GC องค์กรที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ ได้แสดงศักยภาพในการขับเคลื่อนธรุกิจ ผ่านโครงการ GC Shark Tank ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

  • 155
  •  
  •  
  •  
  •  

[ข่าวประชาสัมพันธ์]

เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า..การบริหารจัดการคนคือความท้าทายรูปแบบหนึ่งขององค์กรขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ขนาดขององค์กรอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เกิด Gap of Generation คนยุครุ่น Baby Boomer และ Gen X อาจมองหาความมั่นคงในการทำงาน ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับเด็กยุคใหม่ Gen Y, Gen Z ถือเป็นขั้วตรงข้าม เพราะพวกเขาชอบความท้าทาย ชอบการทำงานภายใต้สิ่งเร้า แรงกระตุ้นต่างๆ และที่สำคัญพวกเขาชอบที่จะได้รับการยอมรับ และทำให้คนอื่นเห็นความสำคัญในศักยภาพของตนเอง จะทำอย่างไรให้องค์กรขนาดใหญ่นี้ สามารถที่จะบริหารจัดการคนได้ตรงตามความคาดหวัง รวมถึงการ maintain พนักงานเลือดใหม่เหล่านี้ให้อยู่ในองค์กรต่อไปในระยะยาวได้

อีกทั้ง ปัจจัยผลกระทบจาก Digital Disruption ที่เรียกได้ทุกอุตสาหกรรมในตลาดกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ การดำเนินธุรกิจและการตอบสนองความต้องการของลูกค้ามีความผันผวน และท้าทายมากขึ้น ไม่ใช่แค่การดำเนินธุรกิจ แต่ตลาดแรงงานก็มีผลกระทบเช่นกัน เด็กจบใหม่มีโอกาสในการค้นคว้าหาข้อมูล รวมถึงช่องทางในการเลือกทางเดินของตัวเอง กับการก้าวสู่การเป็น Entrepreneur มากขึ้น ในยุคที่ตลาดแรงงานขาดบุคคลากรเลือดใหม่ เราจะทำอย่างไรให้สามารถสร้างรูปแบบการทำงานที่ดึงดูดใจให้พวกเขาเหล่านี้ อยากเข้ามาทำงานกับองค์กรขนาดใหญ่ได้

PTT Global Chemical หรือ GC ผู้นำธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงภายใต้ยุค Digital Disruption จึงมีการจัดตั้งทีม “Digital Transformation” โดยมีแนวคิดในการสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบ Triple Transformation นั่นคือ Business, Technology และ Organization Transformation เพื่อผลักดันการปรับปรุงกระบวนการการทำงานให้ตอบรับกับยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น โดยการทำงานของทีม Digital Transformation นี้ จะเน้นที่ “ความเร็ว” เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาในการทำงาน รวมถึงค้นหาเทคโนโลยีขั้นสูงในตลาด ที่จะเข้ามาปรับใช้เพื่อให้ GC สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที ทีม Digital Transformation นี้ ทำงานกันภายใต้รูปแบบ Agile Model คือ “ต้องไม่กลัวที่จะเฟล” หากเฟล ก็เรียนรู้และเริ่มใหม่ เทสต์ไอเดียจากโปรเจคเล็กๆ ทดลองกันอย่างรวดเร็ว เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าไอเดียเหล่านั้นเวิร์คหรือไม่ ถ้าเวิร์คก็ค่อยขยายต่อยอดออกไปให้ทั้งองค์กรได้ใช้งานจริง

ด้วยคนเพียงหยิบมือ แต่จะทำอย่างไรให้ทั้งองค์กรเข้าใจการทำ Digital Transforamation

เพื่อให้พนักงานเข้าใจรูปแบบการทำงานแบบ Digital Transformation GC จึงมีการผลักดันโครงการ GC Shark Tank อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ผ่านรูปแบบการทำงานแบบ Hackathon Model แต่ความแตกต่างคือ เพื่อให้พนักงานได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ รวมถึงอัพสกิลของตัวเอง การเดินทางในเวที GC Shark Tank นี้ ใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 5 เดือนเต็ม ในตอนเริ่มต้น ไอเดียกว่า 200 ไอเดียหลั่งไหลเข้ามาจากหลายสายงาน องค์กรได้มีการคัดเลือกให้เหลือ 30 ไอเดีย โดยครอบคลุมทั้งฝั่ง Production และ Corporate หลังจากนั้น ทั้ง 30 ทีมกว่า 120 ชีวิต ทั้งจากสายงานเดียวกัน หรือ Cross Functional หลังจากนั้นทุกทีม จะมีโอกาสได้เข้าเรียนผ่าน workshop ต่างๆ เพื่อให้สามาถเข้าใจถึงปัญหา รวมถึงสามารถหา solution เบื้องต้น ซึ่งในเวทีนี้ พนักงานที่เข้าร่วมทุกคนได้เปิดประสบการณ์การทำงานด้วยกันแบบ non-stop 48 ชั่วโมงแล้วนั้น สิ่งที่ได้มากกว่านั้น คือการพบกับ Internal & External Mentor จากหลากหลายสายงาน ไม่ว่าจะเป็น Strategy, Financial, Business Investor, Production, Data Scientist, Developer, Digital & Business Transformation และ UX/UI Designer กว่ายี่สิบชีวิต เพื่อช่วยกันกลั่นไอเดียเหล่านี้ ให้กลายเป็น Prototype ที่สามารถนำไป Pitch ต่อหน้าคณะกรรมการรอบตัดสิน เพื่อขอเงิน Funding สำหรับทำโปรเจคให้เกิดขึ้นจริง

 

“ไม่ใช่แค่ว่า เรา adopt เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาแล้ว เราจะเรียกตัวเองว่า เราทำ Digital Transformation ได้เลย เพราะ สิ่งที่สำคัญไปกว่าการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้คือการที่จะ Transform “คน” ให้มีความพร้อมในการเดินไปกับองค์กร ทั้งในเรื่องของ mindset ศักยภาพ และทักษะต่างๆ ยิ่งใน GC เราเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีพนักงานหลากหลายช่วงอายุ สิ่งที่ท้าทายคือ ทำให้อย่างไรให้คนรุ่นเก่า เข้าใจ ยอมรับถึงกระบวนการการทำงานรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการปิด gap of generation เพื่อให้เค้าพร้อมที่จะทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่มีเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับเด็กรุ่นใหม่ เราก็ต้องคอยพัฒนา เพิ่มทักษะ ศักยภาพ เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงพลังของตัวเอง รับฟังความคิดเห็นพวกเขา รวมถึงการ maintain ให้เด็กเหล่านี้ สามารถทำงานอยู่ในองค์กรของเราต่อไปได้ นั่นคือความท้าทายนในอีกรูปแบบหนึ่ง”

วริทธิ์ นามวงษ์ / ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปฏิบัติการเพื่อความเป็นเลิศ

 

“ปีนี้เป็นปีแรกที่สมัครเข้า Shark Tank โดยปกติเราแต่ละคนก็จะทำงานในสายงาน corporate กัน ที่ผ่านมา เราอาจจะเคยคิดว่าเราเป็นส่วน support เรื่องการทำ data, AI มาใช้ในงานจะดูค่อนข้างไกลตัว แต่ที่ตัดสินใจเข้าโครงการเพราะว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างประโยชน์ให้องค์กร เพราะเราอยู่หน้างานเราเห็นว่าเรามีข้อมูลหน้างานอยู่ที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับองค์กรได้จริงๆ ผ่านมา 5 เดือนเรา เราได้เป็น 10 ทีมที่เข้ามาถึง hackathon ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจมากๆ ขอบคุณผู้บริหารที่เปิดโอกาส และให้การสนับสนุนทั้งองค์กรทุกหน่วยงานให้สามารถนำดิจิทัล tools ต่างๆมาใช้กับงานได้จริงๆ”

จิรกฤดิ ตันละมัย Planning and Analyst, Corporate Planning

 

“Digital Transformation Starts with People, Not Tech เป็นสิ่งที่เราขีดเส้นเอาไว้ในการทำ Digital Transformation ที่ GC การสร้าง mindset รวมถึงเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมผ่านการลงมือทำ เห็นภาพรวม และมีโอกาสเรียนรู้วิธีการทำงานแบบใหม่ๆ คือความมุ่งหวังของการทำ Organizational Transformation ซึ่งจริงๆ แล้ว GC Shark Tank เป็นเพียง Mechanism ที่จะทำให้พนักงานเข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น เรานำโมเดล Hackathon เข้ามาใช้ เรามีการพูดคุยทำงานกับสตาร์ทอัพ เราออกไปค้นหาสิ่งใหม่ๆที่น่าสนใจ เรานำกลับมาประยุกต์ใช้ ทดสอบและเรียนรู้ ว่าสิ่งไหนใช่ไม่ใช่ เวิร์คไม่เวิร์คกับองค์กรของเรา ในการทำ Transformation เราไม่กลัวที่จะเฟล หากเฟล เราก็เรียนรู้และเริ่มใหม่ เราเริ่มเทสต์ไอเดียจากโปรเจคเล็กๆ ทดลองกันอย่างรวดเร็ว เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าไอเดียเหล่านั้นเวิร์คหรือไม่ ถ้าเวิร์คเราค่อยขยายต่อยอดออกไปให้ทั้งองค์กรได้ใช้งานจริง เพื่อให้เกิดเป็น impact ในภาพรวม และโมเดลเล็กๆนี้ จะเป็นเหมือนตัวสร้างแรงกระเพื่อมที่ทำให้คนทุกคนใน GC หันมาเข้าใจถึงการทำ Digital Transformation มากยิ่งขึ้น”

พิทักษ์ เหล่าแสงงาม Head of Digital Transformation

 

ต่อจากนี้จะเป็นโจทย์ของทีมงานที่จะทำให้เกิดความต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องการพัฒนาไอเดียต่างๆให้เกิดขึ้นได้จริง โดยทุกทีมยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างตัวไอเดียให้เกิดเป็น Minimum Viable Product (MVP) เพื่อที่จะทดลองกับเพื่อนๆ ในองค์กรว่าแนวคิดแต่ละคนตอบโจทย์หรือไม่ และการต่อยอดในปีหน้าว่าเวทีนี้จะยังคงเป็นกลไกที่ช่วยสร้าง Working Culture รูปแบบใหม่ให้เกิดขึ้น ที่สนับสนุนให้พนักงานทุกคน ในทุกตำแหน่งงาน สามารถทำงานอย่างเกื้อหนุนกัน เพื่อสร้างไอเดียใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในองค์กร และ GC

โดยทุกอย่างนี้เกิดจากแนวความคิดที่ว่าการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มเล็กๆ นี้ จะเป็นแรงกระเพื่อมในการสร้างความตระหนักรู้แก่พนักงานคนอื่นถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังใกล้เข้ามา และเตรียมพร้อมรับมือในทุกรูปแบบ และด้วยบุคคลากรที่เข้มแข็งนี้ จะทำให้ GC สามารถยืนหยัดในการเป็นผู้นำทางด้านเคมีภัณฑ์อย่างยั่งยืนต่อไป


  • 155
  •  
  •  
  •  
  •