เห็นทีว่าช่วงนี้น่าจะเป็นขาลงจริงๆ ของเหล่าสินค้า luxury ต่างๆ หนึ่งในนั้นที่กำลังเผชิญภาวะไม่สมดุลของตลาดล่าสุด ก็คือ ‘วิคตอเรีย ซีเคร็ต’ (Victoria’s Secret) แบรนด์ชุดชั้นในสุดหรูของสหรัฐอเมริกา ที่บริษัท L Brands บริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นในสุดเซ็กซี่รายนี้ ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2020 (สิ้นสุด ณ วันที่ 2 พ.ค.) ว่ามียอดขายสุทธิลดลง 37% อยู่ที่ 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทำยอดขายได้ 2.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในคำประกาศของ L Brands เปิดเผยว่า บริษัทได้ขาดทุนไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ยอดขายก็ลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 ด้วย โดยมีสาเหตุหลักๆ มาจากการระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นสถานการณ์บังคับให้เกือบทุกร้านทุกสาขาต้องปิดให้บริการเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ ยังชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบในไตรมาสแรก ดังนี้
กำไรต่อหุ้นปรับ : ขาดทุน 99 เซนต์
รายได้ : 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 52,520 ล้านบาท)
แม้ว่ารายได้ของ Bath & Body Works อีกหนึ่งบริษัทภายใต้เครือ L Brands จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 41% เพราะดีมานด์ความต้องการใช้สบู่และน้ำยาฆ่าเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่สูญเสียโดยรวมได้ เพราะ Victoria’s Secret ขาดทุนต่อเนื่องมากเกินไป
ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจปิดร้านค้าในบางสาขาที่ไม่ทำกำไร ภายในปี 2020 ทั้งหมด 250 สาขาในสหรัฐฯ และแคนาดาอย่างถาวร จากทั้งหมด 1,091 สาขาใน 2 ประเทศ
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน มีรายงานข่าวว่า บริษัท L Brands ได้ขายหุ้น 55% ให้กับบริษัท Sycamore Partners ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการลงทุน มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก ด้วยมูลค่า 525 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า Sycamore Partners มีส่วนที่จะเข้ามาพลิกฟื้นแบรนด์ Victoria’s Secret ในช่วงที่เกิดวิกฤตนี้ และอาจจะต้องจับตามองการเปลี่ยนแปลงของ position ของแบรนด์หรูนี้ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
ที่มา : cnbc, businessinsider, investors.lb