“Startup” อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องใหม่โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะถ้าใครคุ้นเคยหรือได้ยินชื่อแบรนด์ดังๆ อย่าง ไมโครซอฟท์แอปเปิ้ล กูเกิล เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือแม้แต่ผู้ผลิตเกมดังสุดฮิตแองกี้ เบิร์ดอย่างโรวิโอ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเริ่มต้นมาจากการเป็น Startup ทั้งสิ้น ซึ่งในประเทศไทยเองเทรนด์ของบริษัทไอทีหน้าใหม่หรือ Startup นี้ก็กำลังได้รับความสนใจมาตลอดในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาพร้อมกับการช่วยผลักดันจากหลายๆ ฝ่ายทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ และจากข้อมูลของ ADMA Digital Marketing Yearbook 2012 ก็ได้อ้างว่า ในอีกไม่นานประเทศไทยมีแนวโน้มสูงมากที่จะกลายเป็นศูนย์กลางของ Startup ในภูมิภาคอีกด้วย
“Volevi” บริษัทไอทีน้องใหม่ที่ประกอบด้วยผู้บริการ 3 คน ได้แก่ ปุญญ์ จตุรพิตร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ นวพล งามวรโรจน์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี และเกริกชัย ตั้งตระกูลธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดดเด่นในด้านการพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่นระบบปฏิบัติการหลักคือวินโดว์โฟน และวินโดว์ 8 รวมไปถึง iOS และแอนดรอยด์ด้วยเช่นกัน โดยมีผลงานแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจอย่าง Travel Thailand, Thai TV3 หรือครอบครัวข่าว 3 เป็นต้น ซึ่งนับได้ว่า Volevi เป็นหนึ่งใน Startup ของเมืองไทยที่เติบโตได้โดยมีผู้ใหญ่ใจดีอย่างไมโครซอฟท์มาให้การสนับสนุนและช่วยผลักดันอย่างจริงจังด้วยนั่นเอง
เนื่องจากไมโครซอฟท์เองได้มีโครงการต่างๆ เช่น ดรีมสปาร์คสำหรับนักเรียนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่มีการซื้อโปรแกรมของไมโครซอฟท์แบบ Volume Licensing ซึ่งนักศึกษาก็สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เหล่านั้นไปใช้ได้ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่ หรือหลังจากที่นักศึกษาเรียนจบออกมาแล้วต้องการตั้งบริษัทแต่ไม่มีเงินทุน ไมโครซอฟท์ก็จะมีโครงการบิซสปาร์คที่คอยซัพพอร์ต เพราะมีโปรแกรม มีเครื่องมือ หรือเซอร์วิสต่างๆ ให้ได้ใช้ฟรี ตลอดจนโครงการอื่นๆ อย่าง อิมเมจิ้น คัพ ที่จัดเป็นประจำทุกปี โดยให้นักเรีนนักศึกษาเข้าร่วมนำเสนอผลงานตามโจทย์ที่กำหนดให้ในแต่ละปี โดยการสร้างสรรค์ออกมาเป็นแอพพลิเคชั่นหรือซอฟต์แวร์นั่นเอง
ก่อนจะมาเป็น “Volevi”
ปุญญ์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Volevi เล่าให้ฟังว่า เริ่มต้นมาจากการได้ฝึกงานที่ไมโครซอฟท์ อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ เมื่อตอนที่เรียนชั้นปีที่ 3 ซึ่งในขณะนั้นก็เริ่มมีประสบการณ์และความรู้ในการทดลองพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนระบบปฏิบัติการวินโดว์โฟน จึงทำให้ได้รู้จักวินโดว์โฟนอย่างลึกซึ้ง ได้รู้ถึงจุดเด่นของวินโดว์โฟนว่ามีข้อดีหรือมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง และสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อไปนำเสนอให้กับลูกค้าได้อย่างไรด้วยเช่นกัน
“ตอนที่กลับมาเรียนชั้นปี 4 ก็คุยกับเพื่อนๆ ว่าเราน่าจะมาทำอะไรแบบนี้กัน เพราะที่คณะเรายังไม่มี ก็เลยมาตั้งทีม ตั้งกลุ่มกันทำแอพพลิเคชั่น และเราก็ได้ไปงานอีเวนท์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับโมบายดีเวลลอปเปอร์ เราก็ได้เจอกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือ ททท. จึงสอบถามถึงแพลนที่จะทำแอพพลิเคชั่นของ ททท. บนระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟนว่ามีบ้างหรือไม่ ซึ่งก็ตรงกับจังหวะที่ ททท. เองก็มีความสนใจด้วยเช่นกัน จึงยินดีให้เราทดลองทำแอพพลิเคชั่นขึ้นมาปัจจุบันก็คือแอพพลิเคชั่น Travel Thailand” ปุญญ์ กล่าว
เริ่มก่อตั้งบริษัท ขณะที่ยังศึกษาอยู่
ปุญญ์ เล่าต่อว่า ได้ร่วมกับเพื่อนๆ เพื่อก่อตั้งบริษัทขึ้นมาตอนที่พัฒนาแอพพลิเคชั่น Travel Thailandให้กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยเหตุผลที่ต้องการเปิดบริษัทก็คือเพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจให้กับบริษัทที่เป็นลูกค้าทั้งที่เป็นบริษัทใหญ่ หรือรัฐวิสาหกิจ อีกทั้งยังต้องการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นที่ดีและมีประโยชน์กับผู้ใช้งาน เพื่อช่วยผลักดันให้ระบบปฏิบัติการวินโดว์โฟนเติบโตได้เทียบเท่ากับ iOS และแอนดรอยด์ที่มีอยู่ในตลาด
“ผมกับเพื่อนๆ ที่คณะได้เริ่มลองทำแอพพลิเคชั่นบนวินโดว์โฟนประมาณหนึ่งปีก่อนที่จะมาเปิดบริษัท และโปรเจคแรกของเราคือแอพพลิเคชั่น Travel Thailand ที่ทำกับ ททท. ก็เหมือนกับ Travel Book แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และหลังจากนั้นเราก็ได้คุยกับช่อง 3 เขาก็มีความสนใจ เพราะช่อง 3 เองก็มีแพลนที่จะทำแอพพลิเคชั่นลงบนแพลตฟอร์มบนวินโดวส์โฟนด้วยเช่นกัน เขาก็เลยให้เราทำแอพพลิเคชั่นครอบครัวข่าว 3 กับ Thai TV3 และเราเองก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากโครงการบิซสปาร์คชองไมโครซอฟท์ เนื่องการก่อตั้งบริษัทจะต้องมีเงินทุน ในการลงทุนทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ สถานที่ หรืออื่นๆ ที่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะซอฟต์แวร์หรือการตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีราคาค่อนข้างแพง แต่เราสามารถใช้สิ่งเหล่านั้นได้ฟรีทั้งหมดจากโครงการบิซสปาร์ค” ปุญญ์ กล่าว
มองโอกาส ชี้ช่องทางให้ลูกค้า
เมื่อถามว่าอะไรคือโอกาสในการเติบโตที่ลูกค้าควรจะมาลงทุนบนระบบปฏิบัติการวินโดว์โฟน ปุญญ์ อธิบายว่า เพราะมีความเชื่อมั่นในแพลตฟอร์มของวินโดว์โฟน จึงสามารถอธิบายให้ลูกค้าเห็นภาพถึงการเติบโตในอนาคตได้ และในขณะที่บางบริษัทอาจจะมีความต้องการในการทำแอพพลิเคชั่นของตนเองให้ครบทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งในปัจจุบันในส่วนของแบล็คเบอร์รี่นั้นก็อาจจะได้รับความนิยมลดลงไป จึงสามารถตัดความสนใจตรงจุดนี้เพื่อนำไปพัฒนาลงบนแพลตฟอร์มใหม่ๆ แทนได้
“อาจมีลูกค้าหลายรายมีคำถามเกิดขึ้นในใจ เพราะว่าปัจจุบันยังมีผู้ใช้วินโดว์โฟนไม่มาก เมื่อถ้าเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ แต่เราก็ต้องพยายามสื่อให้เข้าใจว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะกราฟของวินโดว์โฟนก็กำลังขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่แพลตฟอร์มอย่างแบล็กเบอร์รี่กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งลูกค้าหลายรายที่ต้องการทำแอพพลิเคชั่นให้ครบทุกแพลตฟอร์ม เราก็ได้นำเสนอวินโดว์โฟนเข้าไปแล้วเขาก็มีความสนใจเหมือนกัน เราก็เลยได้โอกาสไปด้วย และถึงแม้ว่าเราจะเน้นหนักไปทางด้านวินโดว์โฟนเป็นหลัก แต่พอเราเริ่มทำลูกค้าก็เริ่มเห็นคุณภาพของเรา จึงอยากให้เราทำแอพพลิเคชั่นให้ทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งเขาอาจจะมีรายเก่าที่เคยทำแพลตฟอร์มอื่นให้อยู่ แต่เขาชอบของเรามากกว่าก็เลยให้เราทำแทน เพราะเราก็สามารถทำได้หมดทุกแพลตฟอร์ม”ปุญญ์ กล่าว
ขณะที่นวพล กล่าวเสริมว่า “ในระหว่างนั้นอาจจะอยู่ในช่วงที่วินโดว์ 8 กำลังเปิดตัวพอดี เราก็เลยนำเสนอให้ลูกค้าได้ว่า วินโดว์โฟน 8 กับวินโดว์ 8 สามารถแชร์คอร์กันได้ในด้านเทคนิค ความหมายคือถ้าบริษัทต้องการลงทุนในการพัฒนาแอพพลิชั่นจะไม่ต้องใช้งบ 2 เท่า คือจะใช้งบลงทุนน้อยลงในการที่จะสร้างแอพพลิเคชั่นได้ครบทั้งมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์”
คิดให้ได้ พร้อมเครื่องมือดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
นอกจากแอพพลิเคชั่นอย่าง Travel Thailand, Thai TV3 หรือครอบครัวข่าว 3 ดังที่กล่าวมาแล้ว Volevi ยังมีแอพพลิเคชั่นอื่นที่ได้รับความนิยมไปไกลในต่างประเทศ นั่นคือแอพพลิเคชั่นประเภทแต่งตัวการ์ตูนที่ชื่อว่า “Me” ซึ่งเคยขึ้นถึงอันดับ 4 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา และในปัจจุบันก็กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศจีน โดยปัจจัยหลักอย่างโซลูชั่นทางด้านไอทีก็นับว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
“เราได้ใช้ประโยชน์จากโครงการบิซสปาร์คของไมโครซอฟต์ตรงนั้นเอย่างเต็มที่มาก เช่น มีบริการฟรีคลาวด์ เซอร์วิสอยู่ในบิซปาร์คอย่างวินโดว์ อาชัวร์ เราก็ได้นำมาใช้ในแอพพลิเคชั่น Me ของเรา จนทำให้ตอนนี้แอพพลิเคชั่นก็ได้เรตติ้ง 5 ดาวอยู่ที่เมืองจีน นอกจากนี้เราก็สามารถรันเซอร์วิสต่างๆ ที่อยู่บนวินโดว์โฟน อย่างเช่น In-App Purchases ก็สามารถรันขึ้นไปบนคลาวด์ เซอร์วิสของไมโครซอฟท์ได้ ซึ่งฟีเจอร์ตัวนี้ก็จะทำให้ผู้ใช้งานเพิ่มความสามารถในแอพพลิชั่นโดยการซื้อของเพิ่มเติมได้” ปุญญ์ กล่าวและเสริมว่า
“ทูลอื่นๆ ของไมโครซอฟท์ ที่เราก็สามารถใช้ได้ฟรีทั้งหมดที่อยู่ในโครงการบิซสปาร์ค เช่น Virtual Studio เวอร์ชั่น Ultimate อีกทั้งทูลวินโดว์ 8 ที่เราสามารถจะเข้าถึงโปรแกรมต่างๆ ขณะที่ยังได้ไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะพัฒนาแอพพลิเคชั่นได้พร้อมกับวันเปิดตัวได้ และเราอาจจะโชคดีตั้งแต่ที่ได้เริ่มฝึกงานกับไมโครซอฟท์ ทำให้ได้รู้จักพี่ๆ ที่นี่ ซึ่งการที่เรารู้จักทำให้เราเริ่มต้นโดยมีที่ปรึกษาที่ดีอย่างไมโครซอฟท์หรือหลายๆ บริษัทที่ซัพพอร์ตเรา ทำให้เราได้มีประสบการณ์ หรือได้มีช่องทางต่างๆ เช่น พาร์ทเนอร์รายอื่นที่ไมโครซอฟท์แนะนำให้”
Startup อาจไม่ง่ายแต่ไม่ยาก ถ้าอยากเริ่มต้น
นวพล กล่าวถึงคนที่อยากก้าวขึ้นมาเป็น Startup ด้วยว่า “ทางไมโครซอฟท์เองก็มีการจัดอบรมอยู่ตลอดเรื่อยๆ อย่างโครงการ อิมเมจิ้นคัพ ที่ก็จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ซึ่งถ้าน้องๆ ในวัยนักเรียนนักศึกษาได้เข้าร่วมโครงการที่ไมโครซอฟท์จัดอบรมบ่อยๆ ก็จะเรียนเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ของไมโครซอฟท์ ตลอดจนยังได้เป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับตนเองอีกด้วย”
ทางด้านปุญญ์ ได้กล่าวให้แนะนำเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับผู้ที่อยากจะมาเป็น Startup นั้นก็คือ การหาจุดเด่นหรือความถนัดของตนเองก่อนว่าชอบทำอะไร พร้อมกับให้มองในโลกของธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยว่าธุรกิจที่ต้องการจะทำมีอยู่แล้วมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะต้องหาความแปลกใหม่ หรือความโดดเด่นที่เป็นตัวเองเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างธุรกิจที่จะทำเพื่อไม่ให้ซ้ำกับคนอื่นๆ ก็จะสามารถฝ่าอุปสรรคในการเริ่มต้นเป็น Startup นี้ไปได้
“ถามว่าตลาดโมบายแอพพลิเคชั่นตอนนี้การแข่งขันสูงไหม มันสูง แต่จะเป็นการแข่งขันที่มีความชัดเจน และในอีกมุมมองหนึ่งก็คืออาจจะมีการเกื้อหนุนกันด้วย เช่น บริษัทผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นรายใหญ่บางราย อาจจะไม่มีความสามารถในการทำวินโดว์โฟน เขาก็อาจจะมาคุยกับเราเพื่อให้เราช่วยตรงนี้ ก็เหมือนการเป็นเอาท์ซอร์ส และนอกจากการมีจุดยืนที่ขัดเจนแล้ว แผนระยาวที่เราวางไว้ก็คือการมองแบบ Business to Business อย่างเช่นเมื่อก่อนเราทำแต่แอพพลิเคชั่นเล่นๆ สนุกๆ ถ่ายรูป แต่งตัว เราก็เริ่มมองว่าองค์กรนี้อาจจะมีระบบขายของ Point of Sale ตามจุดต่างๆ เราจะนำเสนอวินโดว์โฟนเข้าไปได้อย่างไร อาจจะไปผูกกับโมบายพรินเตอร์เพื่อที่จะมีระบบสต็อกในมือถือ หรือสามารถสั่งพิมพ์ได้ทันทีจากวินโดว์โฟนก็จะออกมาเป็นบิลใบเสร็จ เราก็เริ่มมีการนำเสนอโมเดลเหล่านี้เพื่อที่จะสามารถเปลี่ยนรูปแบบการทำงานทั้งบริษัทโดยใช้เพียงวินโดว์โฟน” ปุญญ์ กล่าว
“จริงๆ อย่างบริษัทเรา จุดเด่นก็คือวินโดว์โฟน เพราะว่าวินโดว์โฟนก็จะมีหน้าตาอย่างที่เห็นคือไม่เหมือนกับแพลตฟอร์มอื่นเลย ซึ่งทางไมโครซอฟท์เขาก็มีเกณฑ์ในการจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นว่าจะต้องเข้ากับ User Interface ที่มี ซึ่งตรงส่วนนี่เรามีประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าเยอะมากพอสมควร เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ และนี่ก็คือจุดเด่นของเรา” นวพล กล่าวเสริม
อีกหนึ่งปัญหาที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นปัญหาคลาสสิกของเหล่านักพัฒนานั้นก็คือ การขาดความรู้ในด้านแผนทางธุรกิจ ปุญญ์ อธิบายว่า บริษัทเหล่านั้นจะต้องประกอบไปด้วยบุคคลหลายๆ ประเภท เช่น อาจจะมีคนที่ไม่มีความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรม แต่ก็สามารถวางแผนทางธุรกิจได้อย่างครบวงจร หรืออาจจะต้องมีโปรแกรมเมอร์ ดีไซนน์เนอร์ ที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงมาประกอบกัน เพราะแน่นอนว่าภายในบุคคลคนเดียวย่อมไม่สามารถทำงานเองได้ครบทุกด้านทั้งหมด จึงต้องอาศัยคนที่มีความสามารถในแต่ละด้านมาช่วยกัน ธุรกิจจึงจะประสบความสำเร็จได้
“ปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่น่าจะเป็นปัญหาของประเทศด้วย ก็คือเรื่องที่ค่าตัวของนักพัฒนาในประเทศไทยค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ซึ่งทำให้หลายบริษัทดั๊มพ์ราคาแข่งกัน แล้วก็เริ่มมีนักพัฒนาฟรีแลนซ์เกิดขึ้นมากอย่างเช่นนักศึกษา เพราะแค่หาหนังสือมาอ่านมาศึกษาก็เริ่มทำเป็นกันแล้ว หลายๆ บริษัทใหญ่จึงเริ่มหันมาลดค่าใช้จ่ายของตัวเองโดยไปใช้เด็กฟรีแลนซ์เหล่านั้น ซึ่งเมื่อเราเสนองานเขาก็อาจจะยกตัวอย่างขึ้นมาเปรียบเทียบว่าถ้าจ้างเด็กราคาก็จะต่ำกว่าของเรา ซึ่งก็อาจจะเป็นปัญหาเล็กน้อยที่ต้องหาทางออกหรือทางแก้ไข แต่ก็เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ เพราะว่าเด็กที่สามารถทำได้ ก็อาจจะทำได้จริง แต่ความน่าเชื่อถือนั้นก็ย่อมแตกต่างกัน” ปุญญ์ กล่าวพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยว่า
“จุดเด่นที่แสดงความเป็นตัวตนของ Volevi อย่างแท้จริงคือการให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ที่มีต่อแอพพลิเคชั่น ที่เราเข้าใจ User Interface ของวินโดว์โฟนอย่างแท้จริง ซึ่งเราก็ได้ทำแอพพลิเคชั่นสวยๆ ไว้หลายอัน โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่น Travel Thailand ที่คุณแกรนท์ แมคบีธ อดีตกรรมการผู้จัดการโนเกีย ประเทศไทยกล่าวไว้ว่ามันเป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นที่สวยที่สุดบนวินโดว์โฟน”
สนับสนุนโดย นิตยสาร Ecommerce ฉบับ เมษายน 2556