4 เหตุผลที่ผู้บริโภคเชื่อถือ Influencer มากกว่า Display Ads

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

ThinkstockPhotos-506281723-higlight

นักการตลาดส่วนใหญ่ เกือบทุกคนจะจัดสรรงบประมาณด้านการตลาดไว้เป็นอย่างดี จากการสำรวจของ Saleforce พบว่า นักตลาดบางกลุ่มเลือกที่จะให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์ ทั้ง Facebook Twitter และ Instagram ในขณะเดียวกันก็ยังมีนักการตลาดที่เลือกลงทุนด้าน “Organic Social”

แบรนด์ส่วนใหญ่มักจะทราบอยู่แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายของพวกเขามีวิธีอย่างไร เพื่อค้นหาสินค้า และบริการใหม่ๆ ซึ่งเมื่อค้นพบแล้ว พวกเขาก็จะใช้วิจารณญาณของตัวเอง ผนวกกับความคิดเห็นจากคนที่ไว้วางใจมากที่สุด ในการซื้อสินค้าแต่ละครั้ง นับเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับแบรนด์ในการสร้างความไว้วางใจ แต่ทั้งนี้ ก็ยังมีคนอีกกลุ่มสร้างแรงกระตุ้นผู้บริโภคให้เกิดการซื้อสินค้า นั่นก็คือ Influencer หรือกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในเครือข่ายของพวกเขา อันจะนำไปสู่การซื้อสินค้าได้จริง

ซึ่งจะเป็นกุญแจสำหรับในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ของแบรนด์ต่างๆ ทว่า ในยุคที่การแข่งขันดุเดือด และรอบด้านนี้ แบรนด์จะมองข้ามกลยุทธ์การตลาดประเภทนี้ไปไม่ได้ เพราะถ้าคุณไม่สนใจ ก็จะเป็นการปิดโอกาสที่จะเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ ทันที หลักใหญ่ใจความเกี่ยวกับการทำงานของ Influencers คือ การใช้คำศิลปะทางการสื่อสาร ร่วมกับแนวคิดของการตลาดแบบปากต่อผ่าน ที่จะถ่ายทอดผ่าน Social Media ของพวกเขาเอง ยิ่งสื่อสารออกไปได้กว้างเท่าไร ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

และนี่คือ 4 เหตุผลที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไว้วางใจ Influencer

ผู้บริโภคจะรู้สึกไว้วางใจคนที่พวกเขารู้จักมากกว่า

จากการสำรวจของ Nielsen พบว่า 69% ของผู้บริโภค รู้สึกไว้ใจแบรนด์ที่มีเว็บไซต์ หรือ Facebook Page ของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคกว่า 84% บอกว่าพวกเขารู้สึกเชื่อมั่นในข้อมูล และคำแนะนำจากคนที่รู้จักมากกว่า

เมื่อทราบอย่างนี้แล้ว แบรนด์ก็มีโอกาสที่จะเลือกใช้ Influencer มากขึ้น ในแวดวงธุรกิจทุกประเภท ก็จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้มีอิทธิพล การให้พวกเป็นตัวแทนของแบรนด์ และสื่อสารไปยังผู้ติดตามจำนวนมหาศาล ย่อมมีโอกาสที่แบรนด์ของคุณจะได้รับความไว้วางใจ และนำไปสู่การซื้อสินค้าก็ได้
ผู้บริโภคจะสนใจสิ่งที่ Influencer เลือกมานำเสนอ

จากที่ผ่านมาการโฆษณาแบบดั้งเดิม อาจทำให้นักการตลาดกำหนดเป้าหมายการตลาดได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น การใช้ใบปลิว ถ้าแปะในจุดที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ก็มีความเป็นไปได้ว่า จะไม่มีใครเห็นมันเลย แต่ถ้าใช้ Print Ads เดียวกัน ที่โพสโดย Influencer เหล่าผู้ติดตาม หรือกลุ่มเป้าหมายของคุณก็จะเห็นไปด้วย ซึ่งจะได้ผลยิ่งขึ้นถ้าผู้บริโภคมีแนวโน้ม หรือมีความต้องการที่จะซื้อสินค้าอยู่แล้ว อีกมุมหนึ่งผู้บริโภคจะมองว่าสินค้าหรือบริการที่พวกเขาเลือกมานำเสนอ นั้นจะต้องดีจริง

Influencer มีแฟนๆ ของตัวเอง

แม้ Facebook จะเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีผู้ใช้งานทั่วโลกรวมกันกว่า 890 ล้านคน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสนใจโฆษณาของคุณ Influencer จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ในการช่วยคุณทำตลาด และเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เพราะพวกเขาจะสร้างสัมพันธ์ในระยะยาวกับแฟนๆ จนเกิดความไว้วางใจในระดับหนึ่ง หากถามว่าอยู่ระดับไหน คงต้องบอกว่า เป็นระดับที่สามารถชักจูงให้เกิดความสนใจ และการซื้อสินค้าได้

Influences จะกระตุ้นให้ผู้ติดตามซื้อสินค้าได้ดีกว่าแบรนด์

ไม่ว่าแบรนด์จะใช้กลยุทธ์ใดในการทำตลาด จุดประสงค์หลักก็เพื่อยอดขาย การสร้างความสัมพันธ์แบบอ้อมๆ ผ่าน Influences จะช่วยให้ผู้ซื้อเชื่อมั่นแบรนด์มากขึ้นไปอีก จากการสำรวจของ Harris Interactive พบว่า ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปี และใช้อินเตอร์เน็ต มีแนวโน้มจะซื้อสินค้า หลังจากเห็นโพส หรือสเตตัสของเพื่อนๆ ที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการนั้นๆ

แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เพื่อน หรือคนสนิทก็จะสามารถเป็น Influence ได้ ในส่วนของแบรนด์สินค้า หากคุณต้องการเพิ่มยอดขาย และในขณะเดียวกันก็ลดค่าใช้จ่ายในด้านการตลาด การเลือกใช้ Influences จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าที่คิดแน่นอน

ทั้งนี้ แบรนด์เองก็ต้องเลือกคนที่น่าเชื่อถือ และคิดว่ามีโอกาสที่จะกระตุ้นยอดขายได้จริง เพราะทุกวันนี้ Social Media ก็ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการโฆษณา นักการตลาดจึงต้องเข้าใจวิธีการตอบโต้กับลูกค้าในช่องทางออนไลน์ โดยร่วมมือกับ Influencer เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด

 

แหล่งที่มา


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •