[ข่าวประชาสัมพันธ์]
ในงานประชุม Huawei Global Analyst Summit (HAS) ครั้งที่ 15 ที่ผ่านมา มร. เดวิด หวัง คณะกรรมการบริหาร และประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของหัวเว่ย ได้เผยปรัชญาใหม่ด้านนวัตกรรม 3 ด้านคือ นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์, นวัตกรรมสถาปัตยกรรมระบบ และนวัตกรรมรูปแบบธุรกิจ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างถนนอัจฉริยะ ที่เชื่อมโยงทุกการสื่อสารบนระบบคลาวด์ และก้าวไปสู่โลกอัจฉริยะ
มร. เดวิด หวัง คณะกรรมการบริหาร และประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของหัวเว่ย กล่าวปาฐกถาในงานประชุม Huawei Analyst Summit 2018 ปีนี้ หัวเว่ยได้เผยวิสัยทัศน์ใหม่ขององค์กร นั่นคือ นำดิจิทัลสู่ทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อสร้างโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงสื่อสารเต็มรูปแบบ โดยในโลกอัจฉริยะใบนี้ ทุกสรรพสิ่งจะสามารถสื่อสาร เชื่อมโยงถึงกัน และมีความชาญฉลาด บนเส้นทางที่ทุกสิ่งมีความอัจฉริยะ สามารถเชื่อมโยงถึงกัน และอยู่บนคลาวด์นี้ ต้องอาศัยเทคโนโลยีไอซีทีใหม่ๆ หลายอย่าง รวมไปถึงระบบนิเวศของการแบ่งปันความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกัน ถนนมุ่งสู่โลกอัจฉริยะนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแค่ในนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ แต่ยังรวมถึงนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมระบบและรูปแบบธุรกิจอีกด้วย
ก้าวข้ามการสื่อสารยุคนี้ด้วย 5G และอัลตร้าบรอดแบนด์
ธุรกิจของหัวเว่ยเกิดมาจากการเชื่อมโยงสื่อสาร ในอนาคตข้างหน้า 5G และอัลตร้าบรอดแบนด์จะเป็นเทคโนโลยีหลักในการสร้างโลกอัจฉริยะที่มีการเชื่อมโยงสื่อสารเต็มรูปแบบ 5G จะไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่จะเป็นเทคโนโลยีสำหรับผู้ใช้องค์กรด้วย เทคโนโลยี 5G จะไม่ได้มีไว้สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น แต่จะเป็นเทคโนโลยีหลักของโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรม การใช้งานเทคโนโลยี NB-IoT เชิงพาณิชย์สเกลใหญ่กำลังวางรากฐานของการใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์ในช่วงแรก ในประเทศจีนเริ่มมีการใช้งานเทคโนโลยี NB-IoT อย่างจริงจังจนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ส่วนประเทศอื่นๆ ก็กำลังเริ่มมีการใช้งานเทคโนโลยี NB-IoT นี้เช่นกัน
ในขณะที่บริการคลาวด์ วิดีโอ อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ และอื่นๆ เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น ปริมาณดาต้าจึงพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก อัลตร้าบรอดแบนด์จึงทำประโยชน์ได้มากขึ้น และหัวเว่ยเองก็จะเป็นผู้จัดหารายแรก ๆ ที่จะเปิดตัวเราท์เตอร์ 400G บริษัทกำลังพัฒนาชิพเซ็ตและอัลกอริธึมของตัวเองเพื่อเปิดตัวอัลตร้าบรอดแบนด์เน็ตเวิร์ค 400G ครบวงจรตัวแรก ที่มีความจุปริมาณมหาศาล รับ-ส่งข้อมูลได้ไกลมาก และมีความหน่วงในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งจะช่วยรองรับการพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคมจาก 100G ไปสู่ 400G
หัวเว่ยคลาวด์ เปรียบเสมือน “ผืนดินอันสมบูรณ์” ที่บ่มเพาะโซลูชั่นไอซีทีใหม่ๆ ที่ผนวกไว้ทั้งดีไวซ์ เน็ตเวิร์ค และคลาวด์ เพื่อนำทุกสิ่งบนคลาวด์ให้ก้าวสู่อีกระดับ
หัวเว่ยได้ประกาศกลยุทธ์ All Cloud ไปเมื่อปี 2016 และเข้าสู่ตลาดพับลิคคลาวด์ในปี 2017 โดยตั้งเป้าพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคมให้เป็นคลาวด์ และส่งมอบประสบการณ์การใช้งานแบบ Real-time, On-demand, All Online, DIY และ Social หรือ ROADS ที่จะช่วยให้องค์กรหรือบริษัทต่างๆ ใช้เทคโนโลยี เช่น คลาวด์ คอมพิวติ้ง, SDN และบิ๊กดาต้า ในการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เป็นดิจทัล เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีความเป็นอัจฉริยะ
คอนเซ็ปท์ All Cloud ของหัวเว่ยหมายถึงการใช้ประสิทธิภาพของคลาวด์ เพื่อส่งมอบโซลูชั่นที่ผสานทั้งดีไวซ์ เน็ตเวิร์คและคลาวด์เข้าด้วยกัน ให้สามารถตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ด้วยโซลูชั่นหัวเว่ยคลาวด์ที่เป็นทั้งแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐาน หัวเว่ยได้เปิดประสบการณ์ด้านดิจิทัลและขับเคลื่อนศักยภาพด้านไอซีทีแก่ลูกค้ามาเป็นเวลา 30 ปี บริษัทยังมีทั้งไพรเวท ไลน์, แคมปัสดิจิทัล, การสื่อสารระดับองค์กร และโซลูชั่น IoT ในรูปของบริการคลาวด์อีกด้วย ที่จะช่วยให้กระบวนการติดตั้งใช้งานเครือข่ายและนำเสนอบริการต่างๆ ทำได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงช่วยลดต้นทุนการบริการลูกค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งที่แตกต่างของหัวเว่ย คลาวด์
นอกจากนี้ บริษัทได้ช่วย Groupe PSA สร้างแพลตฟอร์มรถอัจฉริยะขึ้นมารองรับบริการด้านยนตรกรรมโมบิลิตี้ระดับโลก รวมถึงการเช่ารถ, การบริหารรถในสังกัด และการแชร์รถยนต์ส่วนบุคคล โดยใช้คลาวด์ของหัวเว่ยหรือของพันธมิตรของหัวเว่ย บริษัทไม่เพียง“วางโครงสร้าง” แต่ยังส่งมอบโซลูชั่นแบบครบวงจร ที่ผนวกรวมไว้ทั้งดีไวซ์ เน็ตเวิร์ค และคลาวด์ รวมถึงชิพ เน็ตเวิร์คและบริการเฉพาะต่าง ๆ ด้วย
โซลูชั่น Safe City เช่น กล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัย ได้มีการติดตั้งใช้งานในเมืองหลายแห่ง แต่บ่อยครั้งที่ข้อมูลวิดีโอมักจะไม่ได้เก็บรวบรวมไว้ หรือไม่มีการแชร์กันระหว่างเมืองหรือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ โซลูชั่น Safe City ของหัวเว่ยมีทั้งกล้องที่ควบคุมด้วยซอฟท์แวร์และเน็ตเวิร์คอัลตร้าบรอดแบนด์ส่วนตัว ทำงานประสานกับระบบคลาวด์แยกและแพลตฟอร์มคลาวด์กลาง ซึ่งหมายถึงว่ามันจะสามารถรวบรวมวิดีโอที่ส่งเข้ามาไว้ในคลาวด์เดียวเพื่อเป็นพูลดาต้ากลาง คุณสมบัติเพิ่มเติมของโซลูชั่นนี้มีความสำคัญมากเพราะมันช่วยให้เราคาดการณ์ความปลอดภัยได้
สถาปัตยกรรม AI แบบ Full Stack: อัจฉริยะทุกแพลตฟอร์มทั้งดีไวซ์ เน็ตเวิร์ค และคลาวด์
หัวเว่ยปรับใช้เทคโนโลยี AI ในดีไวซ์, เน็ตเวิร์คและคลาวด์ เพื่อพัฒนาโซลูชั่นทุกระดับชั้นให้เก่งกาจขึ้น สถาปัตยกรรม AI แบบ Full-stack นี้จะรวมถึงชิป, อัลกอริธึม, ผลิตภัณฑ์, เน็ตเวิร์ค, บริการคลาวด์ และ O&M หัวเว่ยได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นบนสถาปัตยกรรมนี้ รวมถึงกล้องที่ควบคุมด้วยซอฟท์แวร์, AI แบบSoftCOM และ Cloud EI ของหัวเว่ย
ทางด้านของเน็ตเวิร์ค หัวเว่ยใช้ SoftCOM AI ในการอัพเดทผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของหัวเว่ย โดย SoftCOM AI จะทำให้การใช้งานและจัดสรรบริการสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ เน็ตเวิร์คสามารถเพิ่มขยายประสิทธิภาพและซ่อมตัวเองได้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือเน็ตเวิร์คมีความเป็นอัตโนมัติ สามารถพัฒนาตัวเองได้ ซึ่งจะช่วยผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมประสบความสำเร็จได้อย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านการใช้ทรัพยากร ประสิทธิภาพของ O&M และประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
ในส่วนของดีไวซ์ หัวเว่ยได้นำ AI มาใช้ อย่างเช่นใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ ซึ่งพบว่าช่วยให้การประมวลผลภาพในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 25 เท่า และมีความถูกต้องในการแปลงข้อมูลสูงกว่า 85% แม้แต่ในที่แสงน้อย ด้วย Kirin 970 ชิพเซ็ตโทรศัพท์มือถือที่มีหน่วยประมวลผลพิเศษ โทรศัพท์มือถือจึงรู้จักผู้ใช้ดีขึ้น ด้วยศักยภาพที่สามารถดู ฟัง และจับความรู้สึกได้ดีขึ้น ซึ่งได้ช่วยพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก เช่น การถ่ายรูป และการสั่งงานด้วยเสียง เป็นต้น
ในโลกอัจฉริยะแห่งอนาคต การพลิกโฉมและการเปลี่ยนแปลงจะกลายเป็นสิ่งปกติ โอกาสจะมีอยู่ทุกที่ แต่ก็จะมีความไม่แน่นอนมากมายในอุตสาหกรรม ธุรกิจและเทคโนโลยี และเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนเหล่านี้ หัวเว่ยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆ ให้มากเท่าที่จะมากได้เพื่อนำอุตสาหกรรมให้เกิดการพัฒนา
All Connected, All Cloud และ All Intelligent เป็นถนนเพียงสายเดียวที่มุ่งไปสู่โลกอัจฉริยะ การสร้างโลกอัจฉริยะให้เกิดขึ้นได้นั้น หัวเว่ยจึงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ สถาปัตยกรรมระบบ และรูปแบบธุรกิจ ปรับโฉมผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นด้วยคลาวด์ + AI และหล่อเลี้ยงโซลูชั่นไอซีทีใหม่บนคลาวด์ของหัวเว่ย บริษัทจะทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่ทุกคน ทุกครอบครัวและทุกองค์กรต้องเผชิญในระหว่างการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล รวมถึงช่วยลูกค้าแก้ปัญหาและนำพาไปสู่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจ
[ข่าวประชาสัมพันธ์]