ความหวาดกลัวของผู้คนในประเทศไทยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 เพิ่มทวีคูณอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา เหตุเพราะการกลับของ ‘ผีน้อย’ หรือ กลุ่มแรงงานผิดกฎหมายที่ลักลอบเข้าไปทำงานในต่างประเทศ
อันที่จริงจำนวนผีน้อยในล็อตแรกที่กลับมาจากเกาหลีใต้ ต้องเริ่มนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2562 จนถึง 1 มี.ค. 2563 โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยืนยันว่า มีแรงงานคนไทยไปรายงานตัวแล้วกว่า 5,248 คน ซึ่งสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจไม่ได้อยู่ตรงที่จำนวนตัวเลขของผีน้อยที่กลับมาดินแดนไทยเท่านั้น แต่ ‘พฤติกรรมผีน้อย’ บางคน กำลังทำให้โลกโซเชียลร้อนผ่าวกันเป็นแถวๆ
เหตุเพราะว่า ผีน้อยบางรายไม่ยอมกักตัวเองอยู่แต่ในบ้าน 14 วัน ตามคำประกาศของรัฐบาลไทย ทั้งยังออกมาใช้ชีวิตปกติ จนไปสร้างความเดือดร้อนให้กับร้านค้าและห้างสรรพสินค้าเมื่อช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กระแสในทวีตเตอร์จากหลายๆ รายได้รวบรวมเหตุการณ์ ‘ผีน้อยทั่วไทย’ ที่สร้างผลกรทบต่อร้านค้าแล้ว และยังคงเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้ ไล่มาตั้งแต่
-
ผีน้อยเชียงราย ที่ออกไปกินหมูกระทะกับครอบครัวในวันเดียวกันที่กลับจากเกาหลีใต้
-
ผีน้อยเชียงใหม่ ที่ไปคาเฟ่ กินหม่าล่า
-
ผีน้อยที่อำเภอจอมทอง (เชียงใหม่) ที่ไปร้านคาเฟ่สังสรรค์กับเพื่อน
-
ผีน้อยกรุงเทพฯ ไปเดินเที่ยวช้อปปิ้งที่สำเพ็ง ไปธนาคารแห่งหนึ่งที่เดอะมอลล์บางกะปิ
-
ผีน้อยกรุงเทพฯ ไปทาน MK restaurant สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
-
ผีน้อยภูเก็ต ที่ไปทานอาหารทะเล
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นตามที่มีรายงานข่าว แต่ก็ยังมีอีกหลายกระแสบนโลกโซเชียลเกี่ยวกับการระบาดของผีน้อยทั่วไทย ที่กำลังรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยืนยันเป็นลำดับต่อไป
ทั้งนี้ มีหลายร้านค้าที่ได้รับความเสียหายตกที่นั่งลำบาก หลังผีน้อยบางรายเข้ามาใช้บริการ จนทำให้ธุรกิจในสาขานั้นๆ ต้องปิดร้านชั่วคราว เพื่อเร่งทำความสะอาดอย่างหนัก และกอบกู้ความเชื่อมั่นจากลูกค้าให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ที่ประกาศปิดร้านเพื่อ big cleaning day, ร้านขายหม่าล่าแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่, ไนท์คลับชื่อดังในเชียงใหม่ก็ปิดร้านเพื่อทำความสะอาดเช่นกัน จนไปถึง MK restaurant สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ที่ปิดให้บริการ 1 วัน พร้อมให้พนักงานที่ให้บริการลูกค้าในวันนั้นพักดูอาการอยู่บ้าน 14 วัน (โดยที่ได้รับค่าจ้างตามปกติ)
ล่าสุด ‘เซนทรัล’ ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ประกาศเฝ้าระวังและคุมเข้มมาตรการอย่างเต็มที่ ด้วยการเช็ดทำความสะอาดทุกๆ ครึ่งชั่วโมง และตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานทุกคนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ ทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศเพื่อความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและผู้มาใช้บริการภายในศูนย์การค้าทุกคน
พร้อมระบุว่า “สำหรับกรณีบุคคลที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงมาใช้บริการที่สาขาปิ่นเกล้าและลาดพร้าวนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า ทั้ง 2 สาขาได้มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทันทีภายในคืนที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ซ้ำอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ได้มีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไปแล้วในวันที่ 2 และ 3 มี.ค. 2563”
ขณะที่ ‘เดอะมอลล์กรุ๊ป’ ได้ออกมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดการติดเชื้อไวรัส Covid-19 อย่างใกล้ชิด ควบคู่กับมาตรการการป้องกันขั้นสูงสุดตามมาตรฐานสุขอนามัยของกระทรวงสาธารณสุข พร้อมระบุว่า “กรณีที่มีผู้ที่กลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงและหลีกเลี่ยงเฝ้าระวังอาการ 14 วัน มาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์บางแค บริษัทฯ ได้มีการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อและการทำความสะอาดใหญ่ในคืนวันที่ 5 มี.ค.ที่ผานมาเพิ่มเติมทันที นอกเหนือจากแนวทางการฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชิงรุกขั้นสูงสุดที่ดำเนินการเป็นประจำทุกวัน”
“สำหรับร้านค้าที่กลุ่มเสี่ยงเข้าไปใช้บริการ จะทำการปิดทำการเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 – 8 มี.ค. 2653 เพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค รวมทั้งให้พนักงานร้านค้าเฝ้าระวังอาการในที่พักเป็นเวลา 14 วัน”
จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดนับวันยิ่งหนักขึ้นแบบนี้ เรามาลองดูกันสิว่า ในปัจจุบันมีประเทศอะไรบ้างที่แรงงานคนไทยมักจะเดินทางไปทำงาน และมีกี่ประเทศที่อยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยงจากไวรัส Covid-19 บ้าง ข้อมูลจาก สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า มี 5 ประเทศที่แรงงานไทยเดินทางเข้าไปทำงานมากที่สุด (แบบถูกกฎหมาย) ได้แก่ 1.ไต้หวัน 2. อิสราเอล 3. เกาหลีใต้ 4. ญี่ปุ่น และ 5. มาเลเซีย ซึ่งมีถึง 3 ประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมีการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 รุนแรง