บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2562 ระบุว่ามีผลกำไร 1,800 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นจากการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานเกี่ยวกับค่าชดเชยสำหรับพนักงานที่เกษียณอายุในไตรมาสดังกล่าว โดยกำไรที่เติบโตขึ้นเป็นผลจากรายได้จากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นเป็น 26,200 ล้านบาท จากการเติบโตเหนืออุตสาหกรรมของรายได้จากการให้บริการของทรูมูฟ เอช 6.3% จากปีก่อนหน้า และมาตรการบริหารค่าใช้จ่ายที่ส่งผลบวกอย่างต่อเนื่อง
ดร. กิตติณัฐ ทีคะวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวว่า ไตรมาส 2 ผลการดำเนินงานของกลุ่มทรูเติบโตและสร้างผลกำไรต่อเนื่อง จากการให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและบริการช่วยเพิ่มฐานลูกค้าคุณภาพและสร้างความผูกพันธ์ของลูกค้าต่อกลุ่มทรูได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลุ่มทรูยังคงเติบโตสูงเหนืออุตสาหกรรม โดยทรูมูฟ เอช เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่มีฐานลูกค้าที่เติบโตในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ทำให้รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การมุ่งเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้าด้วยการผสานบริการไฟเบอร์บรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต 1 Gbps พร้อมคอนเทนต์และบริการด้านดิจิทัลครบวงจร รวมถึงสิทธิประโยชน์มากมายภายใต้กลุ่มทรู สร้างความแตกต่างและความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งให้แก่กลุ่มทรูได้อย่างชัดเจน โดยกลุ่มทรูจะยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศแบบครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งจะสานความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เพื่อให้กลุ่มทรูเติบโตเข้มแข็งได้อย่างต่อเนื่องทั้งด้านผลการดำเนินงานและผลประกอบการทางการเงิน
คุณศิริพจน์ คุณากรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) กล่าวว่า กลุ่มทรูมุ่งเน้นกลยุทธ์ การทำการตลาด และการบริหารพื้นที่แบบจุลภาคอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังผลักดันองค์กรสู่ดิจิทัลมากขึ้น ทำให้สามารถสร้างกำไรอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากสามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าแต่ละพื้นที่ พร้อมปรับตัวให้เข้ากับสภาวะการแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มทรูยังเดินหน้าให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยทรูมูฟ เอช มีสถานีฐานเครือข่ายจำนวนมากกว่า 76,000 สถานี รวมทั้งพื้นที่ให้บริการทรูไวไฟกว่า 1 แสนจุด และทรูออนไลน์ที่มีเครือข่ายไฟเบอร์บรอดแบนด์ครอบคลุม 15 ล้านครัวเรือน โดยกลุ่มทรูมุ่งขยายช่องทางการขายและพื้นที่ให้บริการ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรและคู่ค้าเพื่อเข้าถึงและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า ทั้งยังเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการของกลุ่มอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้กลุ่มทรูเติบโตได้สูงต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปี
ทรูมูฟ เอช ยังคงเติบโตแข็งแกร่งและผลักดันการเติบโตของทั้งอุตสาหกรรม โดยมีรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 6.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็น 19,500 ล้านบาท ภายในไตรมาส 2 ปี 2562 ส่วนใหญ่จากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าระบบรายเดือนและรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า มากกว่า 3% โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากจุดแข็งด้านเครือข่ายคุณภาพสูง แคมเปญทางการตลาดที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด การผสานความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจและคู่ค้าเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเปิดตัว “CMLink TrueMove H ซิม 4G ไร้พรมแดน ไทย-จีน” ผ่านความร่วมมือกับไชน่าโมบายล์อินเตอร์เนชั่นแนล (ซีเอ็มไอ) ได้รับผลตอบรับที่ดี ขณะที่การเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้บริการโทรศัพท์ข้ามแดนระหว่างประเทศจากลูกค้าของพาร์ทเนอร์ (inbound traffic) ส่งผลให้รายได้จากบริการโทรศัพท์ข้ามแดนระหว่างประเทศของทรูมูฟ เอช เติบโตในอัตราเลขสองหลักจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาส 2 ปี 2562 ทรูมูฟ เอช มีผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิประมาณ 229,200 ราย และขยายฐานลูกค้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 29.8 ล้านราย ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดฐานลูกค้าของทรูมูฟ เอช เติบโต 32.4%
ทรูออนไลน์ คงความเป็นผู้นำบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตและเพิ่มฐานลูกค้าคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการมุ่งเน้นคุณภาพ รวมถึงการเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ โดยในไตรมาส 2 ปี 2562 ทรูออนไลน์ มีลูกค้าบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตรายใหม่สุทธิ 64,000 ราย จึงสามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มเป็น 3.6 ล้านราย และผลักดันรายได้ให้เติบโตจากไตรมาสก่อนเป็น 6,300 ล้านบาท จากผลตอบรับที่ดีต่อแพ็กเกจไฟเบอร์ 1Gbps และแคมเปญร่วมกับกล่อง TrueID TV ส่งผลบวกต่อเนื่องและผลักดันฐานลูกค้าพรีเมียมของทรูออนไลน์ให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การเดินหน้าอัพเกรดเทคโนโลยีผ่านโครงข่ายไฟเบอร์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศและการปรับเพิ่มความเร็วให้ลูกค้าปัจจุบันยังได้เพิ่มความผูกพันและรักษาฐานลูกค้าให้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดตัวเทคโนโลยี Gigatex Fiber Router ที่ให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตมากขึ้น พร้อมกลยุทธ์ที่เน้นผสานคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟภายใต้กลุ่มทรู เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัลและเพิ่มประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตให้ดียิ่งขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มรายได้และ ARPU ให้กลุ่มทรูต่อไป
ทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการเติบโต 3.7% จากไตรมาสก่อนเป็น 3,000 ล้านบาท จากธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์โดยเฉพาะการจัดคอนเสิร์ตเกาหลีในระหว่างไตรมาส ทั้งนี้ ทรูวิชั่นส์มุ่งพัฒนาและนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความชอบของลูกค้าได้ตรงจุด ทั้งยังร่วมมือและผสานประโยชน์จากหลากหลายแพลตฟอร์มของกลุ่มทรู โดยเฉพาะกล่อง TrueID TV สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าและขยายฐานผู้ชมคอนเทนต์เพิ่มเติมจากฐานลูกค้ากว่า 4 ล้านรายของทรูวิชั่นส์ ยิ่งกว่านั้นทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ยังได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 3 ฤดูกาล 2019/20 – 2021/22 ทั้งการถ่ายทอดสด รีรัน และไฮไลท์ ครบทั้ง 380 แมตช์ ผ่านทุกแพลตฟอร์มทั้งทีวี ออนไลน์ และดิจิทัล นับเป็นการสร้างโอกาสการเติบโตของรายได้จากคอนเทนต์ ทั้งแพ็กเกจของทรูวิชั่นส์และการ Sublicense บางแมตซ์ให้ผู้บริการฟรีทีวีรายอื่น รวมถึงรายได้จากการโฆษณาในทุกช่องทางทั้งโทรทัศน์ มีเดีย และดิจิทัล
ส่วน ทรูดิจิทัลกรุ๊ป มุ่งพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรม แพลตฟอร์มและโซลูชันแบบครบวงจรเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตจากบริการต่าง ๆ เช่น บริการด้านดิจิทัล บริการวิเคราะห์ข้อมูล บริการ IoT และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วไปและกลุ่มองค์กร อาทิ ทรูไอดี ผู้นำแพลตฟอร์มในหมวดบันเทิง ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการต่อเดือนมากกว่า 19 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2562, ทรูไอดี ทีวี ที่ให้ลูกค้าสามารถชมคอนเทนต์และสิทธิประโยชน์จากหน้าจอโทรทัศน์ จากพรีเมียมคอนเทนต์ การโฆษณาผ่านช่องทางดิจิทัล และการทำการตลาดแบบ Affiliate marketing ทั้งยังช่วยเสริมความผูกพันของลูกค้าที่ใช้บริการอื่น ๆ ภายใต้กลุ่มทรูได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนบริการดิจิทัลสำหรับลูกค้าองค์กร ได้แก่ แพลตฟอร์ม Analytics สามารถสร้างแคมเปญการตลาดดิจิทัลเฉพาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเพื่อเข้าถึงแต่ละกลุ่มลูกค้าได้ตรงจุด ขณะที่ บริการด้าน IoT ของทรูดิจิทัลกรุ๊ป ก็เดินหน้าพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่นส์ให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ การเกษตร ค้าปลีก สุขภาพ ขนส่งและโลจิสติกส์ ล่าสุดได้มีอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อและใช้บริการมากกว่า 193,000 อุปกรณ์ ซึ่งเติบโตราว 14% จากไตรมาสก่อนหน้า