ถ้าจะมีแอปฯไหนที่ปีนี้มาแรงก็เห็นจะเป็น Tik Tok ที่มียอดดาวน์โหลดพุ่งถึง 45.8 ล้านครั้งแซงแอปฯที่รู้จักกันดีอย่าง Facebook, Instagram, Youtube, Line, Twitter แม้แต่ WeChat เอาแค่ในอเมริกาก็ปาไปตั้ง 80 ล้านครั้ง ในจีนมีคนใช้ในแต่ละวันถึง 150 ล้านคนในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไม้เว้นแม้แต่บ้านเราที่เดือนมีนาคมแล้วมียอดโหลดไป 10 ล้านครั้ง นับเป็น 15% ของคนไทยทั้งหมด ขึ้นแท่นแอปฯดาวน์โหลดมากที่สุดแห่งปี
จากสมาร์ทโฟนในมือกลายเป็นสตูดิโอถ่ายมิวสิควีดีโอ
ไม่ต้องเป็นดาราจากไหน ใครๆก็ใช้แอปฯ Tik Tok ทำคอนเทนต์มิวสิควีดีโอได้เอง เปิดโอกาสได้คนใช้ได้จัดครีเอทีฟได้ตามใจชอบ จะเต้นหรือแสดงสีหน้าประกอบกับเพลง สติกเกอร์หรือสเปเชี่ยวเอฟเฟ็คท์ที่มีให้เลือกในแอปฯแนวไหนก็ได้ ลูกเล่นพวกนี้มี AI รองรับหมด มันจะคอยจับท่าทางเคลื่อนไหวของเราแล้วเอามาคิดเป็นฟีเจอร์ในแอปฯ เช่นฟีเจอร์ลิปซิ้งที่ออกแบบให้คนได้ขยับปากเข้ากับเพลงประกอบได้เป๊ะๆ ความยาววีดีโอก็แค่ไม่เกิน 15 วินาทีเอาไว้แชร์ให้เพื่อนๆหรือใครก็ได้ในโลก เอาไปเล่นกับเพื่อนสนุกๆวีดีโอไม่มีกดให้เล่นหรือหยุด เหมาะที่จะดูมือถือทำให้ดูที่ไหนก็ได้ สะท้อนถึงชื่อ Tik Tok ที่คงเดาไม่ยากว่ามาจากเสียงเดินเข็มของนาฬิกา สื่อถึงความยาวของวีดีโอแบบสั้น
ซึ่งคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมใน Tik Tok ก็หนีไม่พ้นคนที่ออกมาเต้นตามมิวสิควีดีโอประกอบ ตลกขบขัน ของกิน เด็กและสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงการแหย่การแกล้งคนขำๆ และทีเด็ดก็คือขายของผ่านแอปได้ด้วย แค่ติดลิงค์ไปที่เว็บขายของในคลิปก็เป็นอีกช่องทางการตลาดได้ด้วย
ใครเป็นคนทำ Tik Tok ?
หลายคนคงรู้แล้วว่า Tik Tok มันเริ่มมาจากจีน ซึ่งคนคิดก็เป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นมูลค่า 30 พันล้านเหรียญอย่าง ByteDance ที่ใช้ AI มาทำสื่อ แถมได้ประกาศรวมกับ Musical.ly ทำให้ Tik Tok ได้เข้าถึงผู้ใช้งาน Musical.ly ไปอีกมากกว่า 100 ล้านคนต่อเดือน และเตรียมขึ้นแท่นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 75 พันล้านเหรียญ
อาณาจักรแอปฯวีดีโอของ ByteDance
ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลัง ByteDance คือ Zhang Yiming ตอนอายุ 29 ปียังเป็นแค่วิศวกรซอฟท์แวร์ที่ฝันอยากเอาชนะบริษัทคอนเทนต์ยักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Tencent และทำกำไรได้อย่างที่ Google ทำไม่ได้ในจีน จนในที่สุด Zhang ได้พา ByteDance ประสบความสำเร็จในวัย 35 ปี
“สำคัญทีสุดคือ ByteDance ไม่ใช่ธุรกิจใหม่อะไร มันคือธุรกิจ Search Engine และ Social Media มากกว่า”
ที่พีคคือเงินลงทุนทั้งหมดของ Zhang ไม่ได้เอามาจากบริษัทใหญ่อย่างอาลีบาบาและ Tencent ด้วยซ้ำ
ทำไม Tik Tok ถึงได้ดังทั่วโลกภายในไม่ถึงสองปี
ถ้าคิดกันจริงๆ นอกจากจะเป็นเพราะความสามารถของ AI ที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวของคนและสีหน้าได้ ก็ยังมีเหตุผลอื่นๆที่ทำให้ Tik Tok ได้รับความนิยม เช่น 30% ของคนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีอายุราว 18 – 24 ปีซึ่งเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับ Tik Tok เพราะเป็นช่วงที่เล่นสื่อสังคมออนไลน์หนักเพื่อหาทางแสดงตัวตนออกมาให้เพื่อนๆและคนสนิทได้รู้ เทรนด์ในเรื่องของการดูวีดีโอคอนเทนต์ที่นับวันจะโตขึ้นเรื่อยๆ แถมโตมาจากจีนที่มีตลาดใหญ่มหาศาล ทำให้ปริมาณการเสพย์ข้อมูลคอนเทนต์มันเยอะตามไปด้วย ที่สำคัญคือเรื่องของ User Generated Content ที่ Tik Tok เป็นแค่แพลตฟอร์มและให้เครื่องมือกับคนธรรมดาที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำคอนเทนต์รวมตัวกันเป็นชุมชน
ยอดดาวน์โหลดของแอปฯยอดนิยมใน 3 เดือนแรกของปี 2018 แซง WeChat ของ Tencent และแอปฯฝั่งตะวันตก
Tik Tok กับดราม่าจากคู่แข่งรอบด้าน
ความสำเร็จของ Tik Tok ทำให้บริษัทคอนเทนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent อยู่เฉยไม่ได้ Tencent ได้จัดการบล็อกทุกลิงค์ที่มาจาก Tik Tok บน WeChat และ QQ เรียบร้อย โดยอ้างว่าขัดต่อนโยบายของบริษัท แถมฟ้อง ByteDance ฐานหมิ่นประมาทและเรียกค่าเสียหายเพียงแค่หยวนเดียว! แต่สื่อจีนกลับตีความว่า Tencent กำลังกลัวคู่แข่งที่มาแรงอย่าง Tik Tok และ ByteDance ก็ฟ้อง Tencent กลับฐานมีพฤติกรรมขัดกับการแข่งขันทางการค้าเช่นกัน
ส่วน Facebook ก็ได้ข่าวว่าแอบทำ Lasso โปรเจคทำแอปฯมิวสิควีดีโอแข่งกะ Tik Tok ซึ่งก็ไม่ใช่การเดินเกมใหม่ของ Facebook ที่เห็นแอปฯไหนประสบความสำเร็จก็มักกจะก็อปปี้ทั้ง Stories ของ Instagram ที่เอาไปเดียมากจาก Snapchat ฟีเจอร์ Dating จาก Tinder ปรับ New Feed ที่เพิ่มเนื้อหาข่าวมากขึ้นตาม Twitter
และคราวนี้ก็เป็นทีของ Tik Tok ที่อาจจะโดนก็อปปี้ไอเดียแน่ๆ
Copyright © MarketingOops.com