ทำเลสำคัญที่สุด? คนไทยมองแหล่งที่ตั้งก่อนเลือกคอนโด ฮิตซื้อเขตเมืองเก็งกำไร

  • 83
  •  
  •  
  •  
  •  

แม้จะมีบ้านใช้ชีวิตอบอุ่นร่วมกับครอบครัวอยู่แล้ว แต่ด้วยไลฟ์สไตล์การเรียน การทำงานในเมือง ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางนานๆ และฝ่าฟันกับปัญหาการจราจรทุกวัน กลายเป็นปัจจัยสนับสนุนให้วัยรุ่นรวมถึงครอบครัวยุคใหม่นิยมเลือกคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยมากขึ้น

ปัญหาดังกล่าวสอดคล้องกับสถิติที่เว็บไซต์ DDproperty (ดีดีพร็อพเพอร์ตี้) ได้เปิดเผยความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 จากกลุ่มตัวอย่าง 500 ในกรุงเทพฯ และ 3,300 คนจากภาคต่างๆ ซึ่งพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตอันใกล้จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ยังคาดหวังว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า มูลค่าอสังหาฯ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มตัวอย่างกว่า 49% เชื่อว่ามูลค่าอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นอีก 10% ภายใน 5 ปีจากนี้ ขณะที่ 14% คาดว่าราคาอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 60% ยังคงแสดงความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาอสังหาริมทรัพย์เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้…กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ในเครือพร็อพเพอร์ตี้กูรู กรุ๊ป ให้ความเห็นว่า ผลสำรวจแสดงถึงมุมมองที่หลากหลายของผู้บริโภคต่อตลาดที่อยู่อาศัย ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่รู้สึกว่าตนเองได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว และค่อนข้างกังวลกับราคาอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ที่แพงเกินไป แต่ยังเห็นสัญญาณบวกเนื่องจากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากยังเชื่อว่าตลาดอสังหาฯ ของกรุงเทพฯ สามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ว่าความเป็นเมืองได้ขยายตัวสู่พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ มากขึ้น แต่ปัจจุบัน กรุงเทพฯ ก็ยังเป็นหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดสำหรับการซื้ออสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม

SentimentSurvey_H1_Final_Hi-res -TH_310717

สรุปได้ว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องทำเลที่ตั้งเป็นหลัก โดยผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 94% ระบุว่า “ทำเลที่ตั้งเป็นปัจจัยสำคัญลำดับแรกๆ ที่ใช้ประกอบการพิจารณาซื้ออสังหาฯ” นอกจากนี้ก็ยังต้องพิจารณาถึงโครงการระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก และราคา เป็นปัจจัยอื่นๆ ตามมา

อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความต้องการให้รัฐบาลทำงานเชิงรุกเพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโต โดย 60% คาดหวังว่าจะได้เห็นมาตรการความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อสนับสนุนให้พวกเขามีบ้านเป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น อาทิ โครงการบ้านหลังแรก การยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนที่อยู่อาศัยและค่าจดจำนอง รวมถึงการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น เป็นต้น โดยผู้บริโภคราว 43% ยังวางแผนซื้ออสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลภายในช่วง 6 เดือนนี้โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมทั้งโครงการใหม่และโครงการรีเซล

ขณะเดียวกัน ระดับความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ นั้นลดลงจาก 68% ในปี 2558 อยู่ที่ 62% ในปี 2559 และเหลือเพียง 57% เมื่อช่วงต้นปี 2560.

 


  • 83
  •  
  •  
  •  
  •  
Ms.นกยูง
เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน เราก็ไม่ควรหยุดเรียนรู้... ชวนคุณมาทำความรู้จักหลากหลายเรื่องราว ทั้งสาระและสีสันบนโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน