เวียดนาม เป็นอีกหนึ่งประเทศในโลกที่มีวิธีการรับมือที่น่าสนใจ ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในช่วงนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อภายในประเทศมากที่สุด
ความน่าสนใจของวิธีการรับมือของเวียดนาม ดูได้จากตัวเลขยืนยันผู้ติดเชื้อในวันนี้ (20 เม.ย.63) ข้อมูลของ Wikipedia ระบุตัวเลขผู้ติดเชื้อในเวียดนามเพียง 268 คน ทั้งยังรักษาหายมากถึง 207 คน ที่สำคัญตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อที่เสียชีวิตยังเป็น ‘ศูนย์’
‘เวียดนาม’ ใช้มาตรการเชิงรุกกับ COVID-19
แม้ว่าเวียดนามจะมีเขตติดต่อพรมแดนกับ ‘จีน’ แต่ด้วยความที่รัฐบาลสั่ง lockdown ประเทศตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับต่ำมากๆ ถือว่าเป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว
อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63 รัฐบาลได้สั่งให้ปิดสถานที่ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง ทั้งโรงเรียน สถานที่ทำงาน เรื่อยๆ มาจนถึง ระงับเที่ยวบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมไปถึง ระบบคมนาคมขนส่งประเภทอื่นๆ ด้วย
นอกจากนี้ กลุ่มคนที่เข้าข่ายว่าอาจติดเชื้อ COVID-19 ราว 75,000 คน ได้ถูกกักกันหรือแยกตัวออกไปเรียบร้อยในสถานที่ที่จัดไว้ ไม่ใช่กักตัวไว้ที่บ้าน ทั้งยังเริ่มกระบวนการรักษาทางการแพทย์ตามอาการต่อไป
Kidong Park ตัวแทนจากองค์การอนามัยโลกในเวียดนาม (WHO) กล่าวชื่นชมการทำงานของรัฐบาลว่า มาตรการป้องกันและควบคุมไวรัส COVID-19 คือ “วิธีการตอบสนองแบบเชิงรุก” มีการประเมินความเสี่ยง (ระยะรุนแรง) ตั้งแต่การระบาดในประเทศยังไม่วิกฤต เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ โดยจะเห็นว่าไทมส์ไลน์การป้องกันการติดเชื้อเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี หลังจากที่จีนประกาศ lockdown ประเทศได้ไม่นาน
มาตรการบทโทษสำหรับคนที่ละเลย ‘สวมหน้ากากอนามัย’
“คิดว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีของเวียดนามว่าทำไมถึงไม่มีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเลย ก็เพราะว่ากลุ่มคนที่ติดเชื้อในขณะนี้ ส่วนใหญ่มีอายุน้อย ไม่เกิน 45 ปี โดยเวียดนามจัดว่าเป็นประเทศที่มีประชากรวัยหนุ่มสาวมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วย” Nguyen Huy Nga จากกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม กล่าว
ขณะเดียวกัน นอกเหนือจากคำสั่งห้ามออกนอกบ้าน หรือการรักษาระยะห่างทางสังคมแล้ว รัฐบาลได้ออกบทลงโทษสำหรับคนที่ออกนอกบ้านโดยไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากชนิดอื่นๆ ด้วย
โดยปัจจุบัน ‘ค่าปรับ’ คนที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ อยู่ที่ราวๆ 300,000 ด่อง (ราว 425 บาท) แต่ Nguyen Thanh Phong ผู้ว่าการประจำนครโฮจิมินห์ เมืองที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในประเทศเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มค่าปรับให้แพงขึ้น เพราะยังมีคนฝ่าฝืนกฎระเบียบจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน ยังมีบทลงโทษ ‘การจำคุก’ นานถึง 12 ปี หากพบว่าบุคคลนั้นๆ ไม่สวมหน้ากากอนามัย และอาจเป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19 ด้วย
ตัวอย่างที่ผ่านมา เมื่อเดือน มี.ค. มีชายชาวเวียดนามรายหนึ่งถูกตัดสินจำคุกนาน 9 เดือน เพราะปฏิเสธที่จะใส่หน้ากากอนามัย ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเตือน เป็นต้น
Nguyen Thanh Phong กล่าวว่า บทลงโทษจำเป็นต้องเข้มข้นมากขึ้นเพื่อให้คนกลัว ดังนั้น หากการแพร่ระบาดยังไม่หยุด คาดว่าจะเห็นมาตรการลงโทษอื่นๆ เพิ่มเข้ามาในอนาคต