบาทก็มี

สาย Cable สำหรับคีย์บอร์ด

แม้ปัจจุบัน Mechanical Keyboard ส่วนใหญ่จะสามารถเชื่อมต่อได้ผ่าน Blutooth แต่สายเคเบิลก็ยังคงจำเป็นสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ รวมถึงคนใช้ Keyboard แบบที่ไม่สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ และเป็นอีกหนึ่งแฟชั่น Accessories ที่ได้รับความนิยมสำหรับนัก Mod คีย์บอร์ด อย่างเช่น Coil Cable ที่ช่วยให้สายไม่รกรุงรัง และเพิ่มความสวยงามให้กับคีย์บอร์ดและโต๊ะทำงานของผู้ใช้งานได้ และในตลาดก็มีสายลักษณะนี้ขายอยู่มากมายและบางครั้งอาจมีราคาหลักร้อยถึงหลายพันบาทก็มี

ความสนุกของการ Modify

ทั้งหมดนั้นเป็นอุปกรณ์หลักๆที่บรรดา Modder สามารถเลือกซื้อและปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการแต่ความสนุกของการเป็น Mechanical Keyboard Modder ก็คือการ Modify คีย์บอร์ดให้มีฟีลลิ่งและเสียงที่ดีมากกว่าการนำสินค้าที่ผลิตจากโรงงานมาประกอบเอาไว้ด้วยกัน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ ทำอย่างไรให้คีย์บอร์ดมีเสียงที่ดีที่สุด ถึงขั้นมีการ Modify และอัดเสียง ASMR นำมาแบ่งปันกันทาง YouTube บางคลิปมีให้ฟังยาวเป็นชั่วโมงก็มี ซึ่งคลิปลักษณะนี้ก็เป็นอีกช่องทางให้แบรนด์สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำการตลาดด้วยเช่นกัน ส่วนคลิปข้างล่างนี้เป็นคลิปเสียงพิมพ์คีย์บอร์ดความยาวกว่า 1 ชั่วโมงที่มีคนชม มากกว่า 1 ล้านวิวไปแล้ว

การ Modify Keyboard ที่ว่านี้ทำได้หลายวิธียกตัวอย่างเช่นการแยกชิ้นส่วนคีย์บอร์ดออกมาใช้ Masking Tape เทป Damp ภายในของคีย์บอร์ดเพื่อลดการสะท้อนของเสียงทำให้เสียงทุ้มมากยิ่งขึ้น การใช้โฟมรองระหว่าง Plate รอง Keycap และตัวแผงวงจร การใช้โฟมรองใต้ Key Cap ขนาดใหญ่อย่าง Space Bar ปุ่ม Shift, Enter หรือ Backspace เป็นต้น

นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการ Lube ชิ้นส่วนเคลื่อนไหวได้ต่างๆใน Switch แต่ละตัว ด้วยสารพิเศษเพื่อลดเสียงภายในลงด้วย ซึ่งนั่นเป็นส่วนหนึ่งของเทคนิคจำนวนมากที่บรรดา Modder ต่างแบ่งปันกันผ่าน Community ขนาดใหญ่แบบไม่รู้จบในทุกวันนี้ และยังเป็นอีกหนึ่งตลาดของบรรดาอุปกรณ์ต่างๆสำหรับการ Modify แบบลึกๆด้วยไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ Switch Opener, Stemholder, น้ำยาลูปสวิตช์ม, คีม, พู่กัน และอื่นๆอีกมากมาย

เริ่มต้นสู่วงการ Mechanical Keyboard

MelGeek MOJO84/ ภาพ https://www.melgeek.com/

สำหรับคนที่สนใจวงการ Mechanical Keyboard ก็สามารถเริ่มต้นด้วยการเลือกซื้อ Keyboard ที่สามารถนำไป Modify ต่อได้ซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายแบรนด์เช่น Keychron, GMMK, KBDfans , Melgeek รวมไปถึงแบรนด์เกมมิ่งเกียร์สัญชาติไทยอย่าง Loga ซึ่งล่าสุดก็ทำ Mechanical Keyboard วางจำหน่ายอย่างเช่น Mechanical Keyboard ที่ Loga ร่วมมือกับแบรนด์ Carnival รุ่น LOGA X CARNIVAL : ALUMINUM WIRELESS MECHANICAL KEYBOARD ออกวางจำหน่ายให้กับคนที่อยากมีโต๊ะทำงานสวยๆ มีคีย์บอร์ดตอบสนองฉับไวสำหรับเล่นเกมหรือทำงานก็ทำได้เช่นกัน

LOGA X CARNIVAL : ALUMINUM WIRELESS MECHANICAL KEYBOARD

นั้นคือโลกของกลุ่ม Modder หรือกลุ่ม Custom Keyboard ที่เป็นอีกตลาดขนาดใหญ่ที่แบรนด์ควรจะทำความเข้าใจและศึกษาเอาไว้เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนกลุ่มนี้ได้มากขึ้น อย่างเช่นที่แบรนด์อย่าง Carnival ร่วมมือกับ Loga ผลิต Mechanical Keyboard รุ่นพิเศษออกมาเพื่อขยายตลาดและสร้าง Brand Awareness ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นนั่นเอง


  • 278
  •  
  •  
  •  
  •