SMS Marketing ถือเป็นเครื่องมือการตลาดดิจิทัลในยุคต้น ๆ ที่เราได้ยินมานาน แต่ด้วยการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง ราคาไม่แพง สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายรูปแบบตามโจทย์ธุรกิจที่วางไว้ และสามารถวัดผลได้ ทำให้ SMS Marketing ยังเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพอยู่
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า SMS Marketing มานานเกินกว่า 20 ปี จนอาจเกิดความสงสัยว่า เครื่องมือการตลาดดิจิทัลตัวนี้ out of date หรือตกยุคไปแล้วหรือไม่ เพราะมีมานานและช่วงหลัง ๆ เองดูเหมือนเราจะได้รับ SMS น้อยลงไป
คำตอบ คือ ไม่ เพราะหากเจาะลงไปในรายละเอียดจะพบว่า จำนวนการใช้ SMS ที่ลดลงเป็นการใช้แบบ P to P (Personal to Personal) ยกตัวอย่างเช่น คนส่ง SMS อวยพรช่วงปีใหม่ ซึ่งตอนนี้เทรนด์นี้หายไปแล้ว เนื่องจากคนส่วนใหญ่หันไปส่งผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิ Line เฟสบุ๊ค เป็นต้น
ขณะที่การส่งแบบ A to P (Appication to Personal) ยังมีการเติบโต โดยเมื่อดูภาพรวมจากข้อมูลในระดับโกลบอลพบว่า มีการเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ส่วนในไทยจากการศึกษาของ AIS พบว่า ปี 2562 ต่อเนื่องถึงปี 2563 SMS โตขึ้น 23% หากเจาะลงไปเฉพาะแบรนด์ส่งถึงลูกค้ามีมากกว่า 6 พันล้านข้อความต่อปี
SMS Marketing คืออะไร
SMS Marketing เป็นการทำการตลาดโดยผ่านระบบการสื่อสารออนไลน์ในรูปแบบข้อความสั้นที่ส่งผ่านโทรศัพท์มือถือ
แล้วทำไม SMS ยังเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตทั้ง ๆ ที่ตอนนี้มีเครื่องมือการตลาดดิจิทัลเกิดขึ้นใหม่มาเป็นทางเลือกมากมาย
เหตุผลก็เพราะว่า SMS Marketing ถูกนำไปใช้หลากหลายรูปแบบ อาทิ เป็นช่องทางสื่อสารข้อมูลข่าวสารการประชาสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า , การทำแคมเปญโปโมชั่นต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุคนี้ที่มีการทำธุรกรรมทางออนไลน์มากขึ้น SMS ได้ถูกนำไปใช้เพื่อคอนเฟิร์มทรานเซคชั่น ส่ง OTP (One Time Password)จากธนาคาร รวมไปถึง Member ship ต่าง ๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังสามารถส่งถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงผ่านทางมือถือ , ราคาไม่แพง และสามารถวัดผลได้
SMS Marketing มีกี่รูปแบบ
เมื่อพูดถึง SMS Marketing คนส่วนใหญ่จะนึกถึงภาพของข้อความสั้นเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว การทำการตลาดดังกล่าวมีด้วยกัน 3 รูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีการใช้แตกต่างกันได้ ได้แก่
1.ในรูปแบบข้อความสั้น โดยในแต่ละข้อความ
-ข้อความภาษาอังกฤษตัวอักษรต้องไม่เกิน 160 ตัวอักษรต่อข้อความ
-ข้อความภาษาไทยผสมภาษาอังกฤษต้องไม่เกิน 70 ตัวอักษรต่อข้อความ
ในบางแบรนด์มีการจำกัดความยาว แล้วแปะลิงก์เข้าไป เพื่อเห็นรูปหรือรายละเอียดมากขึ้น โดยวัตถุประสงค์ คือ จำกัดความยาวข้อความ และสามารถวัดผลได้ (เราจะมาพูดถึงอีกครั้งในวิธีวัดผล)
2.รูปแบบ MMS มีภาพหรือวีดีโอ ขนาดส่งไม่เกิน 500 KB การทำในลักษณะนี้เหมือนอีเมล์ย่อย ๆ ที่มี subject ใส่ภาพ ใส่คลิป ใส่ข้อความได้ ซึ่งจากการวัดผลพบว่า ทำให้มี convention rate เพิ่มขึ้น 30%
3.USSD การกดรหัส ดอกจันตามด้วยตัวเลข เช่น ข้อความการกดเป็นแคมเปญ , กดรหัสชาเขียว ฯลฯ ดอกจันตัวแรกจนถึงสี่เหลี่ยม ประมาณ 40 ตัวเลข และวิธีนี้ถือว่า ง่ายที่สุดสำหรับลูกค้า คือ กดอย่างเดียว
ข้อดีของ SMS Marketing
-เป็นสื่อหรือช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งตอนนี้ต้องยอมรับว่า มือถืออยู่ติดตัวผู้บริโภคแทบตลอดเวลา จนเรียกได้ว่า กลายเป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกายไปแล้ว
-เมื่อเทียบกับช่องทางดิจิทัลอื่น ๆ SMS มี Open rate สูงกว่า ผู้บริโภคมอง SMS เป็นเรื่องเร่งด่วน และจะเปิดดูเร็วกว่าสื่อดิจิทัลอื่น ๆ โดยผลวิจัยพบว่า คน 98% จะสนใจดู และจะเปิดอ่านภายในไม่เกิน 10 นาที
-ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะถูกกว่ากลยุทธ์การตลาดอย่างอื่น และมีประสิทธิภาพสูง โดยมี Click rate ขั้นต่ำอยู่ที่ 3% สูงสุด 25% ซึ่งเมื่อเทียบกับช่องทางดิจิทัลอื่นส่วนใหญ่ Click rate สูงสุดจะอยู่ไม่เกินหนึ่งดิจิ
-ตัว SMS จะอยู่ใน Inbox ทำให้ลูกค้าสามารถกลับมาดูย้อนหลังได้แบบไม่ต้องค้นหาให้ยุ่งยาก ต่างจาก Email หรือ facebook ที่เมื่อเลื่อนไปแล้ว อาจหายไป หรือต้องใช้เวลาในการค้นหา
-จากการกำกับของ กทสช. ที่เข้มงวดขึ้น ทั้งการให้กดยกเลิกหากไม่ต้องการรับ และการคัดกรองคุณภาพของ SMS แบบสูงขึ้น คือ การส่งจะต้องมี Sender Name ชื่อของผู้ส่งว่าเป็นใคร มีตัวตนจริงหรือไม่ ต้องการใช้งานที่ถูกต้องเหมาะสม มีการคัดกรองการใช้คำที่สุ่มเสี่ยง ทำให้ SMS ที่ส่งไปมีคุณภาพมากขึ้น
-วัดประสิทธิภาพของการตลาดได้ทันที เพราะมีการตอบกลับได้ ช่วยในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดี
นี่เป็นเพียงทริคเริ่มต้นเท่านั้น เรายังมีข้อมูลน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับการทำ SMS Marketing รวมถึงการลงลึกในการใช้ว่า ทำอย่างไรถึงให้กลายเป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพ สามารถวัดผลได้อย่างไร พร้อมกับจะมาอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการทำ SMS Marketing ให้เวิร์คมากกว่าเดิมด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก Ais For Business
