จากข่าวบันเทิงเกาหลี แต่ดูเหมือนร้อนแรงมาถึงไทย กับข่าวการแฉพระเอกชื่อดัง “คิมซูฮยอน” ซึ่งถูกโยงว่าเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการเสียชีวิตของดาราสาว “คิมแชรน” ซึ่งครั้งหนึ่งเคยคบหากัน แต่เมื่อถึงคราวที่ตกอับกลับไม่เหลียวแลและไม่เคยหันมาช่วยเหลือสักนิด จนเป็นที่มาของวลีที่ชาวเน็ตยกให้ว่า ‘วันเกิดของพี่คือวันที่ชั้นตาย’ ซึ่งทางครอบครัวฝ่ายหญิงอดทนไม่ไหว ต้องออกมาเปิดเผยรักเร้นลับที่ซ่อนอยู่ และเรียกร้องให้พระเอกหนุ่มออกมารับผิดชอบและขอโทษกับการกระทำที่ผ่านมา
การแซงชันบทลงโทษทางสังคม ในวงการบันเทิงเกาหลี
แต่มากไปกว่าเรื่องของรักๆ ใคร่ๆ จนไปสู่ดราม่าสุดสะเทือนใจนี้ ก็ต้องบอกว่าวงการบันเทิงเกาหลีนั้นค่อนข้างโหดและหนักหนาสาหัสสำหรับดาราศิลปินที่พลาดพลั้งกระทำผิด โดยเฉพาะการการแซงชั่น (sanctions) หรือกระบวนการลงโทษทางสังคม เพื่อหวังไม่ให้เป็นแบบอย่างเยาวชน โดยมองว่าบทลงโทษทางกฎหมายยังไม่พอสำหรับคนดังที่มีชื่อเสียง แต่ควรจะคู่ไปกับการลงโทษทางสังคมด้วย จึงเกิดกระบวนการแบนต่างๆ ขึ้น เช่น ไม่ให้ออกสื่อ ถอดออกจากรายการหรือละคร/หนัง รวมไปถึงการที่แบรนด์ถอนตัวจากการเป็นสปอร์นเซอร์หรือถอดออกจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการลงโทษเชิงสังคมเช่นกัน ยังไม่นับรวมกับกระแสเสียงวิจารณ์ที่รุมต่อว่าในโซเชียลฯ อีกมากมาย
“คิมแชรน” อะไรคือสาเหตุให้เธอหวนคืนสู่วงการบันเทิงไม่ได้ คดี? สังคม?
กรณี “คิมแชรน” อดีตศิลปินเด็กดาวรู่ง ที่กำลังไปได้สวยในเส้นทางบันเทิง ก็เป็นหนึ่งในศิลปินที่ถูกสังคมเกาหลีแซงชั่น งานบันเทิงหดหาย ถูกสังคมวิพากย์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากที่เธอเมาแล้วขับ โดยขับรถชนเสาไฟฟ้าหม้อแปลง ในย่านกังนัม ทำให้เกิดไฟฟ้าดับ ความเสียหายเกิดเป็นวงกว้างต่อทั้งระบบการจราจรและร้านค้าจำนวนมาก ทำให้ต่อมาเธอต้องชดใช้ค่าเสียหายเกือบ 700 ล้านวอน หรือประมาณ 16 ล้านบาท
แต่มากกว่าการชดเชยทางคดี เมื่อสังคมไม่อาจให้อภัยพฤติกรรมเช่นนี้ได้ เธอหายไปจากวงการเพราะชื่อเสียงด้านลบ จากการไม่ยอมรับของสังคม แต่เธอก็สู้ชีวิตเรื่อยมา จนแม้อับจนหนทางก็พยายามใช้ทุกวิธีในการหาเงิน กระทั่งต้องออกมาส่งข้อความหาคนใกล้ชิด ที่เธอคาดหวังว่าจะช่วยเธอได้ แต่ก็ไม่ใช่ จนสุดท้าย เธอตัดสินใจที่จบชีวิตบนโลกใบนี้ ในวันที่เป็นวันเกิดของชายคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดวลีดังที่ว่า “วันเกิดของพี่คือวันตายของหนู” ที่บรรดาชาวเน็ตตั้งข้อสังเกต
เกินกว่าเหตุ? หรือ เหมาะสมแล้ว?
ขณะเดียวกันก็เกิดการตั้งคำถามเช่นเดียวกันว่า สิ่งที่สังคมเกาหลีทำ ที่เรียกว่าบทลงโทษทางสังคม มัน ‘มากเกินไป’ หรือไม่? บางคนก็ถูกมองว่าสมควรแล้ว บางคนก็มองว่าโทษแค่นี้กับบทลงโทษทางสังคมดูจะมากเกินไปจริงๆ เพราะหลายครั้งก็ทำให้คนหนึ่งๆ ต้องจบอาชีพ หมดอนาคตอย่างไม่อาจหวนคืนได้ และอาจรวมไปถึงการ ‘จบชีวิต’ ตัวเอง!!
ดังนั้น ผู้คนต่างตั้งคำถามกันว่า สิ่งที่สังหารศิลปินจริงๆ มันคือบทลงโทษทางกฎหมาย หรือบทลงโทษทางสังคมกันแน่ ??
ลองมาไล่เรียงดูแล้วมีดาราศิลปินเกาหลีหลายคนทีเดียวที่เคยถูกแซงชั่น บางคนก็กลับมาได้ และบางคนก็ไม่กล้ามาให้เราเห็นหน้าอีกเลย!!
# “นิชคุณ” กับคดีเมาแล้วขับ
หนึ่งในศิลปินที่เคยถูกแซงชั่นจากวงการบันเทิงเกาหลี ก็คือศิลปินเชื้อสายไทยคนนี้ด้วย “นิชคุณ หรเวชกุล” ขับขี่รถจนเกิดอุบัติเหตุ ชนท้ายของมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขึ้นในช่วงเช้ามืดวันที่ 24 ก.ค. ปี 2555 ในเขตกังนัม และถูกวัดระดับแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดพบว่ามีอยู่ในปริมาณ 0.056% ซึ่งถือว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมายเมาแล้วขับ และต้องถูกระงับใบอนุญาตขับรถไปชั่วคราว
แม้ว่าเหตุการณ์การแบนทางสังคมของ “นิชคุณ” ไม่รุนแรงมาก แต่ก็ได้รับคำติติงทางโซเชียลฯ ค่อนข้างหนักทีเดียว ถึงขนาดบางคอมเมนต์ บอกว่าให้ “นิชคุณ” กลับประเทศไทยไปเลย ลามเลยตำหนิไปถึงคนไทย ซึ่งคำวิจารณ์เหล่านี้ส่งผลต่อความเครียดทางจิตใจรุนแรงมาก ถึงขนาดที่เขาเก็บตัวอยู่ในหอพักคนเดียวนานร่วมเดือนกว่า จนสมาชิกในวงและผู้จัดการรู้สึกเป็นห่วงและต้องหาหนทางพาตัวเขาออกมาให้ได้ เพราะ “นิชคุณ” รู้สึกกดดันมาก และรู้สึกผิดเพราะต่อสมาชิกคนอื่นในวงเดือดร้อนและรู้สึกผิดต่อคนไทยและประเทศไทยอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ต้องนับว่าโชคดีที่ช่วงนั้น “นิชคุณ” จิตใจเข้มแข็งและสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ จนวันนี้เรายังมีศิลปินไอดอลเชื้อสายไทยในชื่อ “นิชคุณ หรเวชกุล” อยู่กับเรา
# “จูจีฮุน” อดีตเจ้าชายวุ่นวาย ผู้ฆ่าไม่ตาย
“จูจีฮุน” พระเอกหนุ่มมากฝีมือ ซึ่งผลงานล่าสุด ของเขาได้แก่ ‘The Trauma Code: Heroes on Call’ (มีฉายทาง Netfilx นะ) แต่ต้องบอกว่าเรารู้จักชื่อเสียงเขาที่โด่งดังจากซีรีส์ดังเรื่อ “Princess Hours” ซึ่งทำให้กราฟชีวิตของเขาพุ่งสุดๆ ไปเลยตอนนั้น แต่ทว่าราวเมษายน ปี 2552 ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเขาถูกพบเป็นหนึ่ง 15 คนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหาใช้ยาเสพติด ซึ่งทำให้เขาถูกศาลตัดสินจำคุก 6 เดือนโดยรอลงอาญา 1 ปี บำเพ็ญประโยชน์ 120 ชั่วโมง ถูกปรับเป็นเงิน 360,000 วอน และในกุมภาพันธ์ปีถัดมาเขาก็เข้ารับการเกณฑ์ทหาร โดยปลดประจำการในเดือนพฤศจิกายน 2011 เรียกว่าช่วงนั้นตัวเขาได้หายไปจากวงการบันเทิงเป็นเวลานานทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากลับมารับงาอีกครั้งก็พบว่า ถูกแบนจากสถานี KBS และ MBC ซึ่งเป็น 2 สถานีใหญ่สำคัญของเกาหลีใต้เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ลดละที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อ ยังคงพยายามทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งกับบท องค์รัชทายาทในเรื่อง “Kingdom” นั่นเอง และทำให้ประตูวงการบันเทิงเปิดกว้างสำหรับเขาอีกครั้ง
# ท็อป BIGBANG การยืดอกยอมรับผิด สู่เส้นทางบันเทิงบทใหม่
ชเวซึงฮยอน (Choi Seung-hyun) หรือ ท็อป (T.O.P) หนึ่งในสมาชิกวง BIGBANG ให้การรับสารภาพว่า เขาและเด็กฝึกหัดสาวคนหนึ่ง ได้ร่วมกันเสพกัญชา 4 ครั้ง ที่บ้านของเขาในกรุงโซล ซึ่งก่อนหน้านี้ T.O.P ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหามาโดยตลอดและกล่าวว่าตนเพียงแค่สูบบุหรี่ไฟฟ้า และไม่รู้ว่านั่นคือกัญชา มากไปกว่านั้นเขาก็ยังถูกต้องสงสัยพัวพันคดีขนยาเสพติดเข้าประเทศอีกด้วย
จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาได้รับแรงกดดันจากสังคมและบทลงโทษทางกฎหมายอย่างมาก จนทำให้เขาเครียดหนัก และเกิดเหตุการณ์น็อคหมดสติที่บ้านพัก จนถูกนำตัวหามส่งโรงพยาบาลโดยด่วน กระทั่งตรวจพบว่าเขากินยาระงับประสาท ประเภท Benzodiazepine เกินขนาด แต่ก็นำส่งโรงพยาบาลรักษาตัวได้ทันท่วงที ซึ่งต่อมาเขาก็ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เขาเคยคิดจบชีวิตด้วยตัวเองจากคดีดังกล่าว เพราะว่าเป็นช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต ตัวเขารู้สึกผิดมากที่ทำให้คนรอบข้างทั้งครอบครัวและแฟนคลับต้องผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม วันนี้เขากลับมาได้แล้วแต่ประกาศถอนตัวออกจากวง และอาจจะไม่ทำผลงานด้านร้องเพลงอีกแล้ว แต่จะกลับมาสู่วงการบันเทิงด้วยการรับงานแสดง ล่าสุด ฮือฮาอีกครั้งกับบทบาทในซีรีส์ดัง Squid Game Season 2 ทาง Netflix
# อีซอนคยุน นักแสดงออสการ์ กับชีวิตที่ดับสูญ
ย้อนกกลับไปที่ราวเดือนตุลาคมปี 2566 นักแสดงมากความสามารถ “อีซอนคยุน” ซึ่งมีบทบาทสำคัญในหนังและซีรีส์เกาหลีหลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ภาพยนตร์เรื่อง Parasite ที่ไปคว้าออสก้าร์ตัวแรกให้กับวงการบันเทิงเกาหลีได้สำเร็จ เขาถูกพบว่า อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และกำลังอยู่ในระหว่างการถูกสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ยังมีประเด็นเขาอาจถูกโกงเงินจำนวนมากจากผู้จำหน่ายยารายหนึ่งด้วย ซึ่งแน่นอนว่าคดีนี้พัวพันทั้งคดีค้ายาเสพติด คดีเปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย ล้วนแต่เป็นคดีหนักร้ายแรงทางอาญา คดีความเหล่านี้เรียกได้ว่าทำให้เส้นทางบันเทิงของเขาที่กำลังรุ่งโรจน์และอาจไปต่อที่ฮอลลีวู้ดต้องหยุดชะงักแทบจะทันทีเลย
แน่นอว่าสังคมเกาหลีไม่ปล่อยให้คนแบบนี้ได้มีที่ยืน ความเครียดและแรงกกดันนานาต่างทับถมเขาอย่างที่ไม่คาดคิด กระทั่งเวลาผ่านมาประมาณ 3 เดือน ราวปลายเดือนธันวาคมก็มีคนพบศพของ “อีซอนคยุน” เสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้กลางกรุงโซล โดยภายหลังเจ้าหน้าที่พบจดหมายลาตายในบ้านของเขาเอง
# ซอลลี f(x) ศิลปินนักสู้ ที่ขอยอมแพ้
กรณีของ “ซอลลี” อดีตสมาชิกวง f(x) การเสียชีวิตของเธอ อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแซงชั่นทางสังคม แต่เธอคือศิลปินหญิงเกาหลีคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากการถูก Cyberbullying อย่างชัดเจน และสามารถเป็นภาพสะท้อนได้ถึงความกดดันของสังคมเกาหลี
“ซอลลี” คืออดีตนักแสดงเด็ก ที่ดีบิวต์ในวงการบันเทิงอย่างจริงจัง ในฐานะสมาชิก f(x) วงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง แต่เธอก็ได้รับแรงกดดันตั้งแต่นั้นกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไร้ความสามารถ และหน้าตาไม่สวยที่สุดในวง แต่ “ซอลลี” ก็พิสูจน์ตัวเองมาตลอด แต่ก็ยังได้รับแรงกระแทกจากเสียงวิจารณ์นั้นเรื่อยมา
กระทั่งตัดสินใจออกจากวงและหันตัวเองสู่วงการการแสดงแทน พร้อมกับเปิดเผยตัวตนใหม่ที่เป็นตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความเผ็ด ความเปรี้ยวแซ่บ ซึ่งหลายคนก็ชื่นชมการพลิกโฉมใหม่ของเธอจากสาวใสไอดอลสู่นักแสดงผู้พลิกโฉมมากฝีมือ ทว่า ด้วยพฤติกรรมที่ค่อนข้างหัวขบถและแตกต่างจากพิมพ์นิยมของศิลปินเกาหลีทั่วไป ที่ต้องเรียบร้อยอยู่ในกรอบ เธอถึงขนาดกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต การถูกกลั่นแกล้งในโลกออนไลน์ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับคนรัก ซึ่งทำให้เป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่กล้าพูดเรื่องสิทธิสตรีอย่างเปิดเผย แต่นั่นก็ทำให้สังคมเกาหลีที่เป็นปิตาธิปไตยรับไม่ได้ ชาวเน็ตไม่ปราณีเธออีกครั้ง และเป็นสาเหตุทำให้เธอตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองลง เมื่อ 14 ตุลาคม 2562
และนอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีศิลปินและดาราเกาหลีอีกมากที่หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิง เพราะกระทำความผิด ซึ่งบางคนก็โดนข้อหาในคดีร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็น การใช้ยาเสพติด การค้ายา หรือแม้แต่การค้ามนุษย์เลยก็มี แต่ในบางคนก็เป็นเพียงเมาแล้วขับ หรือถูกจับจากเสพกัญชา ซึ่งบางประเทศถือเป็นสารเสพติดที่ไม่ผิดกฎหมายด้วยซ้ำ
ซึ่งความผิดต่างๆ นี้ ส่วนใหญ่เป็นที่จับจ้องของสังคมเกาหลี และมักได้รับคำวิจารณ์ต่างๆ มากมาย ซึ่งทั่วโลกต่างขนานนามว่า ชาวเน็ตเกาหลีคีย์บอร์ดค่อนข้างโหดร้ายกับศิลปินอย่างมากเลย จนแทบจะเรียกว่า ล้มแล้วลุก (ได้) ยาก ซึ่งหากคุณจิตใจเข้มแข็งพอก็สามารถก้าวผ่านมันไปได้ ซึ่งมีหลายคนก็ทำได้ แต่บางคนก็ทำไม่ได้ ซึ่งบางคนถึงขั้นจบชีวิตตัวเองลงเลยก็มี ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของความโหดในอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีกระฉ่อนมากขึ้น
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีคนโหยหาที่จะกระโจนลงมามากเช่นกัน เพราะมันคือโอกาสสำคัญ ที่จะทำให้คุณก้าวสู่วงการระดับโลกได้ง่ายกว่าในประเทศอื่น!!
มาตรการแซงชัน ควรใช้ลงโทษคนดังในวงการบันเทิงไทย หรือไม่?
สิ่งเหล่านี้ในอดีตครั้งหนึ่งวงการบันเทิงไทยก็เคยถูกตั้งคำถามเช่นกันว่า ควรมีบทลงโทษเช่นนี้บ้างหรือไม่กับคนดังไทย เพราะดูเหมือนว่าจะได้ผลมากกว่าบทลงโทษทางกฎหมาย และทำให้เหล่าคนดังหวั่นเกรงมากกว่าผลทางกฎหมาย เพราะมีผลต่ออาชีพชื่อเสียงและการงานในอนาคตด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสิ่งนี้อาจจะหนักไปสำหรับสังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมที่ค่อนข้างขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจกันมากกว่าเกาหลี และเป็นสังคมที่มักให้โอกาสที่ 2 แก่ผู้คนอยู่บ่อยๆ ทำให้เราจะเห็นว่าไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย
แล้วคุณล่ะเห็นว่าอย่างไร มันเหมาะสมแล้ว หรือมากเกินไป?