ไม่นานมานี้ Facebook โซเชียลมีเดียยอดฮิตถูกโจมตีอย่างหนักเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งผู้บริหาร Mark Zuckerberg ก็ได้ออกมายอมรับแต่โดยดีพร้อมปรับปรุงแก้ไข แต่ดูเหมือนในปีนี้โชคจะไม่เข้าข้างเขา เพราะล่าสุด Facebook ถูกแฮกเกอร์เจาะข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคนผ่านช่องโหว่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นข่าวใหญ่โต โดยแฮกเกอร์ได้ขโมย “access tokens,” เบื้องต้นได้ปิดช่องโหว่โดยการล็อกเอาท์ระบบกว่า 90 ล้านคน
ต่อมาได้เกิดการตั้งคำถามจากแอปพลิเคชันและเว็บไซต์จำนวนหลายร้อย ซึ่งมีสามแอปชื่อดังได้แก่ Tinder, Airbnb และ Spotify มีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้บริการที่ล็อกอินใช้งานผ่าน Facebook ซึ่งผู้ใช้งานที่ต้องการใช้บริการแอปต่างๆ จะรู้ดีว่า การเข้าถึงจำเป็นต้องยืนยันข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Single Sign-On หรือ SSO
โดยโฆษกของแอพพลิเคชั่น Tinder เสนอให้ Facebook สร้างความโปร่งใสเกี่ยวกับผู้ใช้ Tinder ที่อาจได้รับผลกระทบ และควรเตรียมคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับนักพัฒนาแอป
โฆษกของแอพพลิเคชั่น Tinder กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าเฟสบุ๊คได้แบ่งปันเฉพาะข้อมูลที่ จำกัด และเรียกร้องให้ Facebook เป็น “โปร่งใส” เกี่ยวกับผู้ใช้ Tinder ที่อาจได้รับผลกระทบ ในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Facebook กล่าวว่ากำลังเตรียมคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับนักพัฒนาแอป ฝั่งเว็บไซต์ Pinterest ได้ของเข้าร่วมตรวจสอบเรื่องดังกล่าวร่วมกับ Facebook อย่างใกล้ชิดเพื่อตรวจสอบว่าได้รับผลกระทบหรือไม่ ด้าน Spotify กล่าวว่าจะรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างจริงจัง และเตรียมให้สามารถอัปเดตรหัสผ่านใน Spotify อีกด้วย
อย่างไรก็ตามอFacebook ได้ออกมายืนยันเบื้องต้นแล้วว่าไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่าเข้าถึงแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ดังกล่าว แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ชัวร์ที่สุด สำหรับผู้ใช้ที่มีความเสี่ยงสูงมักจะเป็นบุคคลที่ใช้งานล็อกอินแบบจำรหัสระยะยาว ซึ่งขอแนะนำว่าควรออกจากระบบทุกครั้งที่ไม่ใช้งาน
“เราเสียใจที่การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นและเราจะปรับปรุงต่อไป โดยในขณะที่เราหาข้อมูลเพิ่มเติม” เจ้าหน้าที่ของ Facebook กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : edition.cnn.com/facebook-hack-tinder-pinterest, edition.cnn.com/facebook-hack-third-party