มาดู..ภาพแรกและภาพสุดท้ายของ Post-It War ที่นิวยอร์ก ก่อนถูกสั่งรื้อ

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

Post-It เครื่องมือในสำนักงานธรรมดาที่บางคนอาจจะมองว่าไม่ได้เป็นอะไรที่สลักสำคัญเท่าไหร่นัก แต่ Post-It ธรรมดาที่ว่านี้ จู่ๆ ก็มากลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดสงครามแห่งความคิดสร้างสรรค์ ประลองกำลังทางไอเดียผ่านชิ้นกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กที่เรียกว่า Post-It

จุดเริ่มต้นของสงคราม Post-It นั้นก็เริ่มมาจาก พนักงานคนหนึ่งของบริษัทเอเจนซี่ Harrison and Star สร้างคำง่ายๆ คำว่า“Hi” จาก Post-It โน้ต บนหน้าต่างบานหนึ่งของเธอ พร้อมกับรอคอยให้ใครบางคนตอบกลับ และความตั้งใจของเธอก็สมหวัง เมื่อมีบางคนตอบกลับข้อความของเธอว่า “SUP” และแล้วสงครามกลางเมืองก็บังเกิด!

จากบทสนทนาสั้นๆ กลายเป็นสงคราม Post-It ที่เกิดขึ้นระหว่างตึกสองตึก ซึ่งทั้งสองตึกนั้นส่วนใหญ่เป็นบริษทด้านการตลาดและเอเจนซี่ และใช้เวลาไม่นานหน้าต่างของอาคารก็เต็มไปด้วยสนามประลองแห่งความสร้างสรรค์ที่สู้รบกันด้วยไอเดียจากการตกแต่ง Post-It ลองมาลำดับเหตุการณ์กันว่าจุดเริ่มต้นและจุดลงเอยของสงครามไอเดียนี้เป็นอย่างไรกัน

สงครามถูกจุดด้วยคำว่า Hi บนชั้น 6 บนถนน Varick Street นครนิวยอร์ก

Post-It 10

จากนั้นคำว่า Sup ก็ปรากฏขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่งของตึก บนถนน 200 Hudson

Post-It 4

ไม่ช้าสงครามประลองพลังไอเดียก็เริ่มต้น หน้าต่างเริ่มบรรเลงภาพและข้อความสนุกๆ เต็มหน้าต่างไปหมด

Post-It 3 Post-It 2

มีตั้งแต่ภาพจากการ์ตูนดัง และแม้แต่แอพฯ ดังอย่าง snap chat ก็มา

post it hili Post-It 6 Post-It 5 Post-It 1

 แม้แต่ผู้ผลิตอย่าง 3M ก็ขอมีส่วนร่วมวงกับเขาด้วย ด้วยการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มาให้ใช้กันอย่างเต็มกำลัง แต่ในที่นี้หมายถึงกระดาษโน้ตนะ

Post-It 8

 แม้ว่าจะแข่งกันอย่างหนักหน่วง ก็ดูเหมือนยังไม่มีทีท่าว่าจะพบกับผู้ชนะ

Post-It 7

จนกระทั่ง Havas Worldwide เอเจนซี่โฆษณา ปล่อยหมัดเด็ดออกมาด้วยการสร้างภาพ ไมค์ตก ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นงานที่ Epic สุก

Post-It 11

building-post-it-war-notes-nyc-manhattan-34

แต่โชคร้ายที่สงครามต้องรูดม่านปิดฉากลง เพราะว่าผู้จัดการอาคารสั่งให้ทั้งสองฝ่ายเอา  Post-It ออกให้หมดทันที.

อย่างไรก็ตาม สงคราม Post-It นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ เมื่อราวปี 2012 ก็เคยมีมาแล้ว ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแต่ละอาคารต่างก็สร้างสรรค์ผลงานไว้อย่างสนุกสนาน เห็นแบบนี้แล้วก็แอบคิดเหมือนกันว่าอยากจะเห็นไอเดียมันๆ แบบนี้บ้างที่กรุงเทพฯ

ที่มา


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!