ในช่วงโควิด-19 นี้ หลายๆ คนที่อยู่ในวงการการท่องเที่ยวก็อาจจะหดหู่ได้ เพราะว่านักท่องเที่ยวจีนยังไม่สามารถเดินทางเข้ามายังประเทศไทยได้ตามปกติ เลยทำให้อาจจะรู้สึกท้อแท้ และก็ไม่รู้จะทำยังไง วันนี้เลยมี Case Study ดีๆ จาก Ctrip (เว็บไซต์ของบริษัทจัดการท่องเที่ยวออนไลน์ หรือ Online travel Agency: OTA ที่ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 1 ของจีน) มาฝากกัน เผื่อทุกคนจะเอาไปเป็นตัวอย่าง ที่ทำให้สามารถเรียนรู้อะไรต่างๆ จากบริษัทชั้นนำของ Ctrip ได้ และปั้นยอดขายได้ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้
ดังนั้น MarketingOops! China Market Insight EP.15 จึงชวนมาฟัง “ชี้ช่องทางเอาตัวรอด ในธุรกิจท่องเที่ยวของจีน” ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่ทำธุรกิจท่องเที่ยว หรือทำธุรกิจอื่น แล้วสามารถนำไปปรับเปลี่ยนหรือปรับทิศทางให้เข้ากับธุรกิจของตัวเองได้
CEO Ctrip ลุยเอง LIVE สดขายของทำยอดขายเกินเป้า
สำหรับ Ctrip บางคนที่อาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน เป็น Online Travel Agency หรือ OTA เป็นแพล็ตฟอร์มออนไลน์ในการซื้อตั๋ว จองตั๋ว จองโรงแรม ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน โดยถือ 30-40% ของตั๋วเครื่องบินและโรงแรมทั้งหมด ทั้งนี้ ช่วงโควิด-19 เขาพยายามหาวิธีการทำอย่างไรก็ได้ให้เขาสามารถขายดีลของเขาได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีรายได้เพราะคนเริ่มบินกันน้อยลง วิธีหนึ่งที่เขาทำก็คือ ให้ CEO หรือ Chairman ที่ชื่อ “James Liang” มา LIVE สดขายของ ตอนนี้ CEO อยู่นิ่งไม่ได้แล้ว ต้องมาช่วยกัน LIVE ขายของ
โดยวิธีที่เขาทำคือใช้ WeChat มินิโปรแกรม จากนั้นก็เริ่ม LIVE ใน Ctrip ได้ ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก เกินคาดเลย คล้ายๆ เป็น KOL หรือเน็ตไอดอลคนหนึ่งเลย โดย 1 ชั่วโมง สามารถกวาดรายได้ไปถึง 120 ล้านบาท เป็นการ LIVE ครั้งแรกๆ ของเขา หลังจากนั้นก็ LIVE มาเรื่อยๆ คือในทุกๆ เดือนจะมีการ LIVE ไปตามเมืองต่างๆ ของจีน ส่วนยอดวิวกวาดไปได้ถึง 1.1 ล้านคน
Trip.com ก็เอาด้วย ขายดีลที่ไทย กวาดเงินมหาศาล
และไม่ใช่แค่ Ctrip ที่เป็นของจีนเอง อย่าง Trip.com ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Trip.com ถือว่าเป็น OTA ที่ใหญ่มากทีเดียว และก็อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ก็ทำคล้ายๆ Ctrip คือใช้วิธีการ LIVE เมื่อช่วงกรกฏาคมที่ผ่านมา ผลตอบรับดีมากเกินคาด ในเมืองไทยสามารถกวาดรายได้ไปถึง 50 ล้านบาทเลย ภายใน 1 ชั่วโมงที่ LIVE ขายไปได้ประมาณ 9 พันกว่าห้อง ในขณะเดียวกันก็ขายของจีนด้วย ก็กวาดไป 200 ล้านบาท ถือว่าเยอะมากสำหรับการ LIVE 1 ชั่วโมง สิ่งที่เขาขายก็จะมีพวกโรงแรม ดีลดีๆ ต่างๆ หรือว่าบันเดิลระหว่างสปากับช้อปปิ้ง ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีมากเลยเพราะว่า เราอาจจะคิดว่าช่วงโควิดคนอาจจะไม่อยากสเปนดิ้งจ่ายตังก์ออกไปหรอก แต่ว่าที่ไหนได้พวกนี้ก็ยังหาดีลดีๆ เพราะว่าเขาต้องใช้เวลากับออนไลน์มากขึ้น ศึกษาหาข้อมูล เพราะฉะนั้นเขาจะเห็น LIVE เป็นว่าเล่นเลย เพราะฉะนั้นถ้าเรามีดีลดีๆ ก็จะดึงดูดให้คนใช้จ่ายสเปนดิ้งได้ มันคุ้มมาก
Revenge Spending พฤติกรรมใหม่ อัดอั้นจากโควิด
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะ LIVE ใน Ctrip หรือ Trip.com เห็นว่ามีพฤติกรรมคนจีอันหนึ่งที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงพฤติกรรมคนต่างชาติ หรือแม้แต่คนไทยเอง มีจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ เวลาหยุดโควิดเรารู้สึกอึดอัดไม่สามารถไปไหนได้ ทีนี้ถ้าเราสามารถซื้อของหรือว่าไปเที่ยวที่ไหนได้เราก็อยากจะไป ในเมืองจีนเขาเรียกว่า Revenge Spending ก็คือการแก้แค้นกับความอัดอั้นที่ไม่ได้จ่ายเงินหรือซื้อของ ดังนั้น Travel Retail หรือคนที่อยู่ในวงการการท่องเที่ยว ก็จะสามารถตอบสนองความต้องการตรงนี้ได้ แต่ว่าต้องเตรียมตัวให้ดี
ทั้งนี้ ที่เมืองจีน มีเกาะหนึ่งชื่อ เกาะไหหนาน มีซานย่า คล้ายๆ กับภูเก็ตของประเทศจีน ทราบหรือไม่ว่าหลังจากที่เขาปลดการล็อกดาวน์ คนจีนเดินทางไปไหหนานเยอะมาก ซึ่งไปซื้อ Duty Free โดยตัวเลขที่น่าสนใจก็คือ เกิน 38% มาจากปักกิ่ง 13% มาจากเซี่ยงไฮ้ 13% มาจากเฉิงตู และฉงชิ่งประมาณ 10% เพราะฉะนั้น 4 เมืองนี้จึงเป็นเมืองที่มีการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถทาร์เก็ตคนกลุ่มนี้ให้ซื้อดีลของเราได้ระหว่างช่วงโควิด คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักธุรกิจไทยหลายๆ คน
Killer Deal + Live Streaming กลยุทธ์สร้างยอดขาย
และจากสิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้ก็คือ ถ้ามีดีลพิเศษ หรือดีลดีๆ จะทำให้คนจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น คนรู้สึกคุ้มก็อาจจะซื้อไว้ก่อน หรือซื้อล่วงหน้า เพราะฉะนั้นเราใช้ดีลๆ ไม่ว่าจะเป็นลด 50% หรือว่าการแถมห้อง ซื้อ 2 คืนแถม 1 คืนก็ได้ หรือว่าถ้าเราไม่สามารถลดได้ การทำให้ดีลมันคุ้มค่ามากขึ้นอาจจะไป Co กับสปาหรือว่าช้อปปิ้งมอลล์ต่างๆ เพื่อที่จะแบ่งส่วนลดตรงนี้กัน ทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้นและคนควักกระเป๋าจ่ายตังก์มาเป็นวอลเล็ตไซต์ที่ใหญ่ขึ้น
นอกจากมี Killer Deal แล้วอีกสิ่งที่จะต้องมีก็คือช่องทางการโปรโมทในที่นี้ Ctrip ได้ใช้ LIVE ในการโปรโมทโฆษณาเขา LIVE ทุกเดือนเลย นอกจาก CEO LIVE ก็มี KOL LIVE อีกเช่นกัน ในเมืองไทยก็เพิ่ง LIVE กันก็ขายได้ดีทีเดียว รู้สึกว่าภายใน 1 ชั่วโมงขายได้พันกว่าดีล ถือว่าดีมาก เพราะฉะนั้น LIVE เป็นอะไรที่ผมคิดว่าดีมาก น่าสนใจมาก เพราะว่าในเมืองจีน มี Taobao LIVE มี อี้จื้อปัว LIVE ฯลฯ แต่เมืองไทยส่วนใหญ่ใช้
Facebook LIVE ก็สามารถใช้ช่องทางพวกนี้ในการโปรโมทออกไปได้ เพราะว่า Cost ของการ LIVE น้อยมาก และคนก็เริ่มมีเวลาในการดู LIVE มากขึ้น และเขาบอกว่า LIVE ยังสามารถบิ้วด์การขายของได้ด้วย ซึ่งดีกว่าวิดีโอหรือดีกว่าที่เป็นโฆษณา ถ้าใครยังไม่เคย LIVE ลองกันเลยเดี๋ยวนี้ ขนาด CEO ยังต้องมา LIVE เพื่อกระตุ้นยอดขายของบริษัทตัวเอง เราเป็นเจ้าของธุรกิจในเมืองไทยก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
เตรียมตัวให้ดี เพราะคนพร้อมจ่าย
ข้อต่อมาที่อยากจะเน้นย้ำเลยก็คือการเตรียมตัว หลายๆ คนอาจจะมองว่าคนจีนอาจจะมาตอน Q4 หรือเปล่า หรือเป็นปีหน้าเลย เราเก็บบัดเจ็ทไปปีหน้าเลยดีไหม แต่จริงๆ อยากจะให้ทุกคนได้เตรียมตัวให้พร้อมก่อน เพราะว่าอย่างที่เราเห็นการจับจ่ายใช้สอยของเขา คือไม่ใช่หลังจากโควิดหายปั๊บเขารอ 1 เดือนมาดูก่อนว่าจะซื้ออะไรดี เขาซื้อเลยทันที ไม่ว่าโควิดจะหายหรือไม่หาย เขาซื้อไว้ก่อนเลย เรียกว่า Revenge Spending เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวเรื่องพวกนี้ให้พร้อม
สุดท้ายนี้อยากฝากข้อคิดไว้อย่างหนึ่งว่า เมืองจีนเขาควบคุมโควิดค่อนข้างดี อย่างดีเลย ดีที่หนึ่งในโลกเลย และเริ่มหายแล้ว และก็มีการท่องเที่ยวภายในประเทศกันแล้ว แม้แต่เริ่มมีการระบาดรอบที่ 2 ที่ปักกิ่งตอนนั้นเริ่มมีการระบาดกัน ตอนนี้เขาก็ควบคุมได้แล้วเช่นเดียวกันไม่ถึงสองอาทิตย์ก็ควบคุมได้ ดังนั้น ผมคิดว่าเมืองจีนเป็นประเทศแรกที่คิดว่าจะกลับมาใช้พฤติกรรมตามปกติ หรือว่าออกมาท่องเที่ยว ออกมาจับจ่ายใช้สอยเต็มที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าเมืองไทยพร้อมกับประเทศอื่นๆ สามารถเปิด Travel Bubble ได้ เราก็จะสามารถโกยรายได้ไปค่อนข้างเยอะ เพราะว่าตอนนี้คู่แข่งเราก็จะมีเกาหลีญี่ปุ่น แล้วก็สิงคโปร์ที่แข่งขันกับไทยอยู่ตอนนี้
สามารถติดตามรับฟัง Marketing Oops! Podcast
ผ่านทางช่องทางต่างๆ ได้ที่