สรุป 10 เทรนด์การตลาด ปี 2025 ที่แบรนด์ – นักการตลาดไม่ควรพลาด!

  • 15
  •  
  •  
  •  
  •  

Marketing Trends 2025

หนึ่งในไฮไลต์งาน The Secret Sauce Summit 2024 คือ Ride The 2025 Marketing Wave: ทะยานสู่อนาคตการตลาด 2025 โดยคุณอรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล กรุ๊ป ได้ฉายภาพ 10 เทรนด์การตลาดที่น่าสนใจดังนี้

1. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร และ Generations (The Major Shift of Population & Generation)

ปัจจุบันประชากรไทย 71.6 ล้านคน อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 40.1 ปี และคาดการณ์ว่าโครงสร้างประชากรสูงอายุจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

– 25% ของประชากรไทยจะเป็นกลุ่ม Silver Generation ในปี 2025

– 30% ของประชากรจะเป็น Silver Generation ในปี 2030

โดยกลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อ consumption ทั้งปีนี้ และปีต่อๆ ไป คือ กลุ่ม High and Upper Middle ซึ่งจะเป็นเดอะแบกของโครงสร้างเศรษฐกิจ ทั้งในไทยและเอเชียแปซิฟิก

Marketing Trends 2025

นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้าน Generation ใน 4 กลุ่มหลัก ได้แก่

– Gen Z: เป็นกลุ่มคนที่มี Lower Commitment ทุกมิติ ทั้งความสัมพันธ์, การทำงาน, ทรัพย์สินที่ต้องการถือครอง และมีความวิตกกังวลเรื่องต่างๆ ค่อนข้างสูง

  • มิติความสัมพันธ์ เรียกว่า “Situationship” หรือ “Casual Relationship” นิยมใช้ Text ในการเชื่อมความสัมพันธ์ และติดต่อสื่อสาร
  • มิติการทำงาน ปัจจุบัน Gen Z เริ่มเข้าสู่ตลาดงานมากขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับ Value Instant Gratification คือ คาดหวังว่าต้องได้รับสิ่งที่ตัวเขาเองควรได้รับ ทั้งเงินเดือน และ Recognition หรือการชื่นชมในด้านการทำงาน

Marketing Trends 2025

– Gen Millennials: เป็นกลุ่มคนที่ต้องการ “คุณภาพ และ “คุณค่า” สูง เมื่อเที่ยบกับ Generation อื่น เช่น ในขณะที่ Gen Z นิยมซื้อ Fast Fashion แต่ Gen Millennials สนใจ Premiumization และคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองซื้อ เพราะฉะนั้นผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงให้ความสำคัญกับสินค้ามีคุณภาพค่อนข้างมาก

เช่น เหคุผลในการซื้อ Luxury Products สำหรับผู้บริโภค Gen Millennials พบว่า

– 79% ซื้อเพราะวัสดุคุณภาพดี และเป็นงานฝีมือ

– 78% ซื้อเพราะความทนทาน

– 69% ซื้อเพราะ Value for money

นอกจากนี้ Gen Millennials ยังชื่นชอบแบรนด์ที่มีแนวคิด หลักปฏิบัติไปในทางเดียวกับค่านิยมของตัวเอง ผลวิจัยพบว่า

– 47% ของ Gen Millennials ต้องการบริษัท หรือแบรนด์มีจุดยืนต่อประเด็นทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านความยุติธรรม, ความเท่าเทียม, สิทธิ LGBTQ+ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

– 75% บอกว่าให้ความสำคัญกับ Sustainability เป็นปัจจัยในการซื้อสินค้า-บริการมาเป็นอันดับต้นๆ

– 62% บอกว่าชื่นชอบผลิตภัณฑ์/แบรนด์ที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อของแบรนด์

Marketing Trends 2025

– Gen Alpha: เป็นลูกกลุ่ม Gen Millennials เป็นกลุ่มใช้ออนไลน์มาก และถือเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อครอบครัว โดยพ่อแม่จะเชื่อสิ่งที่ลูกศึกษาจากออนไลน์ เพราะฉะนั้นเมื่อคนรุ่นนี้แนะนำอะไร พ่อแม่จะเชื่อและซื้อถาม

ดังนั้น คน Gen Alpha จึงเป็น Influencer ทั้งในครอบครัว และในระบบดิจิทัลด้วยในอนาคต เห็นได้จากกลุ่มคนรีวิวเกม และของเล่นบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็น Gen Alpha

ขณะเดียวกันด้วยความที่ผู้บริโภค Generation นี้ ยังอยู่ในช่วงวัยเด็ก และเข้าสู่วัยรุ่น ทำให้ยังไม่มีการจดจำ หรือผูกพันกับแบรนด์ใดๆ มาก่อน หลายแบรนด์จึงพัฒนากลุ่มสินค้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อดึงดูด Gen Alpha และ Gen Millennials ซึ่งเป็นพ่อแม่ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ เพื่อสร้าง Customer Lifetime Value ในระยะยาว

Marketing Trends 2025

– Silver Generation: เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในโครงสร้างประชากรไทย

ที่ผ่านมา Mindset คนกลุ่มนี้ มองว่าหลังเกษียณแล้วจะพักผ่อนอยู่บ้าน หรือหาที่พักที่สงบเงียบ แต่ Silver Gen ในทุกวันนี้ คือ Health & Longevity Enjoyment ใช้ชีวิตให้มีสุขภาพดี ยืนยาว และสนุก เพราะฉะนั้นผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงสนใจกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงามมากขึ้น และที่สำคัญคนกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ

Marketing Trends 2025

 

2. แบรนด์ดิ้งยุคศตวรรษที่ 21 ต้องเข้าใจ Culture & Equity (Branding in 21st Century Cultural & Equity”)

สิ่งที่มีผลกับแบรนด์ดิ้ง คือ Cultural & Equity ซึ่งแต่ก่อนเรียกว่า Culture 2.0 เป็น Mass Culture เช่น Mass Product, Mass Publisher, Mass Celebrity แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปสู่ยุค Culture 3.0 ที่มีความเป็น Sub-culture มากขึ้น, Fragmentation เกิด Micro Community และผู้คนมีความลื่นไหลในความเป็นตัวเอง

Culture 3.0 จะเป็น New engine ของการทำแบรนด์และการตลาดในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากในอดีตการทำแบรนด์ดิ้ง หรือกาตลาด จะเป็น Insight-driven Brand” แต่เมื่อเป็น Cultural Brand นักการตลาด หรือเจ้าของแบรนด์ต้องเป็น Culture-driven Brand นั่นคือ ต้องมองบริบทที่เปลี่ยนไป เพื่อเข้าไปมีอิทธิพล (Influence) ต่อ New Norm และพฤติกรรมผู้บริโภค

Marketing Trends 2025

ความท้าทายในการสร้างแบรนด์ แบ่งแบรนด์เป็น 3 กลุ่ม โดยแต่ละ Life stage ของทั้ง 3 กลุ่มแบรนด์นี้ ต้องวาง Brand Strategy ที่แตกต่างกัน

กลุ่ม Established / Leader Brands แบรนด์ที่อยู่ในตลาดมานาน และอาจเป็นผู้นำตลาด: ต้องการสร้างแบรนด์ให้ Modernize ขึ้น ให้ดึงดูดคนรุ่นใหม่

แบรนด์ที่อยู่ในตลาดมานาน ทำให้มีความน่าเชื่อถือ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำใน Stage นี้ คือ ทำให้แบรนด์ทันสมัยขึ้น (Modernize Brand) ผ่านการทำ “Rebrand” ที่ยังคงเก็บรักษา Identity ของตัวเองไว้ ไม่ใช่ “Debrand” ที่ถอด Identity สำคัญของตัวเองทิ้งไปหมด

กลุ่มสอง Emerging / Insurgent Brands แบรนด์หน้าใหม่ เป็นผู้ท้าชิง และเริ่มครองส่วนแบ่งในตลาด: ต้องการขยายตลาดในวงกว้างขึ้น  และทำให้แบรนด์แข็งแรงขึ้น

ปัจจุบันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบรนด์ท้าชิงหน้าใหม่กำลังแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากผู้ครองตลาดรายเดิม พบว่า

– ปี 2022 ส่วนแบ่งการตลาดมาจากแบรนด์ผู้ท้าชิงหน้าใหม่ 23% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 21%

– 58% ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาใช้แบรนด์ผู้ท้าชิงหน้าใหม่ คือ กลุ่ม Gen Z จะเลือกซื้อแบรนด์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในเวลานั้น มากกว่าแบรนด์ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม และบำรุงผิว

กลุ่มสาม New Brands แบรนด์เกิดใหม่: ต้องการผลักดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น

พบว่าผู้บริโภคแต่ละ Generation สนใจแบรนด์แตกต่างกัน คือ

– Gen Z: สนใจแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย สดใหม่ และเข้าถึงได้

– Gen Y หรือ Millennials: สนใจอินเตอร์แบรนด์​ และให้ความสำคัญกับคุณภาพดี

– Gen X: สนใจแบรนด์ที่มีชื่อเสียงยาวนาน และเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้

Marketing Trends 2025

อย่างไรก็ตามแนวโน้มกลุ่ม Emerging / Insurgent Brands และ New Brands จะเริ่มเข้ามามีบทบาทในตลาดและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น แต่ปัญหาหนึ่งที่พบสำหรับแบรนด์ 2 กลุ่มนี้ คือ ได้ยอดขายระยะสั้น ซึ่งไม่ได้ยั่งยืนสำหรับธุรกิจ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงว่า “การเติบโตของยอดขายระยะยาว ไม่ใช่แค่เรื่องของสีสันการตลาด”

การสร้างยอดขายระยาว ต้องมาจากการวาง Marketing Fundamental ที่แข็งแรง ประกอบด้วย

– Product quality

– Being priced right การวางราคาที่ใช่

– Strong value propositions ความแข็งแกร่งของคุณค่าที่นำเสนอให้กับลูกค้า สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะจะบอกว่าแบรนด์เราคือใคร และต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร

– Mental, Physical & Digital availability คือ หาซื้อง่าย อยู่ในใจลูกค้า รวมถึงหาซื้อในช่องทางดิจิทัลได้ 

Marketing Trends 2025

นอกจากแบรนด์ดิ้งยุค “Culture 3.0” แล้ว อีกสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญคือ “Brand Equity” การสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ที่ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์แบรนด์ แต่ต้องส่งผลต่อการขาย หรือยอดขาย

5 องค์ประกอบของ Brand Equity ได้แก่

– Trust ความน่าเชื่อถือของแบรนด์

– Protection ผู้บริโภคพร้อมปกป้องแบรนด์หากเกิดกรณี Crisis

– Preference ผู้บริโภคเลือกแบรนด์เรา เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น

– Expansion ขยายแพอร์ตโฟลิโอไปกลุ่มสินค้าอื่น แบรนด์ยังคงแข็งแรง และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่

– Perception การรับรู้ของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์

Marketing Trends 2025

การวัด Brand Equity สามารถใช้ “The Keller Model” ประกอบด้วย 4 ขั้นคือ

  1. Identity เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์ เมื่อเอ่ยชื่อแบรนด์แล้วผู้บริโภคนึกถึงอะไร
  2. Meaning ความหมายของแบรนด์ เป็นการวัด Performance และ Imagery
  3. Response การตอบกลับของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ทั้งด้านการตัดสินใจ และความรู้สึก
  4. Relationship ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า

Marketing Trends 2025

 

3. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยความเข้าใจ Customer Insight (Leveraging Real Marketing Value Competitive Advantage)

สร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ และความได้เปรียบทางการแข่งขันผ่านกลยุทธ์ Customer Insight Marketing โดยเริ่มจาก

– เข้าใจ Customer Insight เชิงลึกว่าอะไรเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้า ใช้แบรนด์ หรือใช้ชีวิตแบบนั้นๆ

– จากนั้นต้องทำให้ทุกๆ แผนกขององค์กร เข้าใจใน Customer Insight และนำข้อมูลไปปรับใช้ในทุกฟังก์ชัน หรือแผนกงานต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากในที่ผ่านมาแผนกที่เข้าใจ Customer Insight มักอยู่กับแผนกการตลาด

– นำ Customer Insight พัฒนาเป็นกลยุทธ์ เพื่อทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน และเอาชนะการแข่งขันได้

Marketing Trends 2025

อย่างไรก็ตามศาสตร์การเอา Customer Insight มาใช้ อย่ากระโดดไปที่ Creativity ก่อน แต่ให้เริ่มจาก “ตั้งคำถามที่ใช่” ก่อน ประกอบด้วย 5 ด้านได้แก่

  1. Investigative Questions: คำถามเชิงสืบสวน เช่น เรารู้อะไรบ้าง
  2. Speculative Questions: คำถามเชิงคาดการณ์
  3. Productive Questions: คำถามเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เช่น ถ้าเกิดสิ่งนี้ที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งนั้นๆ แบรนด์ควรทำอย่างไรต่อ
  4. Interpretive Questions: คำถามเชิงตีความ เช่น เกิดสิ่งนี้ขึ้น ต้อง action แบบใดต่อ
  5. Subjective Questions: คำถามในสิ่งที่คนไม่ได้พูดออกมา

Marketing Trends 2025

ทั้งนี้ Customer Insight มี 2 ประเภทข้อมูลคือ

– Aspirational Data: ข้อมูลที่มาจากความคิด หรือสิ่งที่อยากจะทำของผู้บริโภค แต่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง ซึ่งในการทำวิจัย หรือคุยกับกลุ่มตัวอย่าง จะเจอข้อมูลลักษณะนี้เยอะมาก

– Reality Data (Behavior Data): ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง ซื้อจริง ใช้จริงของผู้บริโภค

แบรนด์ต้องบาลานซ์ 2 ประเภทข้อมูลนี้ เพื่อทำให้ได้ Data ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจมากที่สุด

Marketing Trends 2025

 

4. จากโมเดล 4P สู่โมเดล “5P” (Success In Marketing New Principles 5P)

แบรนด์จะประสบความสำเร็จในการทำการตลาดยุคใหม่ นอกจากโมเดล 4P แล้ว ต้องให้ความสำคัญกับโมเดล “5P” ได้แก่

– Prioritization: โฟกัสใน High Impact Areas

– Privacy: การเก็บข้อมูลลูกค้าต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลของลูกค้า

– Partners: สร้างความร่วมมือ เพราะแบรนด์ยุคนี้เก่งคนเดียวไม่ได้ ต้องหาพาร์ทเนอร์ที่ใช่

– Performance สร้าง Marketing Effectiveness ที่ผสานระหว่างเป้าหมายทางธุรกิจ และ Data-driven Decision

– Proactivity รักษาความเป็นผู้นำตลาด

Marketing Trends 2025

 

5. กลยุทธ์มีเดียต้องนำแบรนด์เข้าไปอยู่ในการจดจำของผู้บริโภค (Mastering Modern Media in the Memory Attention Era)

ในยุคที่ไม่มีความแตกต่าง และทุกอย่างแทบจะเหมือนกันหมด ดังนั้นกลยุทธ์การใช้สื่อ หรือมีเดีย ควรให้ความสำคัญกับการสร้าง Memory Attention ประกอบด้วย

– Repetition: ทำให้ผู้บริโภคเห็นบ่อยๆ เพื่อสร้างการจดจำได้

– Association: เมื่อผู้บริโภคเห็นแบรนด์แล้ว ทำให้สามารถเชื่อมโยงกับข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์นั้นๆ ได้

– Novelty: สร้างสิ่งใหม่ที่ว้าวมากๆ

– Emotional Resonance: สร้างความรู้สึก สร้างอารมณ์มิติเชิงลึกให้กับผู้บริโภค

Marketing Trends 2025

ยิ่งทุกวันนี้ Customer Journey ไม่ได้เป็นเส้นตรงที่เริ่มต้นจาก awareness ต่อด้วย Consideration จนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ แต่มีความซับซ้อน และผู้บริโภคแต่ละมี Individual of purchase

เพราะฉะนั้นหน้าที่ของแบรนด์ในยุคนี้ ต้องเข้าไปอยู่ในลูปของผู้บริโภคให้ได้ที่เรียกว่า “Infinity L.O.O.P” ประกอบด้วย

– Lead Audience: ทำให้ผู้บริโภคค้นพบแบรนด์ และสนใจแบรนด์

– Orchestrate Journey conversion: จูงมือผู้บริโภคซื้อสินค้าเราให้ได้

– Optimize Purchase & Post-purchase Experience: ทำให้การซื้อง่ายสุด และบริการหลังการขายดีที่สุด

– Provide Lasting Relationship and Cultivate Community: นอกเหนือจากมี After sale service ที่ดีแล้ว การสร้าง Community หรือนำแบรนด์เข้าไปอยู่ใน Community ของผู้บริโภค จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าไปอยู่ Infinity L.O.O.P อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ประกอบกับปัจจุบันเป็นยุคแพลตฟอร์ม เพราะฉะนั้นแบรนด์ต้องเข้าใจ Culture ของแต่ละแพลตฟอร์ม เพื่อผลิตชิ้นงานให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มต่างๆ จะเอาชิ้นงานเดียวกัน ไปใช้ทุกแพลตฟอร์ม ย่อมไม่ได้ผลที่ดีนัก

ขณะเดียวกันในฝั่งครีเอเตอร์ เดิมทีพึ่งพารายได้จากแบรนด์เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ แต่ทุกวันนี้ครีเอเตอร์มีโมเดลสร้างรายได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Affiliate Marketing, Subscription, Tip & Gift นั่นหมายความว่าครีเอเตอร์มีทางเลือกด้านการสร้างรายได้มากขึ้น ไม่ได้พึ่งพาแบรนด์อย่างเดียวแล้ว

นอกจากนี้แนวโน้มหลายแบรนด์ทั่วโลก ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ “Creator-led Marketing” ซึ่งการทำงานกับครีเอเตอร์ แบรนด์ต้องปล่อยให้ครีเอเตอร์ทำงานอย่างอิสระ โดยมีวิธีการวัด Impact ของครีเอเตอร์ที่มากกว่าด้านการสร้างยอดขาย หรือรายได้ให้กับแบรนด์อย่างเดียว แต่ครีเอเตอร์ยังสามารถเสริมความแข็งแกร่งด้าน Brand Equity ได้เช่นกัน

Marketing Trends 2025

 

6. กลยุทธ์ Social Media เพื่อสร้าง High Engagement (Social Media Strategies for Success Adaptive Engagement)

ในยุคคอนเทนต์ล้นหลาม และแทบจะเหมือนกันไปหมด พบว่ามีคอนเทนต์จำนวนมากที่เป็น Lower Engagement ในขณะที่แบรนด์ต่างต้องการได้ High Engagement Content

เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้าง High Engagement Content ควรใช้หลัก Pareto Principle80/20 คือ ใส่ Effort 20% แต่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อให้กับแบรนด์ได้ถึง 80% โดยโฟกัสที่ Creativityและคอนเทนต์ที่สร้าง High Performing Content ให้กับแบรนด์ได้ จะช่วยสร้างปรากฏการณ์ Share of voice ทำให้แบรนด์ถูกพูดถึงใน Social ได้มากขึ้น

Marketing Trends 2025

สำหรับกลยุทธ์ Social Media ในปี 2025 เพื่อสร้าง Share of Voice

  1. ตั้งต้นจากการ Tailor กลยุทธ์ Multi-cultural Engagement ของแต่ละแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน
  2. หาวิธีในการสร้าง High Performing Content ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่แบรนด์สร้างขึ้นเอง หรือทำงานร่วมกับครีเอเตอร์ก็ได้
  3. ใช้ Data-driven เพื่อทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย และรู้ว่าคอนเทนต์แบบไหนที่คนให้สนใจ

Marketing Trends 2025

 

7. นำเทคโนโลยี AI และ Agentic AI ผสานการทำงาน (Embracing Next Phase Change AI & Agentic Future)

ปัจจุบันพบว่าหลายแบรนด์ทั่วโลกนำ AI มาใช้ในการทำงานส่วนต่างๆ ตอบโจทย์ทั้งด้านการลดต้นทุน, สามารถผลิตชิ้นงานจำนวนมาก โดยที่สามารถ Personalize ได้, ใช้ AI จำลองผู้บริโภค เพื่อทำรีเสิร์ชสำหรับออกสินค้าใหม่ รวมไปถึงนำ AI มาสร้าง Co-creation Platform

นอกจาก AI แล้ว ยังมีเทรนด์ Agentic AIหรือ AI Agent คือ เมื่อผู้ใช้ prompt หรือป้อนคำสั่ง Agentic AI ไม่ได้เพียงแค่ตอบคำถามตามคำสั่ง หรือโจทย์ที่ป้อนเข้าไปเท่านั้น แต่ยังได้เชื่อมโยงและคิดต่อในส่วนอื่นๆ ได้ครบลูปของกระบวนการทางการตลาด

เช่น เมื่อป้อนโจทย์เข้าไป AI สามารถจำลอง Audience มาให้ ทำ Predictive Analytics ทำกลยุทธ์ราคามาให้กับแบรนด์ และให้คำแนะนำแบรนด์ในการเปิดตัวสินค้า/บริการ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการป้อนคำสั่ง หรือโจทย์เดียว โดย AI สามารถคิดให้ทั้งหมดครบลูป ซึ่งแตกต่างจาก AI ทั่วไปที่ป้อนคำสั่ง หรือคำถามแล้ว AI ให้คำตอบเฉพาะคำสั่ง หรือคำถามที่ป้อนเข้าไปเท่านั้น

Marketing Trends 2025

 

8. สร้าง Culture of Tomorrow ส่งเสริมให้เกิดการตั้งสมมติฐาน ทดลอง (A Culture of Tomorrow Experiment + Intelligence Risk – Taking)

ด้วยการตั้งสมมติฐาน + ทดลอง เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้น

– Adaptive System Design: คิดเชิงโครงสร้าง เพื่อระบุความจริง เข้าใจต้นตอ เชื่อมโยงและคำนึงถึงบริบทที่กว้างขึ้น

– Thought Experiment: ถ้าไม่มีข้อจำกัดเหล่านี้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีวิธีการที่ได้ผลลัพธ์ดีกว่านี้ไหม

– Activate System 2: มนุษย์ถูกดีไซน์ให้ทำตามวิถีเดิมๆ เราต้องออกจากกรอบความคิดนี้ให้ได้

– Magic of Thinking Big: จินตนาการของมนุษย์ จะช่วยให้ขยายกรอบของความเป็นไปได้ให้ใหญ่ขึ้น

Marketing Trends 2025

 

9. สร้าง Effectiveness Culture ในองค์กร (Embed Effectiveness Culture Across Organization)

การสร้าง Effectiveness Culture หัวใจสำคัญคือ การใช้ Metric ที่มีประสิทธิภาพในการวัดผล แนะนำให้ใช้โมเดล “MMM” (Marketing Mix Modeling) ที่วิเคราะห์ Data ในอดีต เพื่อคาดการณ์ Impact ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับธุรกิจ

Marketing Trends 2025

 

10. Sustainability เป็นหัวใจของกลยุทธ์ธุรกิจ (Sustainability as a Core Strategy Circular & Regenerative)

ทุกวันนี้ผู้บริโภคตระหนักถึง Sustainability และต้องการใช้ชีวิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ผลวิจัยพบว่า

– 93% ของคนไทยรับรู้ถึงวิกฤตการณ์โลกต่างๆ และมีความเข้าใจในเรื่อง Sustainability

– 92% ของคนไทยเริ่มหันมามีพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเริ่มต้นง่ายๆ จากการใช้ Reusable Product หรือคัดแยกขยะที่บ้าน

Marketing Trends 2025

อย่างไรก็ตามยังพบว่าอุปสรรค หรือกำแพงในการเข้าถึงความยั่งยืนในมุมของผู้บริโภค คือ “ราคา” ที่สูงเกินไป ทำให้รู้สึกว่าเข้าถึงยาก ซึ่งปัจจุบันพบว่าบางสินค้าเพื่อความยั่งยืน บวกราคาถึง 100-200%

เพราะฉะนั้นการทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้สินค้าความยั่งยืนมากขึ้น คือ การกำหนดราคาที่อยู่ในระดับเข้าถึงได้ง่าย โดยผลสำรวจพบว่า ถ้าบวกราคาเพิ่มประมาณ 10% ผู้บริโภคยินดีจ่าย

นอกจากนี้อนาคตของ Sustainability คือ Regeneration ผสานระบบธุรกิจตลอดทั้งซัพพลายเชน เข้ากับระบบของโลก ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ ไปจนถึงผู้บริโภคซื้อสินค้านั้นๆ ไปบริโภคหรือใช้งาน แล้ววนกลับมาเข้าสู่ระบบ พร้อมไปกับการฟื้นฟูระบบและทรัพยากรต่างๆ ที่เรียกว่า Regeneration

Marketing Trends 2025

Marketing Trends 2025

The Secret Sauce Summit 2024
คุณอรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อะแด็ปเตอร์ ดิจิตอล กรุ๊ป

  • 15
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ