Marketing Oops! Podcast รายการ Brand Life ตอนนี้ว่าด้วย “หลักสูตรซีอีโอ” ผู้กำหนดทิศทางองค์กร – กลยุทธ์ – เป้าหมายองค์กร เพราะฉะนั้นเรื่องราวของแบรนด์ และองค์กรธุรกิจ จึงเชื่อมโยงกับ “ซีอีโอ” กันอย่างแนบแน่น
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า…
แม้จะเกิดเป็นลูกเศรษฐี แต่ถ้าจะให้มีดีเหนือใคร ก็ต้องเคยไปลงเรียนรู้วิชาสำคัญที่ชื่อว่า “วิชาลำบาก”
ด้วยเพราะวิชาลำบากนั้น มันเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจในพื้นฐานธุรกิจ
เคยได้อ่านเรื่องราวของ “คุณธีรพงศ์ จันศิริ” ประธานกรรมการบริหารของไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น ผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ ที่ต้องโหนรถเมล์ไปเรียนมหาวิทยาลัย และพอเรียนจบมาจากสหรัฐใหม่ๆ นั้น เมื่อกลับเข้ามาเริ่มต้นทำงานในบริษัท คุณพ่อคือ “คุณไกรสร จันศิริ” ก็ส่งให้ลูกชายไปหัดเริ่มต้นทำงาน ด้วยการเป็นพนักงานในโรงงาน แล้วค่อยๆ ไต่เต้าฝึกฝนความสามารถขึ้นมาทีละขั้น
เรียกได้ว่าลูกเจ้าของบริษัท แต่กลับถูกส่งไปทำงานเป็นพนักงานธรรมดาๆ ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ โดยผู้จัดการโรงงานสามารถสั่งงานได้ทุกอย่าง แถมยังต้องรายงานความประพฤติของลูกชายโดยตรงกับคุณพ่อ โดยคุณไกรสร ให้เหตุผลว่า
การให้ลูกได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้ จะทำให้เขาได้เรียนรู้และเข้าใจธุรกิจของตัวเองอย่างลึกซึ้ง เข้าใจหัวอกของพนักงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในอนาคต เรียกว่าได้เรียนรู้ทั้งเรื่องงาน และเรื่องคนไปพร้อมๆ กัน
“ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ต้องทำงานหนัก มือต้องเลอะ ไม่มีความสวยงาม ผมฝึกจนทำเป็นทุกกระบวนการและเคยนอนในโรงงานมาแล้ว 3 ปี ทำให้เข้าใจธุรกิจเป็นอย่างดี” คุณธีรพงศ์ พูดถึงงานที่เคยผ่านมา จนถึงวันนี้เขามีทักษะสามารถขูดปลา ผ่าท้องปลา และแกะกุ้งได้อย่างชำนาญ
เรื่องราวข้างต้นนี้ ได้ยินได้ฟังมานาน จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้มีโอกาสสนทนากับ “คุณปรีชา ส่งวัฒนา” ผู้ก่อตั้งธุรกิจแฟชั่น FLYNOW และ FN Outlet
คุณปรีชา เล่าแนวคิดให้ฟังว่า ส่วนหนึ่งในการอบรมลูกๆ ก็จะให้ลูกๆ ไปฝึกฝนเริ่มต้นชีวิตการทำงานในร้านอาหารของครอบครัว ซึ่งมีชื่อว่าร้านขนมจีนเส้นสด
ด้วยเหตุผลว่า การทำธุรกิจร้านอาหารนั้นมันเป็นงานหนัก เป็นการนำเสนอทั้งสินค้าและบริการไปด้วยกัน ลูกๆ ก็จะได้เรียนรู้เรื่องการขาย พร้อมๆ กับได้ฝึกฝนการบริการ แถมงานในร้านอาหารยังเป็นงานที่หนัก ก็เท่ากับว่าเป็นการฝึกความอดทนไปด้วยพร้อมๆ กัน ซึ่งนั่นก็คือการสร้างพื้นฐานที่ดีในการรับผิดชอบงานใหญ่ในอนาคต
หลังผ่านกระบวนการฝึกงานในร้านอาหารของครอบครัวแล้ว
คุณปรีชา ก็มักจะชวนลูกๆ ให้เดินทางไปหัวหิน แต่เดินทางไปครั้งใด ก็มักจะไปไม่ถึงหัวหิน เพราะลูกๆ มักจะถูกพาให้ไปช่วยขายของที่ FN Outlet สาขาเพชรบุรี อยู่เป็นประจำ
คุณปรีชา อธิบายให้ฟังว่า การทำแบบนี้ จะทำให้ลูกๆ ได้รับประสบการณ์ ได้เรียนรู้วิธีขายของ ได้ลองสัมผัส รับมือกับความรู้สึกของลูกค้า แบบตัวจริงๆ ไม่มีแสตนด์อิน
สัมผัสถึงความพอใจ และความไม่พอใจ
ได้เรียนรู้ถึงความสุขสมหวังเมื่อขายได้ พร้อมๆ กับได้เรียนรู้จัดการกับความผิดหวังเมื่อปิดการขายไม่สำเร็จ ได้รู้จักกับการสร้างพลังใจให้กับตัวเอง ในยามที่ลูกค้าทำให้เหน็ดเหนื่อยท้อใจ
เจ้าอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง ที่มันไม่มีสอนในโรงเรียน ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริงๆ เท่านั้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ทำให้เข้าใจ รับรู้ รู้สึก รู้ลึกถึงสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
กับอีกเรื่องราวของซีอีโอผู้สร้างแอปพลิเคชันทางการเงินในมือถือชื่อ “Ruma” เป็นสตาร์ทอัพจากอินโดนีเซีย นามว่า “อัลดี แฮรีโอปราโตโม” (Aldi Haryopratomo)
อัลดี ใช้แรงบันดาลใจจากภาพยนต์ประวัติของ เช กูวารา เป็นไอเดียในการออกเดินทางเพื่อสำรวจตลาดสถาบันการเงินชุมชนรายย่อย โดยมุ่งศึกษาการทำงานแบบ Micro Finance ของอินโดนีเซีย ด้วยการใช้รถมอเตอร์ไซค์บิดออกสำรวจไปทั่วประเทศ
โดยความคิดและความรู้ที่สั่งสมได้ระหว่างทาง มันทำให้เขาค้นพบกับไอเดีย ในการบริหารจัดการเงินให้กับลูกค้าขนาดย่อย เขานำเสนอโปรเจค Ruma นี้ ผ่านการระดมทุนในซิลิคอนวัลเลย์ และได้รับความไว้ใจจากกลุ่มทุน เช่น กลุ่มทุนกูหนุงเชวู เกนจานา (Gunung Sewu Kencana) ซึ่งเป็นกลุ่มลงทุนยักษ์ใหญ่ของอินโดนีเซีย ที่มาช่วยให้ทุนเพื่อต่อยอดกิจการ
เพราะความรู้จากการขี่รถมอเตอร์ไซค์สำรวจ เข้าไปในทุกๆ พื้นที่ห่างไกล เขาพบว่าคนในชนบทนั้นสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เพียงแค่ 16% ซึ่งนั่นมันช่างไม่ตอบโจทย์ในการเป็นอินเทอร์เน็ตแอปพลิเคชันที่ให้บริการด้านการเงิน
แต่เพราะการเดินทางไปเห็นวิถีชีวิต ทำให้เขาค้นพบจุดขายใหม่ในการให้บริการด้านการเงิน คือ การจ่ายค่าไฟ และจ่ายคืนเงินกู้ ผ่าน Ruma Mobile Application ด้วยกลยุทธ์สำคัญคือ สร้างผู้แทนขาย เพื่อเป็นผู้ให้บริการสำหรับคนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต
ซึ่งนั่นก็คือ การเปิดตลาดให้ร้านค้าเล็กๆ ในชุมชนกว่า 30,000 รายทั่วประเทศ เป็นตัวกลางในการรับจ่ายเงินค่าบริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน “Ruma”
โดยลูกค้าที่อยากใช้บริการจ่ายค่าบริการออนไลน์ แต่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็สามารถใช้บริการได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่เดินเข้าไปยังร้านค้าเล็กๆ ที่เปิดให้บริการ โดยร้านค้าก็จะได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมในการทำรายการจ่ายเงินค่าบริการต่างๆ ไปตามอัตราส่วน
แอปพลิเคชัน “Ruma” ประสบความสำเร็จ มีลูกค้ากว่า 1.5 ล้านคน บริษัทมีพนักงานกว่า 500 คน โดยพนักงาน 300 คนจะหมั่นออกเดินทาง เพื่อไปเยี่ยมตัวแทนสามหมื่นรายทั่วประเทศ
โดยซีอีโออย่าง “อัลดี” ก็ยังคงขี่รถมอเตอร์ไซค์ ออกสำรวจพื้นที่ ไปพบปะเอเยนต์ และลูกค้า ในหมู่บ้านต่างๆ ทุกๆ สัปดาห์ๆ ละสองวัน
บนความเชื่อว่า การเข้าถึงความรู้สึกของผู้บริโภคอย่างแท้จริงนั้น จะช่วยให้การตัดสินใจต่างๆ ของเขานั้นชัดเจน ซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้บริหาร
หากจะย้อนกลับมาดูประวัติชีวิตของชายหนุ่มคนนี้
เราจะพบว่าเขาเกิดในครอบครัวที่บิดาทำงานเกี่ยวข้องกับการสร้างถนน ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการพัฒนาชนบท
และเขาก็ใช้ถนนในการเข้าไปค้นหาคำตอบใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ
เรื่องราวของซีอีโอทั้ง 3 ท่าน ได้ข้อสรุปอันหนึ่งที่ว่านี่คือ “วิชาติดดิน” ที่กว่าจะค้นพบคำตอบทางธุรกิจ ต้องลงมือทำ ได้สัมผัส ลิ้มลองของจริงด้วยตัวเอง
สามารถติดตามรับฟัง Marketing Oops! Podcast
ผ่านทางช่องทางต่างๆ ได้ที่