Kris Tripplaar—AP
เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา Walmart ประกาศปิด 269 สาขาทั่วโลก รวมทั้ง 154 สาขาในสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็น express เหตุจากประสบปัญหายอดขายตกอย่างต่อเนื่อง หลังเมื่อช่วงคริสมาสต์ที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 3% จากที่คาดการณ์กันไว้ที่ 3.7 % Doug McMillon ประธานบริษัท กล่าวว่า “การประกาศปิดตัวในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจกันได้ง่ายๆ มันเป็นความจำเป็นที่ต้องทำ หากอยากให้บริษัทยังอยู่รอดและสู้ต่อได้ในอนาคต” ส่วนสาขาที่เหลือยังคงเปิดดำเนินการต่อไป และยังคงเดินตามแผนที่จะเปิดสาขาใหม่อีกสามร้อยกว่าแห่งที่จะมาสร้างเสริมศักยภาพให้เราได้มากกว่าเดิมในปีหน้า และจะโฟกัสไปที่ online store มากขึ้น
คาดการณ์ว่าจะมีพนักงานจำนวน 16,000 คนได้รับผลกระทบจากการปิดตัวในครั้งนี้ ซึ่ง Walmart เตรียมการไว้แล้วว่าจะ transfer พนักงานของตัวเองไปยังห้างค้าปลีกเจ้าอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกับสาขาที่พนักงานที่ทำงานอยู่ พร้อมทั้งจะจ่ายเงินชดเชยให้แก่พนักงานที่ไม่สามารถหางานใหม่ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
เป็นเรื่องที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับการทยอยกันปิดตัวของห้างค้าปลีกในสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ห้าง Macy’s ก็เพิ่งประกาศปิดตัวไปไม่ทันจะครบเดือนดี Walmart ก็ตามไปติดๆ ซึ่งคาดว่าเป็นการปรับกลยุทธ์การบริหารไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จึงมุ่งมาโฟกัสที่แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งเกิดจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Federal Reserve รายงานว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาหดตัวลง 0.4% ส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้นในวันที่เศรษฐกิจทั่วโลกซบเซาลง และอีกเรื่องหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คืออุณหภูมิของโลกที่เพิ่งสูงขึ้นส่งผลให้ความสามารถในการผลิตพืชผลลดลงด้วยเช่นกัน