ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สิ่งที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าธุรกิจจะไปต่อได้หรือไม่ คือความสามารถในการปรับตัว และการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะต้องบอกว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปัจจุบันค่อนข้างท้าทาย สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาทางภูมิศาสตร์การเมือง นโยบายเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็ว และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด
ใน Session The Entrepreneur’s Playbook: 5 Stages to New Wave Success จากงาน The Secret Sauce Summit 2024 ทางคุณนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและบรรณาธิการบริหารของบริษัท เดอะสแตนดาร์ด จึงได้สรุปสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องเจอ และก้าวข้ามผ่านออกเป็น ‘บันได 5 ขั้น’ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน และไม่ร่วงไปกับอุปสรรคต่างๆ โดยจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน
เริ่มปั้นธุรกิจให้ไปรอด ด้วย ‘4 What Question’
แม้จะมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจให้มั่นคงได้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ คุณนครินทร์ มองว่าการจะสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่ง ต้องเริ่มจากตัวผู้ประกอบการเอง ผ่าน 3 คำถามที่อยากให้ลองตอบตัวเองกันดู
– What?: เทรนด์หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคืออะไร?
– So what?: ผลกระทบของเทรนด์เหล่านั้นส่งผลต่อธุรกิจของเรามากแค่ไหน?
– Now what?: จะใช้โอกาสจากเทรนด์ และความเปลี่ยนแปลง พลิกมาเป็นความได้เปรียบของธุรกิจเราได้อย่างไร?
นอกจากนี้ การควบคุมอารมณ์และความคิดของตัวเอง (Feel What?) ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย เพราะการตัดสินใจอย่างมีสติ และรอบคอบสามารถนำพาธุรกิจผ่านพ้นวิกฤตไปได้อย่างแข็งแกร่ง
โดยคุณนครินทร์ได้เปรียบเทียบกับภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง Inside Out ที่หากผู้ประกอบการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โกรธ (Anger) เศร้า (Sadness) กลัว (Fear) หรือกังวล (Anxiety) ก็อาจพาธุรกิจไปสู่ทิศทางที่ผิดได้ แต่หากผู้ประกอบการใช้หลักเหตุ และผล มีสติอยู่เหนืออารมณ์ แล้ววางแผนกลยุทธ์เพื่อรับมือกับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ และโฟกัสอยู่กับปัจจัยที่ควบคุมได้ ก็สามารถพบเจอกับ สุข (Joy) ในโลกแห่งธุรกิจได้เช่นกัน
‘บันได 5 ขั้น’ สู่ความสำเร็จในยุคเศรษฐกิจใหม่
1. Startup: ค้นหา Product-Market Fit
จุดเริ่มต้นของทุกธุรกิจคือการหาว่าผลิตภัณฑ์ หรือบริการของเราตอบสนองความต้องการของตลาดได้จริงหรือไม่ การวิจัยตลาด การฟังเสียงลูกค้า และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจะช่วยป้องกันไม่ให้ธุรกิจต้องติดอยู่ในกับดักของยอดขายที่ไม่มั่นคง
2. Survival: การสร้าง และรักษาฐานลูกค้า
เมื่อมั่นใจว่าเรามี Product-Market Fit แล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการสร้างฐานลูกค้า และรักษาไว้ให้ได้ โดยการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำเรียกได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญในขั้นนี้ เพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอและกำไรที่มั่นคง
3. Growth: การขยายกิจการ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโต เราต้องคิดถึงการขยายกิจการ เช่น การเพิ่มทีมงาน การขยายกำลังการผลิต และการสร้างระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งการใช้กลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อให้ธุรกิจยังคงเติบโตท่ามกลางการแข่งขันสูง
4. Expansion: การขยายสู่ตลาดใหม่ และระดับสากล
เมื่อธุรกิจมีรากฐานที่แข็งแรง การขยายสู่ตลาดใหม่ทั้งใน และต่างประเทศจะเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญ ผู้ประกอบการต้องเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของตลาดใหม่ ปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าท้องถิ่น เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสการเติบโตที่กว้างขึ้น
5. Maturity: การรักษาความยั่งยืนและหา S-Curve ใหม่
เมื่อธุรกิจเข้าสู่ระยะที่เติบโตเต็มที่ การรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันและการมองหาโอกาสใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญ กลยุทธ์นี้หมายถึงการค้นหา S-Curve ใหม่ หรือการเปิดโอกาสใหม่เพื่อให้ธุรกิจยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
‘ปรับตัวอยู่เสมอ’ เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ ธุรกิจจึงต้องปรับตัวตามตลอด
การเปลี่ยนผ่านระหว่างแต่ละขั้นตอนนั้นเต็มไปด้วยความท้าทาย ผู้ประกอบการต้องปรับบทบาทและกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ การตั้งคำถามที่สำคัญกับตัวเองเสมอจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจสถานะปัจจุบันและวางแผนการพัฒนาที่ชัดเจน:
– ธุรกิจของคุณอยู่ในขั้นไหน?
– โจทย์ที่ต้องแก้ไขในวันนี้คืออะไร?
– ต้องทำอะไรเพื่อก้าวไปข้างหน้าในปีนี้หรืออีกสามปีข้างหน้า?
– คุณและทีมพร้อมหรือยังที่จะรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ?
การเติบโตในยุคเศรษฐกิจใหม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับการรู้จักควบคุมสิ่งที่เราทำได้ ใช้ประโยชน์จากเทรนด์ใหม่ๆ และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนผ่านการวางแผนและการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ และใช้โอกาสทุกครั้งเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง