ต่อจากกระแส “ไข่มุก” ยอดฮิต ก็เห็นจะเป็นเทรนด์ “ไข่เค็ม” ฟีเวอร์ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน…ตอนนี้ก็เจอแต่สารพัดเมนูที่ใช้ไข่เค็มเข้ามาเป็นวัตถุดิบทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่อาหารคาวหรือขนมหวานปรุงใหม่จานต่อจาน แต่ขนมขบเคี้ยวก็คึกคักกับการนำไข่เค็มมาเป็นส่วนผสมเช่นกัน
ไม่เว้นแม้แต่ “เถ้าแก่น้อย” ก็ลุกขึ้นมาแตกไลน์แบรนด์และสินค้าใหม่สู่ตลาด แถมพ่วงด้วยส่วนประกอบสุดฮิตอย่างไข่เค็ม โดยประเดิมด้วยแบรนด์น้องใหม่ในชื่อ “ทินเท็น” พร้อมเปิดตัวปลาหมึกแผ่นไข่เค็มออกสู่ตลาดเป็นรายแรกในประเทศไทย
ตลาดขนมขบเคี้ยว…ขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาล!
มูลค่าตลาดขนมขบเคี้ยว (สแน็ค) สูงถึง 37,236 ล้านบาท เติบโตราว 5.8%
โดยแบ่งออกเป็น 9 กลุ่ม ได้แก่…
กลุ่มมันฝรั่ง มีมูลค่าตลาด 11,992 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 32.2%
กลุ่มขนมขึ้นรูป มีมูลค่าตลาด 10,206 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 27.4%
กลุ่มถั่ว มีมูลค่าตลาด 4,562 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12.3%
กลุ่มสาหร่ายปรุงรส มีมูลค่าตลาด 3,032 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8.1%
กลุ่มปลา มีมูลค่าตลาด 2,865 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.7%
กลุ่มปลาหมึก มีมูลค่าตลาด 1,693 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4.5%
กลุ่มข้าวเกรียบกุ้ง มีมูลค่าตลาด 1,333 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.6%
กลุ่มข้าวอบกรอบ มีมูลค่าตลาด 1,299 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.5%
และ กลุ่มผลิตภัณฑ์จากข้าวโพด มีมูลค่าตลาด 255 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.7%
เปิดตัว “ทินเท็น” ย้ำเป้าหมายบริษัทนวัตกรรมอาหาร
คุณอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN อธิบายทิศทางของธุรกิจว่า บริษัทวางเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมอาหารนำความสุขสู่ผู้บริโภคทั่วโลก ทำให้มุ่งพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมและนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “เถ้าแก่น้อย ทินเท็น” (Tinten) ขนมขบเคี้ยวปลาหมึกไข่เค็ม (Cuttlefish) ภายใต้สโลแกนหมึกเต็มแผ่น ไข่เค็มเต็มคำ ที่ปรุงแต่งซอสไข่เค็มเป็นรายแรกของประเทศไทย ทำให้มีรสชาติเข้มข้น หอม อร่อย สร้างความแตกต่างจากสแน็คปลาหมึกที่วางจำหน่ายอยู่ทั่วไป ทั้งยังมีเถ้าแก่น้อยทินเท็น โรล (Tinten Roll) ปลาม้วนปรุงรส รสหมึกย่าง โดยทั้ง 2 รูปแบบมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น และกลุ่มคนเริ่มทำงานที่ต้องการขนมขบเคี้ยวที่มีความอร่อยแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
“โดยบริษัทตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งตลาด 10% ภายในระยะเวลา 2 ปี ขณะที่ตลาดสแน็คประเภทปลาหมึกในปีที่ผ่านมาก็ยังคงมีแนวโน้มเติบโต ราว 2.2%”
ใช้ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง ดึง “BNK48” เรียกคะแนนคนรุ่นใหม่
ส่วนกลยุทธ์การทำตลาด เถ้าแก่น้อยใช้งบประมาณกว่า 25 ล้านบาท สำหรับทำตลาดแบบ 360 องศา เพื่อสร้างการรับรู้ในทุกช่องทางผ่านกลยุทธ์ “ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง” โดยมีศิลปิน BNK48 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ได้แก่ วี, จูเน่, ฟ้อนด์, มายยู, นิว และมิวนิค เป็นพรีเซนเตอร์ พร้อมทำ TVC ชุดหมึกไข่เค็ม ถ่ายทอดโดย 6 สาว BNK48 และเพลงประกอบโฆษณาที่แต่งขึ้นใหม่เพื่อสร้างการรับรู้และตอกย้ำการจดจำในแบรนด์ ซึ่งเริ่มออกอากาศตั้งแต่เดือนมีนาคม ผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งออนไลน์ บิลบอร์ด และสื่อ ณ จุดขาย รวมถึงจัดกิจกรรม Fanmeet Tinten พร้อมด้วยกิจกรรม Special Packaging BNK48 Limited Edition ให้สะสมถึง 6 แบบอีกด้วย