[ข่าวประชาสัมพันธ์]
บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารบริการด่วนภายใต้แบรนด์แมคโดนัลด์ในประเทศไทย เผยยุทธศาสตร์บุกสมรภูมิ QSR เดือดปี 2564 เปิดศึกชิงส่วนแบ่งตลาดไก่ทอด ดึงแมคไก่กรอบ สูตรดั้งเดิมกลับมาตามคำเรียกร้อง หวังครองใจลูกค้าชาวไทย เดินหน้ากลยุทธ์ 3D ต่อเนื่อง ดันยอดขายผ่านบริการจัดส่งอาหาร (Delivery) ไดร์ฟ ทรู (Drive Thru) และดิจิทัล (Digital) พัฒนาเมนูใหม่ที่คุ้มค่าสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค พร้อมคุมเข้มยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 หลังการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เพื่อความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมคไทย จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดร้านอาหารบริการด่วน (Quick Service Restaurant) มีมูลค่ากว่า 4.5 หมื่นล้านบาท โดยตลาดไก่ทอดมีสัดส่วน ประมาณ 50% ในขณะที่เบอร์เกอร์ มีสัดส่วน 25% แม้เราจะเป็นผู้นำในตลาดเบอร์เกอร์ แต่เราต้องการเสริมจุดแข็งเรื่องความหลากหลายของเมนู และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่นิยมบริโภคไก่ทอด นอกจากนี้ยังมีกระแสเรียกร้องให้นำ ‘แมคไก่กรอบ สูตรดั้งเดิม’ กลับมาจำหน่าย เราจึงศึกษาพัฒนารสชาติให้ถูกปากคนไทย สามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งครอบครัว โดยยังคงเมนู แมคไก่กรอบ สูตรสไปซี่ ไว้ตามเดิม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบรสจัดจ้าน สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่มมากยิ่งขึ้น โดยจุดเด่นของ แมคไก่กรอบ ทั้งสองสูตร เน้นความกรอบนอก ชิ้นใหญ่ คุ้มค่า และเนื้อนุ่มข้างใน”
“เราให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงผู้บริโภค และการปรับตัวเข้าหาลูกค้า การนำ ‘แมคไก่กรอบ สูตรดั้งเดิม’ กลับมาในครั้งนี้ เราได้เน้นย้ำ เรื่องการสอนพนักงานปรับปรุงวิธีการทำ รวมทั้งจัดประกวดทั่วประเทศ เพื่อยกระดับความสามารถของพนักงาน ดังนั้นจึงไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ใช้ผลักดันยอดขาย แต่ยังเป็นการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคอีกด้วย ผนวกกับการเดินหน้ากลยุทธ์ 3D ต่อยอดจากปีที่ผ่านมา เพื่อต่อเติมจุดแข็งของเรา จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถขับเคลื่อนธุรกิจ ฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปได้” นายธันยเชษฐ์ กล่าวเสริม
‘แมคไก่กรอบ’ การันตีความใหญ่ กรอบนอก นุ่มใน ผลิตจากเนื้อไก่สดคุณภาพ ปลอดสารเร่งโต ส่งตรงจากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน พิถีพิถันหมักเข้าเนื้อด้วยเครื่องเทศสูตรพิเศษ ทอด ร้อน สด ใหม่ จนได้ไก่ทอดสีเหลือง ทอง กรอบ ไม่อมน้ำมัน อร่อยได้ทั้ง 2 รสชาติ กับ ‘แมคไก่กรอบ สูตรดั้งเดิม’ รสกลมกล่อม และ ‘แมคไก่กรอบ สูตรสไปซี่’ รสจัดจ้าน เพียงชิ้นละ 39 บาท หรือชุดไก่กรอบสุดคุ้ม ราคาเริ่มต้น 79 บาท หรือเต็มอิ่มทั้งครอบครัวกับชุดไก่กรอบคุ้มเต็มแมค เพียง 299 บาท (ปกติ 469 บาท) และอีกหลากหลายเซ็ตโดนใจ เริ่ม 6 มกราคม 2564 เป็นต้นไป จำหน่ายตั้งแต่เวลา 11.00 – 05.00 น. ที่ร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขาที่ร่วมรายการ ทั้งรับประทานที่ร้าน (Dine in) ซื้อกลับบ้าน (Take away) และไดร์ฟ ทรู (Drive Thru) สำหรับบริการจัดส่งถึงบ้าน แมคดิลิเวอรี (McDelivery) อิ่มอร่อยสุดคุ้มกับส่วนลดสูงสุดถึง 45% พร้อมส่งความสดใสกับ แพคเกจจิ้งกล่องแมคไก่กรอบดีไซน์ใหม่สุดชิค เมื่อสั่งชุดไก่ยกก๊วน 1 เพียง 319 บาท (จากปกติ 463 บาท) หรือชุดไก่ยกก๊วน 2 เพียง 419 บาท (จากปกติ 632 บาท) พิเศษ! เมื่ออิ่มอร่อยครบ 250 บาท รับส่วนลด 100 บาท สำหรับใช้บริการแมคดิลิเวอรีในครั้งถัดไป ตั้งแต่วันที่ 6 – 12 มกราคม 2564 เต็มอิ่มกับแมคไก่กรอบ ชิ้นใหญ่ ส่งตรงถึงบ้านอย่างปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่า Work from Home อยู่กับบ้าน หรือทำงานที่ไหน ก็อร่อยได้ทุกที่โทร.1711 ออนไลน์คลิก www.mcdonalds.co.th
แมคโดนัลด์ยกระดับคุมเข้มมาตรการเพื่อรับมือ และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยดำเนินมาตรการการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลและสังคม โดยกำหนดจุดต่อคิวบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ และเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ กำหนดจำนวนผู้เข้าใช้บริการภายในร้าน และจัดระเบียบที่นั่งภายในร้านให้มีระยะห่างในการนั่งรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม โดยแนะนำให้ลูกค้าใช้บริการซื้อกลับบ้าน (Take away) เพื่อลดความหนาแน่นของพื้นที่ และการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างบุคคล พร้อมให้บริการรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด ผ่านบัตรเครดิต เดบิต บัตรแรบบิท และ e-Wallet ต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินหรือธนบัตร เตรียมความพร้อมในการให้บริการไดรฟ์ ทรู (Drive Thru) ให้ลูกค้าได้อิ่มอร่อย อย่างปลอดภัย ไม่ต้องลงจากรถ รวมทั้งการจัดส่งอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ไร้สัมผัส ผ่านบริการแมคดิลิเวอรี (McDelivery) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ
“แมคโดนัลด์ดำเนินมาตรการเชิงรุกทุกวิถีทางอย่างเข้มข้น เพราะเราห่วงใยความปลอดภัยของทั้งพนักงาน และลูกค้าที่ใช้บริการแมคโดนัลด์ เพราะความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับทุกๆ คน เพื่อให้เราสามารถก้าวพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปด้วยกัน” นายธันยเชษฐ์ กล่าวสรุป
[ข่าวประชาสัมพันธ์]