เรามีการพูดคุยกันถึงอีคอมเมิร์ซจีน หรือออนไลน์มาร์เก็ตติ้งจีนค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เถาเป่า วีแชท อาลีบาบา ฯลฯ แต่วันนี้เรามาเปลี่ยน topic กันบ้างดีกว่า ผมได้มีโอกาสศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในสตาร์ทอัปจีน เพราะว่าหลายๆ ครั้งที่เราได้ยินกัน ไม่ว่าจะเป็นอาลีบาบาที่เขาทำอีคอมเมิร์ซใหญ่ที่สุดในตลาดจีนแล้ว และก็ถือว่าเป็นบริษัทที่ใหญ่มากที่สุดในตลาดโลก หรือว่า Tencent ที่ทำ WeChat ออกมา ก็รู้สึกตื่นเต้นว่าเราจะเป็นเจ้าของพวกนี้ได้หรือไม่ ซึ่งปกติแล้วใครเคยลงทุนของประเทศจีน อาจจะเคยซื้อหุ้นของจีน ที่ไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาหรือว่าของฮ่องกงเพราะพวกนี้ซื้อง่ายใครๆ ก็ซื้อได้
แต่ว่าตอนนี้มีอันใหม่ออกมา เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ที่ชื่อว่า Star Market ของเซินเจิ่น เขาทำมาเพื่อจะได้มีการ raised fund หรือว่าการเพิ่มเงิน ช่วยเพิ่มทุนของบริษัทจีนได้ง่ายขึ้น ซึ่งจีนก็บอกว่าถ้าในอนาคตเราต้องการโต เราจะต้องทำให้ R&D เยอะขึ้น ดังนั้น ต้องสนับสนุนสตาร์ทอัปพวกนี้ ไม่ว่าจะฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ และทำให้โตในอีกระดับหนึ่งเลย จึงทำตัวว่า Star Market ขึ้นมา ดังนั้น MarketingOops! China Market Insight EP.21 จึงชวนมาฟัง หัวข้อที่ชื่อว่า “ลงทุนใน Startup จีนอย่างไร”
ชาวจีนผู้ใช้อินเตอร์เน็ต สูงถึง 70% ของประชากรทั้งหมด
เบื้องต้นผมคิดว่าทำไมผมถึงคิดว่ามันน่าสนใจ อันดับแรกเลย เรื่องของประชากรในเมืองจีน 1,400 ล้านคน มีคนใช้อินเตอร์เน็ตสูงถึงประมาณ 70% แต่ว่ายังมีรูมในการโตอีก อเมริกามีประมาณ 330 ล้านคน ซึ่งมีคนใช้อินเตอร์เน็ตเกือบ 100% แล้ว เพราะฉะนั้นโอกาสการโตก็จะน้อยลง ของจีนยังชนะขาดอยู่ GDP ของจีนใน 1 ควอเตอร์ที่ผ่านมา โตขึ้น 18.3% ส่วนอเมริกาโตขึ้นแค่ 0.4%
ทีนี้เรามาดูอีกด้านหนึ่งว่า ส่วนใหญ่แล้วเขาจะดูว่าประเทศช่วงนี้ใครลงทุนในด้านอาหารดีมากกว่ากัน เมืองจีนลงทุนไปประมาณ 2.2% ของ GDP ทั้งหมด อเมริกาจะเยอะกว่าอยู่ที่ 3.1% แต่ว่าถ้าเรามาดูตัวเลขก็จะห่างกันประมาณ 1 แสนล้านยูเอสดอลลาร์ ด้วยอเมริกาลงทุนอยู่ที่ประมาณ 600,000 ล้านยูเอสดอลลาร์ ของจีนประมาณ 5 แสนล้าน จีนก็เลยเห็นความสำคัญตรงนี้ “สีจิ้นผิง” ก็บอกว่าอยากจะลงทุนตรงนี้มากขึ้น เป็นประมาณ 7% ของ GDP ก็ต้องมาลุ้นกันว่าทำได้หรือไม่
ต่อมาคือเรื่องของโควิด-19 ในเมืองจีนเขากลับมาเกือบจะสู่สภาพปกติแล้ว โดยรวมมีเคสที่ติดประมาณแสนคน มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5 พันคน เทียบกับอเมริกาคนติดประมาณ 32 ล้านคน และมีคนตายประมาณ 5-6 แสนคน 3.30
เรามาดูวัคซีกันบ้างดีกว่า วัคซีนในเมืองจีนฉีดไป 388 ล้านโดสแล้ว ส่วนอเมริกา 288 ล้านโดส เมืองจีนอาจจะดูฉีดเยอะกว่าแต่ว่าถ้าเทียบกับประชากรในเมืองจีนแล้ว อยู่แค่ 27% ส่วนอเมริกาเกือบ 90% จริงๆ แล้วรีคัฟเวอร์รี่ของอเมริกาเดี๋ยวก็อาจจะดีขึ้น แต่ว่าเมืองจีนเขาเร่งการฉีดวัคซีนในเมืองสำคัญ อันนี้ก็จะเป็นไดรฟวิ่งโกรท หรือว่า เป็นอะไรที่ทำให้หุ้นอาจจะขึ้นได้ หรือว่า คอนซัมชั่นหรือว่าการจับจ่ายใช้สอยหรือว่ากลับมาดีสู่สภาพปกติแล้วหุ้นก็ดีตาม
ตลาดจีนเริ่มกลับมาปกติหลังวิกฤตไวรัส
ซอฟท์แวร์ ฮาร์ดแวร์ทำไมถึง 4.16 เราเน้นสตาร์ทอัป เพราะเราเริ่มเห็นว่าในเมืองจีนโดเมสติกมาร์เก็ตเริ่มกลับมาสู่สภาพปกติแล้ว ไห่หนานซึ่งเป็นเกาะคล้ายภูเก็ตบ้านเรา ซึ่งบ้านเขาก็มีคนทะลักทะลายมากเลยที่ไปซื้อของ Duty free แบรนด์เนม ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลย เข้าใจว่าบางแบรนด์ ไห่หนาน ถือว่าเป็น Top destination ที่เขาสามารถสร้างยอดขายได้ในช่วงโควิด-19 อีกอันคือไม่ว่าบรอดแคสต์ต่างๆ ที่เราเคยทำกันมา ไป่ตู่ อาลีบาบา เทนเซน 3 เจ้ายักษ์ใหญ่ที่เขามีเทคโนโลยีออกมา มีซอฟท์แวร์เยอะมาก ทำให้ผมไม่เคยต้องสงสัยเลยว่าเมืองจีนจะตามคนอื่นอยู่หรือไม่ ดูง่ายๆ เลยบริษัทที่หลายๆ คนอาจจะรู้จัก บริษัทที่ชื่อว่า ByteDance เป็นคนที่ทำ TikTok ก่อนทำ TikTok ก็ทำ Douyin ที่เป็น TikTok ของจีน ก่อนทำ Douyin เขาทำเป็นจินเหร่อเทียวเทียว ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมข่าวสารคนหลายๆ คนก็มาดูข่าวสารผ่านทางช่องทางนี้ ทำให้เขามี data ข้อมูลของคน สามารถโชว์ข่าวที่คนสนใจได้ เขาเอาตรงนี้มาพัฒนาเป็น Doyin และ TikTok ทำให้หลายคนทั่วโลกติด Doyin และ TikTok
มากไปกว่านั้น หลายคนอาจจะได้ยินผมพูดคุยถึงเรื่อง WeChat pay หรือ QR Code คนจีนชอบสแกน QR Code กันมากเลย แม้แต่ขอทานยังรับ QR Code เลย เมืองไทยตอนนี้เริ่มดีมีพร้อมเพย์เข้ามา มีกระเป๋าตังก์ มีอะไรที่หลากหลายรูปแบบมาก ดังนั้น QR Code ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แล้ว แต่ว่าอีกอันหนึ่งที่น่าสนใจคือ เมืองจีนมันสามารถสแกนเข้าไปเป็น mini app ได้ คือสามารถใช้งานผ่าน WeChat ได้เลย ตอนนี้เราจะเห็นว่ามันมี super app ในเมืองจีนค่อนข้างเยอะ พอเราพูดถึง WeChat อีกตัวหนึ่งที่ทำได้ดี เหม่ยถวน เตี่ยนผิง (Meituan-Dianping) แอปพลิเคชั่นเขาทำได้เยอะมาก และโตเยอะมากเลยทีเดียวช่วงนี้ แต่ว่าหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินแล้วว่า
กฎหมาย Anti Monopoly Law ของจีนที่เข้มงวด
นอกจากที่โดนรัฐบาลจีนควบคุม เหม่ยถวน เตี่ยนผิง ด้วยความที่ใหญ่ก็เลยทำ Antitrust laws หรือว่า Anti Monopoly Law ก็คือใหญ่เกินไป อย่าเอารัดเอาเปรียบเกินไป ทำให้ เหม่ยถวน ตอนนี้หุ้นตัวใหญ่ๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เราเห็นว่าด้านเทคโนโลยี เหม่ยถวน เขาโตมากขึ้นก็ได้ สั่งอาหาร จองโรงแรมก็ได้ เช่ารถจักรยานยนต์ก็ได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้าใครไปที่จีน แล้วเห็นไรเดอร์เหมือน Grab ใส่เสื้อสีเหลืองคืออันนั้นคือของ เหม่ยถวน เตี่ยนผิง ซึ่งเยอะมากเกลื่อนตลาดเลย
และอีกอันหนึ่งซอฟท์แวร์ที่น่าสนใจในปีที่ผ่านมาคือ เรื่องของ Facial recognition อย่าง Alibaba สแกนหน้าจ่ายตังก์ได้แล้ว และก็มีอีกหลายเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น ในโรงแรมก็ยังสามารถสแกนหน้าเข้าลิฟท์ สแกนหน้าเช็คอิน หรือสแกนหน้าเข้าห้องโดยไม่ต้องใช้การ์ดเลย สำหรับตัวนี้รวมกับทางรัฐบาลจีนก็ได้ใช้ Facial recognition ในการหักแต้มเครดิตสกอร์ในบางเมืองด้วย ทำให้เทคโนโลยีด้านนี้ไปค่อนข้างไกล อีกอันหนึ่งซอฟท์แวร์เหมือนกัน คือเราใช้เวลาคุยเกี่ยวซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ค่อนข้างเยอะก็เพราะว่า ผมมองว่าเป็นเทรนด์หนึ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียว และมีหลายปัจจัยเลยที่ทำให้สตาร์ทอัปจีนเป็นที่หนึ่งในใจสำหรับหลายๆ คนที่อยากจะลงทุน
เทคโนโลยีสุดล้ำของจีนมีมากมายอย่างไม่น้อยหน้าใคร
ผมบอกคือตัว AI ไป่ตู่ เสิร์ชเอนจิ้นอันดับ 1 ของประเทศจีน เปลี่ยนมาเป็นการทำซอฟท์แวร์ ตอนนื้ทำเซลฟ์ไดรฟ์วิ่งคาร์ หรือเซลฟ์ไดร์ฟวิ่งแท็กซี่ โดยที่ไม่มีคนขับที่ปักกิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วชื่อว่า “อพอลโล” และ DJI ก็ทำโดรนที่ตามคนอันนี้ไม่ได้ใหม่มากเท่าไหร่ และไป่ตู่โรบอทที่ทำ สามารถคุยแล้วก็สั่งงานได้ มีหลายบริษัทไม่ว่าจะเป็น คล้ายๆ เสามี่ ที่ทำฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ไปแล้ว ฮาร์ดแวร์ต่อมาก็มีทั้งเทคโนโลยีต่างๆ อย่างเช่นมือถือ เซมิคอนดักเตอร์ หรือว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเรา ซึ่งเมืองจีนแอดวานซ์มากเพราะว่า ถ้าใครเป็นสาวกเสามี่ จะเห็นว่าถูกแล้วก็ดีด้วย
อีกคือด้านลอจิสติก มีหุ่นยนต์โรโบติกที่เป็นแขน เอาไว้ทำอะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะจับของ แพ็กของ มีหุ่นจนต์ในการส่ง หรือว่ามีโดรนในการส่งก็มี JB เริ่มเอาหุ่นยนต์ตัวนี้มาใช้ในเมืองไทยแล้ว ในการบริหารแวร์เฮาส์ เพื่อลดต้นทุน ถ้าผมจำไม่ผิดลดได้ประมาณ 30% อีกอันหนึ่งที่น่าทึ่งเลยคือ จีนตอนนี้ขาดแคลนหมอ วิธีของเขาคือแทนที่จะพัฒนาหมอขึ้นมาเยอะๆ เพราะหมอเฉพาะทางมันค่อนข้างยาก กว่าจะเรียนจบ เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับชนบท เขาตั้งเครื่อง surgery หรือเครื่องผ่าตัดเอาไว้เลย โดยหมอดีๆ อยู่ในเมืองในใหญ่ แล้วใช้หุ่นยนต์ 5G ในการคอนโทรลหุ่นยนต์เพื่อผ่าตัดได้ เป็นเทคโนโลยีด้านเมดิคอลที่น่าสนใจพอสมควรเลย
ฮาร์ดแวร์ semiconductor เติบโตอย่างน่าสนใจ
ตัวสุดท้ายแล้ว ทางด้านฮาร์ดแวร์ คือตัว semiconductor เพราะว่าหลายๆ คนถ้าอยู่ในวงการ ก็คงได้ยินข่าวกันเยอะ อย่างอเมริกาก็ดี หรือยุโรปก็ดี พยายามจะสร้างชิพของตัวเอง เป็นชิพที่ใช้ในเครื่องอิเล็กทรอนิกทุกตัวเลย รถหลายคนที่เอาไว้เป็นอิเล็กทรอนิก ไม่ว่าจะกดปุ่มสตาร์ท หรือว่าใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าในรถ มันต้องใช้ชิพทั้งนั้นเลย การขาดแคลนชิพ ตั้งแต่ปลายปี 2020 จนถึงตอนนี้ ก็ยังขาดแคลนอยู่ทำให้รถหลายๆ ยี่ห้อไม่สามารถปิดได้ตามเป้า เขาคาดการณ์รถ 100 คันที่ไม่สามารถผลิตออกมาได้ เพราะว่าไมโครชิพขาดแคลน คราวนี้ไมโครชิพไต้หวันผลิตออกมาประมาณ 60% ของทั่วโลก ของดีมานด์ของทั้งหมด เกาหลีประมาณ 20% ถ้าจำไม่ผิด แต่ว่าจีนยังน้อยอยู่ และจีนเลยบอกว่าต้องพัฒนาไมโครชิพของตัวเองขึ้นมา โดยสีจิ้นผิงบอกว่าต้องเป็นวาระแห่งชาติเลย ใครที่ตั้งโรงงานพวกนี้มาไม่ต้องจ่ายภาษี และมีมาตรการเยอะแยะมากมาย เขาคาดว่าสามารถผลิตได้ 30% ของความต้องการภายในประเทศให้ได้ก่อน ต่อมาก็ทั้ง 100% และต่อมาก็เอ็กซ์พอร์ทให้ได้ ดังนั้น ไมโครชิพหรือ semiconductor ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจ
อีกอันหนึ่งคือเรื่องของยูนิคอร์น หลายๆ คนที่ลงสตาร์ทอัพก็อยากจะเป็นยูนิคอร์นให้หมด ยูนิคอร์นก็มี valuation หรือว่ามาร์เก็ตแคปเกิน 1 billiant ก็คือ 1 พันล้ายูเอสดอลลาร์ ในเมืองจีนก็ Bytedance มี Antfinancial มี Didi ทำให้เห็นว่ามีสตาร์ทอัปดีๆ ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ในเมืองจีนค่อนข้างเยอะเลย
ทำความรู้จัก Star Market ตลาดหุ้นลงทุนในสตาร์ทอัปจีน
วันนี้เราคุยกันแล้วว่าทำไมต้องสตาร์ทอัปจีนหรือเทคโนโลยีจีน ถ้าใครเคยไปเมืองจีนจะทึ่งมาก สิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดจะรู้สึกว่าทำไมเมืองจีนถึงล้ำหน้าขนาดนี้ แต่คราวนี้เวลาลงทุน ปกติแล้วนักลงทุนจะมีโอกาสในการลงทุนอยู่ 2-3 แบบ อันแรกคือซื้อหุ้นในบริษัทจีน ที่เป็นลิสต์อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เช่น แนสแด๊กซ์ของอเมริกา หรือว่าฮ่องกงก็ตาม ก็มีการซื้อแต่ว่าอันนี้ค่อนข้างนานแล้ว แต่อย่างที่ผมบอกคือเจ้าใหญ่ๆ ด้วยความที่เขาเทรดไปแล้ว ใหญ่แล้ว เพราะฉะนั้นการโตก็อาจจะไม่ได้เยอะหวือหวาเท่ากับที่เราต้องการค่อนข้าง แต่ทีนี้ถ้าเราอยากจะลงพวกสตาร์ทอัปที่เป็น semiconductor ก็ดี เป็นฮาร์ดแวร์ซอฟท์แวร์ หรือว่า AI ทำอย่างไร ก็เลยมีตัว Star Market เปิดใหม่ ซึ่งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเซี่ยงไฮ้เองก็มีตลาดหลักทรัพย์ของตัวเองด้วย แต่อันนี้เป็นตัวย่อยมา ทำให้คนที่อยู่ตรงนี้ก็ง่ายขึ้นมีมาร์เก็ตแคปเกิน 1 พันหยวนแล้ว และรู้สึกว่ามีเกณฑ์นิดๆ หน่อยๆ กำไรไม่จำเป็น แต่ R&D หรือว่ายอดขาย ถือว่าหวือหวากว่าปกติ
เรามาทำความรู้จักตัว Star Market กันก่อน Star Market จะซัพพอร์ตพวกไฮเทคอินฟราสตักเจอร์ต่างๆ โดยแยกเป็นอย่างนี้ อินเตอร์เน็ต AI เป็นพวกไฮเทคแฟคทอรี่ เช่นโรบอทต่างๆ คลาวด์ และบิ๊กดาต้า อันหนึ่งที่น่าสนใจก็คือว่า นอกจาก Star Market ที่มีประมาณ 200 กว่าตัว เมื่อกลางปี 2019 แต่ว่าที่แต่ละบริษัทจะเข้าไปในตลาดนั้นก็กลางๆ ปี 2020 แล้ว แสดงว่าตรงนี้มันค่อนข้างใหม่พอสมควร หลายบริษัทเลยไปลงทุนในการจับตลาดตรงนี้ โดยคาดว่าตัวที่เป็น Star fifty หรือว่าตัวที่ใหญ่ที่สุด 50 ตัว ตัวที่เข้าค่าย จะเป็นตัวที่ทำกำไรมากที่สุด และตรงนี้จะแบ่งเป็น semiconductor ประมาณ 25-26% เช่น จอยคอนโทรลเกม อยู่ที่ประมาณ 14% และซอฟต์แวร์ 14% และมีเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ต่างๆ เช่นเดียวกัน อย่างพวกเสิร์ฟเวอร์ประมาณ 8.7% และเฮลท์แคร์ประมาณ 6% เฮาส์โฮลด์ของใช้ต่างๆ ในบ้าน 6% นอกนั้นก็จะแตกย่อยลงไป ทำให้เราเห็นว่า semiconductor กินเปอร์เซ็นต์ไปค่อนข้างเยอะแล้ว และซอฟแวร์น่าสนใจเลยทีเดียว
10 บริษัทสตาร์ทอัป น่าลงทุนใน Star Market
คราวนี้เรามาดู 10 ตัวแรกกันดีกว่าว่า เขามีอะไรที่เรารู้จักกันบ้าง
- Transsion Holdings ผู้ผลิตอุปกรณ์มือถือ เข้าใจว่าประมาณ 30% ของโดเมสติก มาร์เก็ต คือมือถือที่ผลิตในประเทศจีน บริษัทนี้ผลิตประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์
- Kingsoft Office ทำเวิร์ด เอ็กซ์เซลล์ พาวเวอร์พ้อยท์ของจีน แข่งกับไมโครซอฟท์
- Montage Technology ทำไมโครชิพ
- Roborock อันนี้เราเห็นโฆษณาในเมืองไทยแล้วเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่บ้าน
- China Resources Microelectronics ผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ต่างๆ
- Etron Technology เป็นแผงวงจรส่วนอิเลกทรอนิกส์ต่างๆ หรือ ไมโครชิพ
- M Logic เป็นพวกกล่องแปลงสมาร์ททีวี
- China Railway Signal ทำสัญญาณสำหรับระบบขนส่ง
- หนิงปวง รอนเบย์ เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในอิเลกทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ต่างๆ
- National Silicon Industry เป็นผู้ผลิตโซลาร์เซลล์ต่างๆ
สรุป ทำไมต้องลงทุน Star Market คือนอกจากเมืองที่แตกต่างกันแล้วอุตสาหกรรมที่อยู่ แล้วการที่มีไอที ซอฟ์แวร์ ไอที ก็มีหมด ตัวโมบาย เอไอชิฟ ก็มี ดังนั้น ก็เป็นโอกาสดีในการลงทุน ที่ผ่านมาลงทุนตลาดจีนลงทุนยาก แต่ตอนนี้เริ่มมีกองทุนทำให้เราลงทุนผ่านเขาได้ด้วย อยากให้ลองไปศึกษาเพิ่มเติมกัน
สามารถติดตามรับฟัง Marketing Oops! Podcast
ผ่านทางช่องทางต่างๆ ได้ที่