เปิดก่อนได้เปรียบ ZEN GROUP เริ่มเปิดเกมรุก งัดกลยุทธ์ Insightful Marketing ดันเป้าหมายปี 66 ให้แตะ 4.5 พันล้านบาท

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

 

บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN GROUP ผู้นำธุรกิจอาหารชั้นนำของประเทศไทย เปิดเกมรุก พร้อมดันเป้าหมายปี 2566 ให้แตะ 4.5 พันล้านบาท ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง รวมถึงแผนขยายสาขาของร้านอาหารในเครือและแฟรนไชส์ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ตลอดจนการเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าในธุรกิจอาหารค้าปลีก หลังเปิดเผยความสำเร็จในปี 2565 ผ่านการดำเนินงาน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ภาพรวมธุรกิจเติบโตกว่า 51% ชูรายได้รวม 3,413 ล้านบาท กำไร 154 ล้านบาท

 

4  สิ่ง ความเติบโตในรอบ 32 ปี ของ ZEN GROUP

    1. การเติบโตของสาขาสูงสุด (ขยายไปแล้วกว่า 45 สาขา)
    2. รายได้สูงสุด (เติบโตจากปี 2564 – 2565 ถึง 51% หรือเติบโต 1,000 ล้านในปีเดียวกัน)
    3. กำไรสูงสุด (ทำกำไรได้ถึง 269% หรือ 154 ล้านบาท หลังจากสถานการณ์โควิด-19)
    4. อัตราการทำกำไรสุทธิสูงสุด Net profit margin

คาดว่าในปี 2566 จะมีการเติบโตของธุรกิจในเครือ ZEN GROUP ด้วยทิศทางองค์กรและการวางแผนกลยุทธ์ที่ดีของ 5 เสาหลักธุรกิจ พุ่งเข้าสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน

 

  1. ธุรกิจร้านอาหาร เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของ ZEN GROUP เพราะมีสัดส่วนกว่า 70% ของธุรกิจทั้งหมด ตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจกว่า 32 ปี ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือกว่า 10 แบรนด์ 345 สาขา ซึ่งปี 2565 ที่ผ่านขยายไปแล้วกว่า 45 สาขา ทั้งสาขาที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ ครอบคลุมในไทยและต่างประเทศ โดยในปีนี้ธุรกิจนี้จะขยายเพิ่มอีกกว่า 90 สาขา ด้วยการใช้กลยุทธ์ ดังนี้

Growth Strategy มุ่งเน้นการขยายสาขาบนพื้นที่ใหม่ ๆ เช่นพื้นที่ต่างจังหวัด เมืองหลักและเมืองรอง ให้ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและครอบคลุมการให้บริการทั่วประเทศ

กลยุทธ์การบริหารจัดการร้านอาหาร ร้านอาหาร บริษัทได้ขยายการนำวัตถุดิบคุณภาพที่มีมาตรฐานของบางแบรนด์ไปต่อยอดกับทุก ๆ แบรนด์ในเครือฯ ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ดีขึ้น ทั้งในแง่ของการจัดซื้อ การวางแผนและการบริหารจัดการสาขาอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยี มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อการทำงานของสาขา ไม่ว่าจะเป็น Robot, QR Ordering/Payment, Cashless และ CRM เข้ามาใช้ ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในด้านบุคลากรของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ZEN GROUP ได้มีการตั้งเป้าขยาย Customer Base ให้กว้างขึ้น ด้วยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Insightful Marketing ที่ไม่ใช่แค่รู้จักลูกค้า แต่ต้องเข้าใจความต้องการที่ซ่อนอยู่ภายในผู้บริโภค ให้กลายมาเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ นั่นเอง

 

  • Insightful Product ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ จากการนำข้อมูลเชิงลึกของการขายและการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค มาพัฒนาเป็น Product ที่ออกแบบบริการใหม่ ๆ ให้แก่ลูกค้า เช่น เซ็น เรสเตอร์รอง มีกลุ่มเป้าหมายในใจที่ต้องการขยายอย่างกลุ่มคนวัยทำงาน ที่ชื่นชอบความหลากหลาย ทำให้ออกเมนู Lunch Set ที่จะอร่อยได้ 2 เมนู ใน 1 เซ็ต ราคาก็สามารถจับต้องได้ หรือในส่วนของ เขียง ออกเมนู “กระเพราสองรัก” เพราะเข้าใจผู้บริโภคว่าในหนึ่งมื้ออยากทานหลากหลายเมนูในงบที่จำกัด จึงออกเป็นกะเพรา + ไก่กระเทียม
  • Insightful Promotion เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าใหม่ จากการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าในทุก ๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเข้ามาทานอาหาร และช่วงเวลา นั่นเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะต่อยอดแต่ละแบรนด์ได้ เช่น อากะ ยากินิกุ ออกแคมแปญ “ป่ะ ทาน นักเรียน” เอาใจน้อง ๆ นักเรียนที่อยากเติมพลังในงบที่เข้าถึงได้ง่าย และตำมั่ว ที่ออกโปรโมชัน “เบิ้ลเครื่อง” เพราะลูกค้ามักชอบเพิ่ม Topping ในการทาน เพื่อเพิ่มอรรถรสและรสชาติความฟิน
  • Insightful Communications สื่อสารถูกใจในรูปแบบใหม่ เมื่อการสร้าง Awareness แบบทั่วไม่เพียงพอ ทาง ZEN GROUP เองจึงต้องพึ่ง “Call Attention with Engagement” นำมาเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสื่อสารให้ผู้บริโภคหันมามองแบบเข้าอกเข้าใจแบรนด์ เมื่อต้นปีประเดิมด้วยแบรนด์ เซ็น เรสเตอร์รอง ที่ออกแคมเปญ “Dear Boss” ที่เชิญชวนเหล่าบอสทั่วไทยเปิดโอกาสให้ชาวออฟฟิศ ลุกจากหน้าคอม ไปทานมื้อเที่ยงที่ เซ็น เรสเตอร์รอง เพื่อสร้าง Work Lunch Balance ให้ชีวิตชาวออฟฟิศ ส่วน ออน เดอะ เทเบิ้ล ก็มีแผนที่จะนำไปขยายต่อหลังจากเปิดตัว “โต๊ะจัง” Brand Character ตัวแทนของสาวรุ่นใหม่ ที่ปีนี้เตรียมคอลแลปและ Create กิจกรรมสนุก ๆ ให้เข้าถึงใจสาว ๆ

Insightful Marketing ทั้งหมดที่ทาง ZEN GROUP เลือกมาใช้ มีจุดเด่นสำคัญก็คือเน้นการสื่อสารและสร้างการรับรู้ ให้เข้าถึง Lifestyle แบบรู้ใจ รวมถึงสร้างแบรนด์ให้ดูมี Character แต่ยังแสดงถึงความแข็งแรงในการควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบ รสชาติอาหาร และการบริการที่เป็นสิ่งสำคัญของการดำเนินธุรกิจอาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Awareness ของแบรนด์ให้เป็น Top of mind ในกลุ่มเป้าหมาย

 

 

  1. ธุรกิจแฟรนไชส์ ZEN GROUP เตรียมแผนที่จะขยายฐานลูกค้าใหม่และมองหาตลาดใหม่ เพื่อผลักดันแบรนด์ ตำมั่ว และเขียง รุกตลาดหลักในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งกับตลาดหลัก เช่น ไทย มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม ลาว และยังมองหาโอกาสที่จะเติบโตกับตลาดใหม่ให้ครอบคลุมประเทศในภูมิภาคเอเชียอย่าง เกาหลีใต้ ซึ่งในปี 2565 ก็คาดว่าจะสามารถต่อยอดให้ธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตได้ตามเป้าหมาย และมุ่งเน้นเรื่องการขาย วัตถุดิบให้แฟรนไชส์ เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันให้เกิดขึ้นในทุกสาขา

 

  1. ธุรกิจอาหารค้าปลีก หลังจากที่ ZEN GROUP ได้ดึง “คิง มารีน ฟู้ดส์”และ “เซ็น แอนด์ โกสุม อินเตอร์ฟู้ดส์” มาเป็นกำลังเสริทพอร์ทธุรกิจอาหารในเครือ สามารถสร้างรายได้ของบริษัท ไปไม่น้อยในปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ได้มีการวางแผนที่จะเร่งสร้างยอดขายธุรกิจอาหารค้าปลีกให้ได้ตามเป้าหมาย พร้อมกับการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและศูนย์กระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการปรับปรุงโรงงานและคลังสินค้าให้รองรับกับยอดขายที่เติบโตขึ้น เพราะ “Food Service ไม่ใช่แค่การทำร้านอาหาร แต่เป็นการนำวัตถุดิบเข้าไปอยู่ในผู้บริโภค”

 

  1. ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ช มีการปรับปรุงระบบสนับสนุนการขายให้คล่องตัวมากขึ้น ปักหมุดขยายธุรกิจจาก B2C (Business to Customer) เป็น B2B (Business to Business) โดยเน้นการขาย Voucher แก่ลูกค้าที่เป็นองค์กร และทำให้แอปพลิเคชัน ZEN GROUP ให้เป็นที่รู้จัก สร้างการรับรู้ระบบและเพิ่มยอดสมาชิก อีกทั้งยังสร้างความแตกต่างให้กับ 1376 Delivery บริการจัดส่งอาหาร โดยเน้นรูปแบบ Big Order ที่มีศักยภาพในการจัดส่งอาหารจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้แตกต่างจาก Food Aggregator

 

  1. ธุรกิจใหม่ ในตอนนี้ทาง Zen Group มองหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและให้อัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสริมทัพพอร์ทธุรกิจอาหารในเครือให้มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้นต่อไป แต่ยังคงต้องรอดูจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม

 

ในปี 2565 ZEN GROUP คาดว่าสัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจ จะแบ่งเป็นรายได้จาก

  • ธุรกิจร้านอาหาร 74%
  • ธุรกิจแฟรนไชส์ 7%
  • ธุรกิจอาหารค้าปลีก 13%
  • ธุรกิจจัดส่งอาหารและอีคอมเมิร์ซ 6%

จากความเติบโตครั้งนี้ทำให้ ZEN GROUP สามารถขยายตลาด เพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว อาจถือได้ว่าช่วงเวลาการทำธุรกิจเป็นความได้เปรียบ แต่การที่ไม่หยุดที่จะเติบโตและพยายามเข้าใจผู้บริโภค เป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจให้ยั่งยืน และครองใจกลุ่มผู้บริโภค

 

 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •